The Mayflower ห้องอาหารจีนระดับตำนาน ปรับโฉมใหม่พร้อมเสิร์ฟความอร่อยอีกครั้ง ณ ดุสิตปริ๊นเซส

The Mayflower ห้องอาหารจีนสไตล์กวางตุ้งระดับตำนานจากดุสิตธานี กรุงเทพฯ ที่เปิดมานานกว่า 40 ปี ได้ย้ายมาเปิดที่โรงแรมดุสิต ปริ๊นเซส ศรีนครินทร์ โดยคงความดั้งเดิมของรสชาติแบบ Mayflower แต่ปรับให้เข้ากับยุคสมัยและพื้นที่ใหม่ใน The Chinese ที่รอให้คนมาลิ้มลอง

ภัตตาคารจีนสุดหรูที่ถูกตั้งอยู่ภายในโรงแรมดุสิต ปริ๊นเซส ศรีนครินทร์ มีทั้งพื้นที่ส่วนกลางที่ติดกับสวนทำให้บรรยากาศปลอดโปร่ง และในบริเวณใกล้เคียงเป็นพื้นที่ของห้อง VIP ท่ามกลางบรรยากาศสุดลักชูรีภายในโรงแรม

ใครกำลังมองหาร้านอาหารสำหรับครอบครัวหรือสถานที่สำหรับพูดคุยกับผู้ใหญ่ เราอยากแนะนำร้านนี้ที่เพียบพร้อมไปด้วยอาหารสุดพิถีพิถัน เติมเต็มมื้ออาหารสุดพิเศษในวันสำคัญ

วันนี้ The Momentum มีโอกาสพูดคุยกับ เชฟอี๊ด-บุญมี พูนรักษ์ Executive Chef ประจำ The Mayflower ที่มีประสบการณ์ในครัวอาหารจีนในดุสิตมากว่า 20 ปี

เชฟเล่าว่า The Mayflower เป็นห้องอาหารจีนที่อยู่คู่กับดุสิตธานีมานาน เน้นอาหารจีนสไตล์กวางตุ้งที่ทำอย่างพิถีพิถัน ปรับสูตรให้เข้ากับคนไทยจนกลายมาเป็นห้องอาหารระดับตำนาน

แต่ก่อน The Mayflower อยู่คู่กับโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพ (Dusit Thani Bangkok) มากว่า 50 ปี ร้านแห่งนี้เพิ่งย้ายมาอยู่ที่โรงแรมดุสิต ปริ๊นเซส ศรีนครินทร์ (Dusit Princess Srinakarin) แม้จะมีการปรับบางเมนูเล็กน้อยให้เข้ากับพื้นที่และยุคสมัย แต่ยังคงรักษารสชาติความเป็น The Mayflower แบบดั้งเดิมเอาไว้ได้

รสชาติอาหารเป็นสิ่งที่ผู้เขียนสามารถพูดได้เต็มปากว่า เชฟรังสรรค์ด้วยความตั้งใจในทุกๆ เมนู ด้วยรสชาติที่กลมกล่อม อันเกิดจากการคัดเลือกวัตถุดิบที่มีคุณภาพ ทำให้ไม่ต้องปรุงมาก และสามารถชูรสชาติของวัตถุดิบให้โดดเด่นและผสานกันได้อย่างดี

เริ่มต้นที่เมนูแนะนำอย่างเป็ดปักกิ่ง 

“ความพิเศษคือ เราคัดเลือกเป็ดที่มีความหนามากกว่าเป็ดเชอร์รี่ ซึ่งทำให้เวลาย่างออกมาแล้วแล่จะไม่เหี่ยวง่าย ไม่นิ่ม จะมีความหนาขึ้นอีกนิดหนึ่ง แต่พอเวลาที่กัดเข้าไปแล้ว ให้รสสัมผัสกรอบ” เชฟบุญมีกล่าว

เป็ดปักกิ่งเสิร์ฟพร้อมเครื่องเคียงและซอสเต้าเจี้ยวหวาน ความพิเศษของเป็ดปักกิ่งที่นี่คือ การเลือกเป็ดที่มีขนาดใหญ่พิเศษ 

และหนังที่ถูกนำไปผ่านกระบวนการจนมีความหนาและกรอบเป็นพิเศษ เป็นจุดเด่นเฉพาะของ The Mayflower เมื่อกินเข้าไปจะมีความมันและชุ่มฉ่ำ กินคู่กับแป้ง ผัก และซอสเต้าเจี้ยวหวาน ทำให้ลงตัวพอดี

