‘ย้ายเมืองหลวง’

เป็นหนึ่งหัวข้อถกเถียงยอดนิยมในการเมืองร่วมสมัย ไม่เว้นแม้แต่การเลือกตั้งเกาหลีใต้ครั้งล่าสุด หลัง อี แจมยอง (Lee Jae-myung) ประธานาธิบดีคนใหม่จากพรรคประชาธิปไตยเกาหลีใต้ (Democratic Party of Korea: DPK) หรือพรรคมินจูดัง (민주당) ที่เพิ่งได้รับคะแนนเสียงแบบแลนด์สไลด์ ตีประเด็นดังกล่าวในระหว่างการหาเสียง ด้วยการวางแผนสร้างเมืองหลวงคู่ขนาน 2 แห่ง คือ ‘เซจงซิตี้’ (Sejong City) เป็นเมืองหลวงในทางปฏิบัติ ขณะที่แทจอน (Daejeon) จะเป็นเมืองหลวงด้านวิทยาศาสตร์

อันที่จริงวาระการย้ายเมืองหลวงไม่ใช่เรื่องใหม่ เรียกได้ว่าอยู่คู่กับการเมืองเกาหลีใต้ทุกยุคทุกสมัยตั้งแต่ 40 ปีก่อน ทว่าในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ประเด็นดังกล่าวกลับมาถูกพูดถึงซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทั้งนักการเมืองต่างหยิบยกมาใช้ในการหาเสียง ขณะที่มีผลสำรวจจาก Hanbook Research สะท้อนความคิดเห็นของประชาชนในปี 2022 ที่ชี้ว่า ผู้คน 54.9% เห็นด้วยกับการย้ายเมืองหลวงไปที่เซจงซิตี้ ขณะที่อีก 51.7% คัดค้านวาระดังกล่าว

คำถามที่ตามมาคือ ทำไมวาระดังกล่าวจึงได้รับความสนใจอีกครั้ง แล้วเมกะโปรเจกต์อย่างการย้ายเมืองหลวงของเกาหลีใต้ในครั้งนี้ เป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน The Momentum จะพาทุกคนไปหาคำตอบพร้อมกันในบทความนี้

ย้ายเมืองหลวงไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ซับซ้อนกว่าที่คิด

แม้แนวคิดแผนการย้ายเมืองหลวงในเกาหลีใต้ เริ่มต้นในสมัยประธานาธิบดี พัค จองฮี (Park Chung-hee) โดยมีแผนคัดเลือกเมืองใหม่อย่างจริงจังตั้งแต่ปี 1977 ทว่านโยบายดังกล่าวได้รับการพิจารณาให้เป็นเรื่องเป็นราวในปี 2003 ซึ่งตรงกับสมัยของ โน มูฮยอน (Roh Moo-hyun) อดีตประธานาธิบดีคนที่ 9 ของประเทศ เพื่อแก้ไขปัญหารถติด และประชากรล้นเมืองในโซล ไปพร้อมกับการกระจายอำนาจ ส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจ และสร้างความเจริญในภูมิภาคอื่นๆ ในประเทศ  

พื้นที่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศอย่างจังหวัดชุงช็อง (Chungcheong) จึงถูกเลือกในฐานะว่าที่เมืองหลวงใหม่ของประเทศ นอกเหนือจากเหตุผลด้านเศรษฐกิจ ความมั่งคั่ง และเป็นหนึ่งในพื้นที่สำรวจตั้งแต่ในยุคของพัค จองฮี รัฐบาลยังคำนึงเหตุผลด้านความมั่นคงทางการทหาร เพราะมีชัยภูมิในการรับมือทำสงครามกับเกาหลีเหนือได้ดี คือ มี ‘ปราการธรรมชาติ’ เช่นแม่น้ำและภูเขา อีกทั้งยังอยู่ห่างจากเขตปลอดทหาร (Demilitarized Zone: DMZ) ถึง 30 กิโลเมตร ต่างจากโซลที่เป็นจุดสุ่มเสี่ยง เพราะอยู่ใกล้เกาหลีเหนือมาก ทำให้ประเทศเสียจุดยุทธศาสตร์สำคัญได้อย่างง่ายดายในกรณีที่เกิดสงคราม

