“มันร้อนมาก ร้อนมากๆ”

1

กิม ฟุก (Kim Phuc) อายุ 9 ขวบ เกิดในเวียดนามใต้ แม่มีร้านอาหารที่ดีสุดในเมือง ครอบครัวของเธอมีของกินเหลือเฟือ กิม ฟุกหัวเราะง่ายและหัวเราะบ่อยครั้ง

เธอชอบไปโรงเรียน ชอบเล่นกับลูกพี่ลูกน้องคนอื่นๆ ในหมู่บ้าน การโดดเชือกและวิ่งไล่จับคือกิจกรรมที่เด็กหญิงโปรดปราน ท่ามกลางสงครามกลางเมืองในเวียดนาม แต่ความสุขก็เป็นสิ่งหนึ่งที่เธอสัมผัสได้ในเวลานั้น

จนกระทั่งวันที่ 8 มิถุนายน 1972 มาถึง

กิม ฟุกกำลังเล่นกับน้องและเด็กคนอื่นที่ลานว่างของวัด ทันใดก็ต้องสะดุ้ง เพราะเครื่องบินรบโฉบเข้ามาใกล้ เสียงดังจนหูแทบหนวก

จากนั้นระเบิดก็ดังสนั่น พร้อมควัน และความเจ็บปวดก็แล่นพล่านมาถึงกิม ฟุก

“ฉันจำไม่ได้ว่าตอนนั้นเกิดอะไรขึ้น รู้แค่ว่าวิ่งหนีเร็วแค่ไหน ระเบิดนาปาล์มก็ติดตามตัว มันเผาผิวฉันและเจ็บปวดมาก สิ่งนี้จะติดในความทรงจำชั่วชีวิต”

กิม ฟุกจำไม่ได้ว่าวิ่งไปไกลแค่ไหน จำไม่ได้กระทั่งว่า ตัวเองตะโกนบอกว่า มันร้อนมาก ร้อนมากๆ

แต่ที่เธอคลับคล้ายคลับคลาก็คือ ฝูงช่างภาพและสื่อมวลชน ออกันตรงหน้าเด็กหญิง ช่างภาพเวียดนามรายหนึ่งกดชัตเตอร์ แล้วเอากล้องลง ก่อนรีบเอาขวดน้ำที่พกมาราดใส่บาดแผล เพื่อบรรเทาความเจ็บปวด พร้อมวิ่งไปขอเสื้อกันฝนของทหารมาห่มร่างกิม ฟุก แล้วรีบพาไปโรงพยาบาล

“เขาช่วยชีวิตฉัน”

2

นิก อู๊ต (Nick Ut) เดินตามรอยพี่ชายในการเป็นช่างภาพข่าว ตระเวนบันทึกภาพสงครามเวียดนาม จนถูกยิงตายระหว่างทำงาน สร้างบาดแผลให้กับ บก.ฝ่ายภาพของสำนักข่าว AP อย่างมาก แต่กระนั้นมันก็จุดประกายให้นิกเข้าสู่วงการข่าว ด้วยการถ่ายภาพนิ่งให้กับต้นสังกัดเดียวกับพี่ชาย ด้วยวัยเพียง 16 ปี 

วันที่ 8 มิถุนายน 1972 นิกอายุ 21 ปี เขาเดินทางมาที่หมู่บ้านจางบาง เพื่อถ่ายภาพผู้ลี้ภัยจากสงคราม เนื่องจากกองทัพเวียดนามใต้ เตรียมกวาดล้างทหารเวียดนามเหนือที่พยายามเข้ามาแทรกซึมในพื้นที่ จึงวางแผนทิ้งระเบิดขับไล่ข้าศึกที่รุกเข้ามา

 เครื่องบินรบปูพรมส่งอาวุธสังหารโปรยปรายจากฟากฟ้า มันคือระเบิดนาปาล์ม (Napalm) ซึ่งทำปฏิกิริยาให้ความร้อนสูงมากกว่าระเบิดทั่วไป เพื่อพิฆาตศัตรูให้ตายอย่างฉับพลัน

แต่แล้วกองทัพเวียดนามใต้สร้างความผิดพลาด พวกเขาทิ้งระเบิดผิดจุดลงไปยังหมู่บ้านที่กิม ฟุกอาศัยอยู่แทน