เมี่ยงเป็ด เมนูซิกเนเจอร์จากเนื้อเป็ดปักกิ่ง แน่นอนว่าเป็นเมนูพิเศษที่ควรสั่งเมื่อมาที่นี่ ด้วยรสชาติที่มีความจัดจ้านเล็กน้อยจากกลิ่นพริกไทย ทำให้ตัดเลี่ยนกับมื้ออาหารได้ดี ยิ่งกินคู่กับผักกาดแก้วยิ่งทำให้สดชื่น

มาต่อที่เมนูแนะนำและไม่อยากให้พลาดเมื่อมา The Mayflower กับฟักทองญี่ปุ่นทอดกรอบเคลือบไข่ทองคำ 

เชฟบุญมีกล่าวว่า “เมนูนี้เป็นออริจินัลของ The Mayflower ชุบแป้งบางๆ ทอดให้กรอบ ทนนาน แล้วเวลาที่เรามาผัดกับไข่เค็ม ทำให้ไข่เค็มไปเคลือบแล้วเกาะบางๆ ทำให้กินไม่รู้สึกว่าต้องกินแป้งเยอะเกินไป ให้ความรู้สึกกรอบนอกนุ่มใน โดยฟักทองที่ใช้เป็นฟักทองญี่ปุ่น เลือกที่ไม่แก่และไม่อ่อนจนเกินไป” 

ฟักทองญี่ปุ่นที่มีรสหวานในตัวถูกนำไปชุบแป้งบางๆ แล้วทอดจนกรอบ แต่ไม่อมน้ำมัน ก่อนจะนำไปคลุกกับไข่เค็มที่มีความมันเบาๆ มีรสของเกลือมาตัดให้เกิดรสชาติและผสานกับความหวานละมุนของฟักทอง เป็นเมนูที่ไม่ควรพลาดอย่างยิ่ง หากได้มากินที่ The Mayflower แห่งนี้

แต่เมนูแนะนำยังไม่หมดแค่นี้ เชฟบุญมีกล่าวว่า “นอกจาก 2 เมนูที่แนะนำไป ที่นี่ยังมีเมนูเต้าหู้ โดยใช้เต้าหู้ญี่ปุ่นนำไปคลุกแป้งที่ผ่านการปรุงรสด้วยสูตรเฉพาะของร้าน แล้วนำไปทอดให้กรอบนอกนุ่มใน เนื้อเต้าหู้จะมีความหวานในตัว เมื่อผสมผสานกับความกรอบของแป้งและความเค็มบางๆ ทำให้รสชาติที่ออกมาไม่จัดจนเกินไป”

เต้าหู้กรอบคั่วพริกเกลือ เมนูที่อาจจะฟังดูธรรมดา แต่พิเศษด้วยความพิถีพิถันในทุกขั้นตอน ทำให้เมนูนี้พิเศษกว่าใคร ตั้งแต่เต้าหู้ที่เชฟเลือกใช้เต้าหู้ญี่ปุ่นที่ให้สัมผัสแบบเนื้อคัสตาร์ด ก่อนจะนำไปชุบแป้งกรอบให้มีความหนาพอดีและเนื้อสัมผัสน่ากิน และนำไปคั่วพริกเกลือที่ถูกสับจนละเอียดและปรุงให้พอดี ไม่เค็มโดด รสชาติที่ออกมาจึงมีแต่ความลงตัว สามารถกินส่วนผสมทุกอย่างเข้าไปด้วยกันได้อย่างลงตัว

นอกจากนี้เชฟเล่าว่า “หนึ่งในแนวคิดของที่นี่คือ การใช้วัตถุดิบพื้นที่ท้องถิ่น เลือกวัตถุดิบที่ไม่ทำลายธรรมชาติ เน้นการใช้วัตถุดิบที่เป็นมิตรกับธรรมชาติ ซึ่งเรามีซัพพลายเออร์ที่เป็นชาวบ้าน เพื่อสนับสนุนสินค้าจากท้องถิ่นให้ได้มากที่สุด”

เชฟเสริมว่า The Mayflower ให้ความสำคัญกับการคัดสรรวัตถุดิบออร์แกนิกและมีคุณภาพมากสูง ก่อนจะถึงมือลูกค้า

เรากำลังพูดถึงเมนู ปลาราดซอสเต้าซี่ ที่สะท้อนแนวคิดนั้นได้เป็นอย่างดี เป็นอาหารจีนสไตล์กวางตุ้ง ที่ถ่ายทอดรสชาติของวัตถุดิบได้อย่างโดดเด่น โดยเฉพาะผักที่มีรสชาติเฉพาะ เติมเต็มสีสันให้จานอย่างลงตัว จนแทบไม่ต้องปรุงเพิ่ม ทำให้เรารับรู้ถึงอร่อยของปลาและผักที่ประสานกันอย่างกลมกล่อมด้วยซอสเต้าซี่ 