ในระหว่างนั้น โน มูฮยอนได้เดินหน้าก่อตั้งคณะทำงานอย่างจริงจัง ขณะที่สมัชชาแห่งชาติได้ผ่านกฎหมายก่อตั้งเมืองหลวงใหม่ในช่วงเดือนธันวาคมปี 2003 แต่เรื่องที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เพราะศาลรัฐธรรมนูญเกาหลีใต้ออกโรงคัดค้าน โดยระบุว่า กฎหมายดังกล่าวขัดต่อจารีตประเพณีตามรัฐธรรมนูญ (Customary Constitution) เนื่องจากโซลเป็นเมืองหลวงของเกาหลีใต้ที่มีความสำคัญต่อผู้คนในเชิงประวัติศาสตร์ หากจะย้ายเมืองหลวง รัฐบาลต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งต้องผ่านเสียงเห็นชอบจาก 2 ใน 3 ของสมัชชา และการทำประชามติจากประชาชนเท่านั้น 

แน่นอนว่า การย้ายเมืองหลวงจึงจับคู่กับการแก้ไขรัฐธรรมนูญเกาหลีใต้ไปโดยปริยาย ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่ทางการเมือง ที่แตะถึงโครงสร้างการปกครองและการกระจายอำนาจของประเทศ ทำให้รัฐบาลโน มูฮยอนเปลี่ยนแผนกลางคัน และมอบภารกิจให้เอกชนจัดการ ต่อมาจึงเกิดเมืองใหม่ที่ชื่อว่าเซจงซิตี้ มาจากชื่อกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ของเกาหลีที่ประดิษฐ์อักษรฮันกึล และมีสถานะเป็นเขตการปกครองพิเศษในปี 2012

การย้ายเมืองหลวงจากโซลไปยังเซจงมักถูกหยิบยกมาพูดถึงในการเลือกตั้งทุกครั้ง เช่น ในการเลือกตั้งปี 2007 อี มยองบัก (Lee Myung-bak) อดีตประธานาธิบดีคนที่ 10 และนายกเทศมนตรีกรุงโซล เคยวางแผนสร้างเซจงซิตี้เป็นศูนย์กลางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของประเทศ โดยตั้งเป้าให้ประชาชนราว 5 แสนคนเข้าอาศัยอยู่ อีกทั้งยังเสนอให้สถานศึกษา บริษัททั้งในและต่างประเทศมาลงทุนในเมือง ซึ่งบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง ซัมซุง (Samsung), ล็อตเต (Lotte) และฮันฮวา (Hanhwa) ต่างให้ความสนใจ คิดเป็นเงินลงทุนสูงถึงราว 8 ล้านล้านวอน (ประมาณ 1.9 แสนล้านบาท)

ทว่ารัฐบาล อี มยองบัก ต้องเผชิญกระแสต่อต้านทางการเมือง โดยเฉพาะกลุ่มฐานเสียงพรรคเสรีก้าวหน้า (Liberal Forward Party) ที่เชื่อว่า การย้ายเมืองจะทำให้ชุงช็องใต้ได้รับผลกระทบครั้งใหญ่ เป็นเหตุให้ อี วานกู (Lee Wan-koo) อดีตผู้ว่าจังหวัดชุงช็องใต้ ลาออกจากตำแหน่งเพื่อประท้วง

เช่นเดียวกับ ยุน ซอกยอล (Yoon Suk-yeol) อดีตผู้นำเกาหลีใต้ ก็ได้หยิบยกโปรเจกต์ดังกล่าวขึ้นมาพูดถึงในแคมเปญการเลือกตั้งปี 2022 โดยหวังย้ายรัฐสภา สถานที่ราชการสำคัญ สร้างพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ และสถาบันวิจัยเพื่อดึงดูดต่างชาติให้เข้ามาลงทุน

ย้ายเมืองหลวง ปฏิรูปรัฐธรรมนูญ ยกเครื่องการเมืองเกาหลีใต้: แผนการใหม่จากอี แจมยอง รับมือปัญหาประชากรแออัดในกรุงโซล

ประโยคว่า ‘อะไรใหม่ๆ’ อาจใช้ได้กับแผนการย้ายเมืองหลวงของอี แจมยอง ที่ต่างจากผู้นำคนอื่นในอดีต แม้จะเคยแย้มแผนการดังกล่าวในปี 2020 แต่ในการเลือกตั้งครั้งล่าสุด เขาเสนอแผนดังกล่าวควบคู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อปฏิรูปภาคการเมืองเปิดประตูเข้าสู่ยุคใหม่ของประเทศ โดยเสนอให้เกาหลีใต้ยุติข้อจำกัดวาระการดำรงตำแหน่ง ที่ให้ผู้นำดำรงตำแหน่งเพียง 1 สมัย ใน 5 ปี แต่เปลี่ยนเป็นเลือกตั้งทุก 4 ปี และย้ายเมืองหลวงจากโซลไปยังเซจงซิตี้