ชายหนุ่มเห็นเครื่องบินส่งเสียงกัมปนาท จากนั้นก็ตามด้วยเสียงคนร้อง ในฐานะช่างภาพข่าว เขากดชัตเตอร์บันทึกความโหดร้ายของสงครามกลางเมืองนี้ จับภาพยายอุ้มทารก ตะโกนขอความช่วยเหลือ แต่แล้วหนูน้อยก็สิ้นใจลงตรงหน้านิก

สื่อมวลชนรีบเข้าไปรุมล้อมทารกคนนี้ แต่แล้วนิกส่องไปที่ช่องมองภาพ เขาเห็นเด็กหญิง วิ่งกางแขนอยู่ด้านหลัง สภาพเปลือยเปล่า เพราะระเบิดนาปาล์มเผาไหม้เสื้อผ้าจนละลายแนบไปกับเนื้อ

ชายหนุ่มหยิบกล้อง Leica M2 ซึ่งบรรจุฟิล์มของ Kodak ขึ้นมาถ่ายทันที

เสียงตะโกนร้องว่า ‘มันร้อน’ ดังก้องในหูช่างภาพหนุ่ม เมื่อเขาเห็นว่าเธอทรมานแค่ไหน จึงหยุดถ่ายรูปแล้วตรงเข้าไปช่วยเหลือกิม ฟุกทันที

“ตอนน้ำราดบนผิวเธอ เหมือนเราหยอดน้ำลงบนกระทะร้อนเลย”

นิกไม่รอช้า เขาหยุดทำหน้าที่สื่อ แล้วกลับมาใช้ชีวิตเป็นมนุษย์อีกครั้ง เจ้าตัวอุ้มเด็กหญิงขึ้นรถตู้นักข่าว เพื่อพาไปส่งโรงพยาบาล

กิม ฟุกนั่งลงบนพื้น เพราะแผลที่หลังน่ากลัวมาก ให้พิงอะไรไม่ได้ เพราะจะทำให้เธอแสบ กว่าจะถึงมือแพทย์ก็ต้องขับกันไปนานกว่า 20 กิโลเมตร

“ผมกลัวเธอจะไม่รอด เลยบอกให้โชเฟอร์ขับไวกว่านี้”

เมื่อถึงโรงพยาบาล แพทย์แจ้งว่า ที่นี่มีเด็กถูกระเบิดนาปาล์มเต็มไปหมด คงไม่สามารถรับเด็กหญิงคนนี้ได้

“หมอเอาแต่ขอโทษ เด็กร้องทุรนทุราย ส่วนผมก็ร้องไห้”

นิกตัดสินใจควักบัตรนักข่าว ขออภิสิทธิ์ครั้งสำคัญ “ถ้าคุณไม่รับเธอไว้ มันจะเป็นข่าวหน้าหนึ่งในวันพรุ่งนี้แน่นอน”

คำขู่ได้ผล แพทย์ตัดสินใจรับดูแล ก่อนจะส่งกิม ฟุกไปที่โรงพยาบาลเด็กในไซง่อน เมืองหลวงเวียดนามใต้ในขณะนั้น

เช้าวันต่อมา นิกกลับไปยังจุดที่พบเด็กหญิง เขาเจอแม่ของหนูน้อย เธอกำลังร้องไห้ตามหาลูก เขารู้ว่าหญิงสาวคนนี้เป็นใคร จึงรีบตรงเข้าไปบอก เพื่อจะรีบพาเธอไปพบกิม ฟุก

“น้องเขายังมีชีวิตอยู่”

3

สำนักข่าว AP ตื่นตะลึง เมื่อนิกเข้ามาพร้อมฟิล์มม้วนนี้ เมื่อพวกเขาล้างมัน ทุกคนก็ลงมติเอกฉันท์ โลกจะต้องได้เห็นภาพเด็กหญิงในสภาพเปลือยเปล่า ร้องไห้อย่างเจ็บปวด ท่ามกลางฉากหลังซึ่งไปด้วยควันไฟจากการทิ้งระเบิด

มันคือภาพที่พูดแทนสงครามเวียดนามทั้งหมด มันคือภาพที่ทำให้อเมริกันชนกดดันให้รัฐบาลอเมริกา ถอนตัวเองจากความขัดแย้งในประเทศนี้

มันคือภาพที่กองทัพเวียดนามเหนือหลังยึดเวียดนามใต้ได้ ชูเป็นภาพที่สะท้อนความเจ็บปวดของคนในประเทศที่ถูกแบ่งแยกโดยชาติตะวันตก มันคือภาพที่บอกเล่าความโหดร้าย อาวุธมหาประลัย และผู้ที่เดือดร้อนคือชาวบ้าน ประชาชนตาดำๆ