เกี๊ยวกุ้งทอดวาซาบิ เมนูที่ดูตอนแรกเหมือนจะไม่เข้ากัน เพราะมีแคนตาลูปฝานบางๆ มาให้ แต่กินเข้าไปแล้วถึงกับต้องขอลองอีกสักคำ เกี๊ยวกุ้งที่ถูกทอดมาอย่างดี พร้อมด้วยเนื้อกุ้งที่มีความเด้งหนึบ ราดด้วยซอสสลัด และตบท้ายด้วยแคนตาลูป ทำให้เกิดความสดชื่นแบบการกินสลัดผลไม้กุ้งกรอบ ที่มาในรูปแบบของเกี๊ยวกุ้งทอดแทน

ปวยเล้งผัด ถ้าเป็นคนกินผักยากก็อยากให้ลองฝึกจากเมนูนี้ ตอนแรกที่กินเข้าไป เราแทบไม่รู้สึกถึงผัก ด้วยขั้นตอนที่ทำให้ผักนั้นเปื่อยจนนุ่มพอดี แทบจะละลายในปาก กับกลิ่นฉุนเฉพาะตัวที่แทบไม่มีเหลือ ถูกแทนที่ด้วยซอสผัดรสชาติกลมกล่อมและกระเทียมทอดมาตัดรสเบาๆ

ความพิเศษของเมนูติ่มซำที่นี่คือ ทำสดทุกชิ้น และมีเชฟที่ดูแลโดยเฉพาะ จึงพิเศษกว่าที่อื่น โดยจะขอเล่าไปทีละเมนู

– ซาลาเปาไข่เค็มลาวา ตัวแป้งนุ่มหนึบ ไส้ทะลัก ไม่หวานเกินไป

– ขนมจีบกุ้ง กุ้งตัวใหญ่เนื้อเด้ง แป้งบาง กินตอนยังร้อนแล้วอร่อยมาก

– ปลานึ่งซีอิ๊ว ปลาชิ้นใหญ่ ซีอิ๊วหอมหวาน

– ฮะเก๋า ไส้เด้งแป้งหนึบ

– ซาลาเปาหมูแดง แป้งฟู เคี้ยวแบบหนึบ ไส้ที่ถูกพิถีพิถันผัดมาให้มีความเข้มข้นของรสชาติจนตัดกับแป้งซาลาเปาได้อย่างลงตัว

– เผือกทอด ไส้ข้างในเหมือนไส้หมูแดง แป้งทอดฟู มีเผือกเนื้อเนียนซ่อนอยู่ด้านใน

เมนูทั้งหมดนี้ กินคู่กับชาจีนร้อนสามารถตัดเลี่ยนได้เป็นอย่างดี หรือถ้ากินคู่กับน้ำเก๊กฮวยของทางร้านก็จะยิ่งเพิ่มความสดชื่นให้กับมื้ออาหาร

มาต่อกันที่ขนมหวาน The Momentum ได้ลองเมนูดั้งเดิมและแนะนำของที่นี่ คือ

แปะก๊วยบัวลอยน้ำขิง น้ำขิงเผ็ดน้อย แปะก๊วยหวานอร่อย บัวลอยไส้ข้างในหวานตัดกับน้ำขิงที่หวานน้อยกำลังดี

เรียกได้ว่าเมนูทั้งหมดที่ได้กินในวันนี้เต็มไป เราสัมผัสได้ถึงความใส่ใจและพิถีพิถันในทุกขั้นตอน สมชื่อโรงแรมดุสิตธานีที่เป็นตำนานด้านอาหาร เราจึงไม่แปลกใจว่าทำไมในทุกๆ เมนูจึงเต็มไปด้วยความพิเศษ ที่แม้สถานที่จะเปลี่ยนไป The Mayflower ยังคงความดั้งเดิมกับรสชาติแสนพิเศษ ที่ทำให้อาหารจีนทุกจานที่ถูกเสิร์ฟจากครัวแห่งนี้ กลายเป็นมื้อสุดหรูและน่าจดจำสำหรับผู้ที่เข้ามากินทุกคน

หากใครสนใจอยากลิ้มลองความพิเศษของอาหารมื้อนี้ ตอนนี้ยังมีโปรโมชันพิเศษ วันจันทร์กับพุธ ลด 50% จากราคา 1,200 บาทสุทธิต่อท่าน และวันเสาร์-วันอาทิตย์ ลด 30% จากราคา 1,200 บาทสุทธิต่อท่าน โดยโปรโมชันมีจนถึง 31 สิงหาคม 2025 สำรองที่นั่งล่วงหน้าทาง https://bit.ly/DPSB-MayFlower-reservstion ​ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ทาง https://lin.ee/UDI6JnV