แผนการย้ายเมืองหลวงของประธานาธิบดีคนใหม่คือ การทำให้เซจงซิตี้เป็นเมืองหลวงทางราชการ โดยมีแผนย้ายสถานที่ราชการ เช่น รัฐสภา, ทำเนียบฟ้า (Cheong Wa-dae) หรือที่พำนักประธานาธิบดี จนถึงพื้นที่สาธารณะหลายแห่งภายในปี 2030 พร้อมออกกฎหมายพิเศษเพื่อทำงาน ซึ่งอี แจมยองออกมาประกาศเองว่า เขาจะสร้างรัฐสภาใหม่ทันทีผ่านการทำประชามติ และได้รับการเห็นชอบจากศาลรัฐธรรมนูญ

สาเหตุสำคัญที่พรรคมินจูดังจุดประเด็นการย้ายเมืองหลวงอีกครั้ง คงหนีไม่พ้นปัญหาประชากรแออัดในกรุงโซล เนื่องจากความเป็น ‘ศูนย์กลาง’ ความเจริญของประเทศ ทั้งการมีมหาวิทยาลัยชั้นนำ โรงพยาบาลคุณภาพดี รวมถึงสถาบันสำคัญทางวัฒนธรรม ที่กระจุกตัวอยู่ในบริเวณดังกล่าว ทำให้ผู้คนครึ่งหนึ่งของประเทศหรือ 9.5 ล้านคน ต่างเข้ามาอาศัยในเมืองแห่งนี้ โดยความหนาแน่นของประชากรคิดเป็น 15,699 คน ต่อพื้นที่ 1 ตารางกิโลเมตร

ปัญหาที่ตามมาจากประชากรแออัดคือ ราคาอสังหาริมทรัพย์สูงจนจ่ายไม่ได้ โดยคณะกรรมการอสังหาริมทรัพย์เกาหลี (Korea Real Estate Board: REB) เคยประเมินในปี 2024 ว่า  ราคาซื้อขายอะพาร์ตเมนต์ในกรุงโซลโดยเฉลี่ย อยู่ที่ 13.98 ล้านวอน (ประมาณ 3.4 แสนบาท) ต่อ 1 ตารางเมตร ทำให้ราคาซื้ออะพาร์ตเมนต์หลังหนึ่งอาจสูงขึ้นไปถึงราว 1 พันล้านวอน (ประมาณ 23.9 ล้านบาท) ซึ่งคิดเป็นราคาบ้าน 1 หลังในพื้นที่นอกเมืองหลวง อย่างจังหวัดคยองกี (Gyeonggi) หรืออินชอน (Incheon) 

นอกจากนี้ เหตุการณ์ ‘ช็อกโลก’ อย่างการประกาศกฎอัยการศึกของ ยุน ซอกยอล (Yoon Suk-yeol) ก็เป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้การย้ายเมืองหลวงได้รับความสนใจ หลังอดีตผู้นำเกาหลีใต้ย้ายทำเนียบฟ้า จากเดิมตั้งอยู่หลังพระราชวังคยองบก มาที่กระทรวงกลาโหมแถวย่านยงซาน โดยอ้างเหตุผลว่า ชองวาแดเป็นสัญลักษณ์ของจักรวรรดินิยม (แม้จะมีข่าวลือว่า การย้ายเกี่ยวข้องกับเหตุผลทางไสยศาสตร์และโชคลางก็ตาม) ทว่าการย้ายสำนักงานในครั้งนั้นกลับเป็นช่องโหว่ครั้งใหญ่ที่ทำให้ยุน ซอกยอล สามารถ ‘ก่อกบฏ’ ได้สำเร็จ จนพื้นที่แห่งนี้ถูกตราหน้าว่าเป็นแหล่งซ่องสุมกลุ่มกบฏ 

กล่าวได้ว่า เหตุการณ์ในครั้งนั้นยังหลอกหลอนคนเกาหลี และมีอิทธิพลทางการเมืองมาก โดยที่เซจงซิตี้เข้ามามีอิทธิพลในการถกเถียงในฐานะ ‘พื้นที่ทำงานใหม่’ หลังแคนดิเดตเลือกตั้งประธานาธิบดีคนอื่นๆ เช่น อี จุนซอก (Lee Jun-seok) จากพรรคปฏิรูป (Reform Party) เสนอสร้างสำนักงานประธานาธิบดีและออฟฟิศรัฐสภาเข้าไว้ด้วยกันในเซจงซิตี้ เพื่อแสดงถึงสัญลักษณ์เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน หรือในอีกนัยหนึ่ง ก็ตีความได้ว่า รัฐสภาสามารถ ‘เป็นหูเป็นตา’ เฝ้าดูการทำงานของประมุขสูงสุดแห่งประเทศได้