กิม ฟุกถูกเรียกขานจากคนทั้งโลก เธอไม่ใช่เด็กหญิงธรรมดาอีกต่อไป และไม่ว่าจะอายุมากเท่าไร ก็จะถูกจดจำในฐานะหนูน้อยวัย 9 ขวบตลอดกาลกับชื่อใหม่ว่า

‘เด็กหญิงระเบิดนาปาล์ม’

ชีวิตเธอหลังจากนั้นเต็มไปด้วยความเจ็บปวดทุกข์ทน 14 เดือนหลังบาดเจ็บ กิม ฟุกต้องรับการผ่าตัดกว่า 17 ครั้ง เพื่อรักษาเนื้อซึ่งถูกนาปาล์มเผาไหม้กว่า 65%

หลังสงครามเวียดนามสิ้นสุดในปี 1975 เธอถูกพาตัวไปรักษาตามโรงพยาบาลที่มีชื่อเสียงในโลกตะวันตก มีโอกาสได้ลี้ภัยมาสหรัฐอเมริกา ก่อนย้ายไปอาศัยในแคนาดา พร้อมเข้ารับการผ่าตัดอย่างต่อเนื่อง กระนั้นร่างกายเธอก็ปรากฏรอยแผลเป็น ซึ่งจะคงอยู่กับเธอไปชั่วชีวิต เช่นเดียวกับภาพของกิม ฟุก เด็กหญิงระเบิดนาปาล์ม

“ฉันเกลียดภาพนี้”

หลังได้รับบาดเจ็บ เธอเอาแต่ครุ่นคิดและไม่เข้าใจว่า ตอนที่เธอถูกระเบิดนั้น ทำไมถึงถูกรุมถ่ายภาพจากสื่อ เพื่อให้คนทั้งโลกเห็น 

กิม ฟุกเกลียดนิกที่กดชัตเตอร์ ไม่เข้าใจว่าเขาทำไปทำไม ทุกคราที่เห็นภาพนี้

“ฉันจะเจ็บปวดและอับอายมาก”

แต่แล้วเมื่อเวลาผันผ่าน เธอเริ่มเข้าใจตัวเองและเข้าใจภาพข่าวมากยิ่งขึ้น เธอกับสามีเลยอุทิศตนรณรงค์เพื่อให้โลกปราศจากสงคราม มีแต่สันติภาพ เธอเขียนหนังสือบอกเล่าชีวิตและการต่อสู้กับบาดแผลจากสงครามและภาพข่าว

กิม ฟุกเปลี่ยนความคิดต่อนิกใหม่ เธอขอบคคุณที่เขาบันทึกภาพนั้นได้ เพราะมันเป็นตัวแทนของปีศาจในคราบมนุษย์ ยิ่งทำให้เธอรักในสันติภาพ การให้อภัย และความดีงามของมนุษย์

“เพราะมันทรงพลังยิ่งกว่าอาวุธใดในโลกหล้า”

4

ภาพถ่ายเด็กหญิงนาปาล์ม ได้รับรางวัลภาพข่าวยอดเยี่ยมของโลกในปี 1973 และได้รางวัลพูลิตเซอร์ (Pulitzer Prize) ในปีเดียวกัน มันสร้างชื่อเสียงให้กับนิกไปชั่วชีวิต เขายังคงติดต่อกับกิม ฟุกอยู่เป็นประจำ ช่างภาพหนุ่มทำงานให้กับสำนักข่าว AP นานกว่า 51 ปี กลายเป็นพลเมืองอเมริกัน ก่อนจะเกษียณอายุตัวเองในปี 2017 ด้วยวัย 66 ปี 

ชายชรายังคงเดินสายแนะนำสื่อมวลชนรุ่นน้องอยู่เสมอว่า “ผมหวังว่าช่างภาพรุ่นใหม่จะถ่ายภาพได้ดีกว่าคนยุคผม เพราะพวกคุณเก่งและทำงานหนักมาก แถมยังต้องเรียนรู้การถ่ายวิดีโอ อุตสาหกรรมสื่อเปลี่ยนแปลงไปกว่าเมื่อ 40 ปีก่อน ทุกสิ่งล้วนไวและสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น”

เขาเป็นตำนานคนข่าวที่ยังมีลมหายใจและยิ่งใหญ่ของโลก

จนกระทั่งมีข้อโต้แย้งชิ้นใหม่ปรากฏขึ้น พร้อมข้อสงสัยว่า

“นิกไม่ใช่คนถ่ายภาพเด็กหญิงระเบิดนาปาล์ม”

เหตุการณ์นี้เริ่มจากมีผู้พบว่า ภาพถ่ายของเด็กหญิงระเบิดนาปาล์ม เป็นฟิล์มที่ถ่ายจากกล้องถ่ายรูปยี่ห้อ Pentax ซึ่งนิกไม่มีกล้องดังกล่าวในวันเกิดเหตุ เพราะเขาสะพายกล้อง 4 ตัว เป็นของยี่ห้อ Leica 2 ตัว ส่วนที่เหลือเป็นของ Nikon

แล้วภาพถ่ายนี้เป็นฝีมือของใครกัน

สื่อมวลชนที่เจาะลึกเรื่องนี้เผยว่า คนที่ถ่ายภาพเด็กหญิงระเบิดนาปาล์มได้น่าจะเป็นชายที่ชื่อว่า เหงียน ทันห์ แง (Nguyen Thanh Nghe) ช่างภาพอิสระชาวเวียดนาม ซึ่งตอนนี้มีอายุ 87 ปี โดยได้ค่าถ่ายภาพนี้เพียง 20 เหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ เท่านั้น

โดยเหงียนเป็นเพียงช่างภาพที่เดินทางไปที่จุดทิ้งระเบิดในวันที่ 8 มิถุนายน 1972 ด้วย

การขุดคุ้ยพบหลักฐานว่า เดิมนั้นหัวหน้าเวรช่างภาพของ AP ไม่ต้องการนำเสนอภาพกิม ฟุก เพราะเด็กหญิงเปลือย มันรุนแรงเกินไป กระนั้นเมื่อ บก.ฝ่ายภาพมาเห็นกลับต้องการนำเสนอภาพนี้

“เขาเป็นหัวหน้า บอกมาแบบนี้ ผมจะทำอะไรได้”

ภาพของนิกกับภาพของเหงียน ต่างถ่ายเด็กหญิงที่ถูกระเบิดได้ทั้งคู่ เพียงแต่อยู่กันคนละมุม ฝ่ายภาพของสำนักข่าว AP เลือกภาพของเหงียน แต่ขณะกำลังจะเขียนคำบรรยายว่าจะให้ใส่ชื่อใครเป็นเจ้าของอยู่นั้น บก.ฝ่ายภาพก็บอกว่า “ใส่ชื่อนิก อู๊ต ใส่ชื่อนิก อู๊ต”

ผ่านไปกว่า 53 ปี หัวหน้าเวรช่างภาพบอกกับสื่อภายหลังว่า เขาเก็บงำความลับเสมอมา และเสียใจที่ไม่ได้ท้วงติงในวันนั้น

บก.ฝ่ายภาพย้ำว่า “ช่างภาพอิสระไม่ใช่ทีมงานของเรา ไม่ต้องใส่ชื่อเขาไปเด็ดขาด”

ภูมิหลังของเรื่องนี้ก็คือ บก.ฝ่ายภาพรู้สึกเสียใจ และคิดว่าเป็นความผิดของตัวเองต่อความตายของพี่ชายนิก ซึ่งทำงานเป็นลูกน้องให้กับเขาที่สำนักข่าว AP และเจ้าตัวก็เป็นคนรับช่างภาพหนุ่มเข้าทำงาน มีเงินเดือน ด้วยวัยไม่ถึง 20 ปีด้วยซ้ำ

นี่จึงเป็นสาเหตุที่นำไปสู่อคติและการฉ้อฉลในเรื่องเครดิตเจ้าของภาพถ่ายนี้ ที่สำคัญช่วงเวลานั้นสำนักข่าว AP คือตำนานของภาพนิ่ง เหตุการณ์สำคัญมากมายถูกบันทึกไว้ได้จากช่างภาพ ทุกคนเชื่อใจทีมงาน ดังนั้นตอนที่นิกแจ้งว่า เขาถ่ายภาพที่น่าจะเป็นเหตุการณ์สำคัญได้ จึงไม่มีใครคิดหรือสงสัยว่าจะมีคนอื่นส่งภาพนี้มาด้วย และนั่นจึงนำไปสู่การให้ผลงานของนิกแทนที่ช่างภาพตัวจริง

ข้อสงสัยนี้ส่งผลให้นิกถูกถอดชื่อออกจากผู้ถ่ายภาพเด็กหญิงระเบิดนาปาล์ม จากรางวัลภาพถ่ายโลก กระนั้นองค์กรเจ้าของรางวัล ก็ไม่ได้ระบุหรือยืนยันว่าใครคือผู้ถ่ายภาพนี้กันแน่