เกาหลีใต้ควรมีเมืองใหญ่มากกว่านี้ เพราะความเจริญไม่ควรกระจุกตัวในโซล

มุน ยุนซัง (Moon Yoon-sang) นักวิจัยจาก Korea Development Institute (KDI) ให้สัมภาษณ์กับ Al Jazeera ถึงประเด็นดังกล่าวว่า เกาหลีอาจสามารถถอดบทเรียนการย้ายเมืองหลวงจากกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ได้ แม้ตอนนี้ เซจงซิตี้ไม่ได้เจริญมาก มีเพียงโรงแรม 2 แห่ง แต่เขาเชื่อว่า หากรัฐบาลย้ายสถานที่ราชการมา โดยเฉพาะสมัชชาแห่งชาติ พื้นที่ตรงนี้อาจเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่

ขณะที่ พัค จิน (Park Jin) ศาสตราจารย์จาก KDI School of Public Policy and Management สนับสนุนการย้ายเมืองหลวงมายังเซจงซิตี้ โดยเชื่อว่า ความเจริญในเกาหลีใต้ยังกระจุกตัวอยู่ที่โซลมากเกินไป และเกาหลีใต้ควรมีเมืองใหญ่นอกโซลอย่างน้อย 5 แห่ง เช่น ปูซาน เพื่อกระจายความเจริญมายังพื้นที่อื่นๆ ซึ่งหากเซจงซิตี้เป็นเมืองหลวง พื้นที่อื่นๆ ใกล้เคียงจะได้รับการพัฒนาและยกระดับตาม อย่างแทจอนที่อี แจมยองวางแผนให้เป็นศูนย์การวิจัยและวิทยาศาสตร์ของเกาหลีใต้ 

อย่างไรก็ตามสิ่งที่สื่อท้องถิ่นกังวลกับประเด็นการย้ายเมืองหลวงครั้งนี้ นอกเหนือจากการปั่นราคาอสังหาริมทรัพย์ แคมเปญดังกล่าวอาจเป็น ‘ช่องทาง’ หาคะแนนเสียงทางการเมืองของแคนดิเดตประธานาธิบดีในช่วงเลือกตั้ง อีกทั้งนโยบายการพัฒนาต่างๆ อยู่ผูกกับตัวนักการเมืองรายบุคคล ที่ไม่รู้ว่าจะสิ้นสุดตำแหน่งเมื่อใด มากกว่าการยึดโยงแผนการพัฒนาประเทศในระยะยาว ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เซจงซิตี้ กลายเป็นเมืองหลวงในฝันที่ไม่เกิดขึ้นจริงสักที

 

อ้างอิง

https://koreajoongangdaily.joins.com/news/2025-04-18/opinion/editorials/Sejong-relocation-pledges-must-go-beyond-symbolism/2287791

https://www.aljazeera.com/news/2025/5/31/south-koreas-presidential-favourite-has-plans-for-new-de-facto-capital

https://www.bbc.com/news/live/ce81gnvzmr6t

Dalgon Lee, “Political Leadership during a Policy Shift: The Effort to Revise the Sejong City,” Journal of Policy Studies 26, no. 1 (2011): 1-19.

https://www.koreatimes.co.kr/southkorea/20091123/500000-will-live-in-sejong-city-by-2030

https://www.koreatimes.co.kr/opinion/20100125/sejong-city-struggle

https://www.indonesiakoreajournalist.net/the-tale-of-sejong-city-korean-experience-of-capital-shifting/

https://koreajoongangdaily.joins.com/news/2025-04-18/opinion/editorials/Sejong-relocation-pledges-must-go-beyond-symbolism/2287791

https://koreajoongangdaily.joins.com/news/2025-04-15/national/politics/Explainer-With-a-new-president-likely-to-move-the-Yongsan-office-where-will-the-phoenix-rise-next/2284518

https://www.koreatimes.co.kr/southkorea/20091123/500000-will-live-in-sejong-city-by-2030

https://www.dw.com/en/south-korea-incoming-president-yoon-wants-to-relocate-capital-from-seoul/a-61170422

Tags: , , , , , , ,