เหงียนที่อาจเป็นเจ้าของภาพเด็กหญิงระเบิดนาปาล์มตัวจริงบอกว่า “จากหลักฐานทุกอย่าง ขอให้ทุกคนเปิดใจให้กว้างกับความจริงที่ซ่อนอยู่ในเรื่องราวนี้”

ด้านสำนักข่าว AP พบว่า บก.ฝ่ายภาพในวันนั้นและพยานต่างๆ ล้วนเสียชีวิตหมดแล้ว แถมหัวหน้าเวรภาพก็มีปัญหากับสำนักข่าวจนถูกไล่ออกในเวลาต่อมา สิ่งที่น่าสงสัยก็คือ หากเขารู้ว่าใครคือผู้ถ่ายภาพนี้ตัวจริง ทำไมต้องรอนาน 50 กว่าปี ถึงค่อยออกมาพูด แถมยังมีแรงจูงใจว่าอาจจะแค้นที่ทำงานเก่าด้วย

อีกทั้งเหงียนที่บอกว่าเขาถ่ายภาพนี้ได้ก็นิ่งเงียบมานาน กว่าจะกล้าก้าวออกมา ทุกอย่างมันจึงยากจะพิสูจน์และไขปริศนานี้ได้

ด้านนิกก็ออกมาตอบโต้ข้อกล่าวหานี้อย่างดุเดือดว่า “ผมถ่ายภาพกิม ฟุก และภาพอื่นๆ ในวันนั้น ผมคือผู้รังสรรค์มันขึ้น ตั้งแต่วันแรกถึงวันนี้กว่า 50 ปี จนเกษียณตัวเอง ดังนั้นไม่ควรมีใครพรากสิทธิของผม จากความเป็นเจ้าของภาพนี้โดยเด็ดขาด”

กิม ฟุกเองก็ออกมายืนยันว่า ลุงของเธอเป็นคนยืนยันว่านิกถ่ายภาพนี้ในตอนเกิดเหตุ และไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เขาคือผู้ช่วยชีวิต พาไปรักษาดูแล และยังติดต่อด้วยความเป็นห่วงเป็นใย จากวันเกิดเหตุจนถึงปัจจุบัน

5

บทสรุปของเรื่องนี้ยังเต็มไปด้วยคำถามที่ยากจะหาคำตอบได้ เพราะแม้จะมีข้ออ้างและข้อสงสัย แต่ก็ยากจะรู้ได้ว่า แท้จริงแล้วใครคือผู้ถ่ายภาพเด็กหญิงระเบิดนาปาล์ม สัญลักษณ์แห่งความโหดร้ายของสงครามเวียดนามที่จบสิ้นไปกว่า 50 ปีแล้ว

ทุกวันนี้กิม ฟุกยังคงเรียกร้องหาสันติภาพ ส่วนนิกและเหงียนต่างคนต่างยืนยันว่า เป็นคนถ่ายภาพนี้

ขณะที่โลกก็ขมวดคิ้วสงสัยว่า ใครคือผู้ลั่นชัตเตอร์กำเนิดภาพเด็กหญิงระเบิดนาปาล์ม

บางทีคงมีเพียงนิกและเหงียนเท่านั้นที่รู้ดีที่สุดว่า ภาพถ่ายนี้เป็นฝีมือของใครกันแน่

ข้อมูลอ้างอิง

https://www.vanityfair.com/hollywood/story/napalm-girl-photograph

https://www.nbcmiami.com/news/local/napalm-girl-from-iconic-vietnam-photo-receives-burn-treatment-in-miami/2794383/

https://lensmagazine.net/nick-ut-an-exclusive-interview-with-pulitzer-prize-winner/

https://www.gqthailand.com/views/article/interview-nick-ut

https://www.nytimes.com/2025/05/16/business/media/vietnam-war-photo-ap.html

https://edition.cnn.com/style/article/napalm-girl-50-snap

https://www.nytimes.com/2022/06/06/opinion/kim-phuc-vietnam-napalm-girl-photograph.html

https://aboutphotography.blog/blog/the-terror-of-war-nick-uts-napalm-girl-1972

https://www.bbc.com/thai/articles/c787gdqjjzjo

https://petapixel.com/2025/02/13/nick-ut-breaks-his-silence-on-accusation-he-didnt-take-napalm-girl-photo/

– https://documentaryclubthailand.com/napalm-girl-photo-controversy-updated2/

Tags: , , ,