คุณเคยสูญเสียสัตว์เลี้ยงไหม

เจ้าตูบตัวจ้อยที่เคยแอบอิงแนบอก เจ้าเหมียวตัวจิ๋วที่เคยเพรียกหาเราในยามเช้า จนกระทั่งวันหนึ่งความเป็นไปเหล่านั้นได้หายจากเราไปตลอดกาล สำหรับบางคนไม่ใช่เพียงแค่สูญเสีย ‘สัตว์เลี้ยง’ แต่คือการสูญเสีย ‘ครอบครัว’

Heavenly Ever After ในสวรรค์นิรันดร (2025) ซีรีส์น้องใหม่จาก Netflix เรื่องราวความรัก การพรากจากและโลกหลังความตาย ในตอนที่ 2 มาด้วยพาร์ตที่จับจุดคนเลี้ยงสัตว์ได้อยู่หมัด ด้วยการนำเสนอเรื่องราวของสัตว์เลี้ยงที่ตายไปและรอคอยให้เราไปพบ ณ สะพานสายรุ้ง

ความหวังเล็กๆ ณ สะพานสายรุ้ง

บทกวีจากผู้แต่งไม่ทราบชื่อ แม้จะมีออกมาหลากหลายรูปแบบ ทว่าใจความสำคัญนั้นกล่าวว่า บนโลกนี้ยังมีอีกแดนดินหนึ่งปกคลุมไปด้วยหญ้าเขียวขจี แสงแดด และสายลมอุ่น ไร้ซึ่งความเจ็บปวด พานพบแต่ความสงบสุข ณ สถานที่แห่งนั้นมีเจ้าสัตว์เลี้ยงตัวน้อยรอคอยเหล่าเจ้าของจนกว่าจะได้กลับมาพบกันอีกครั้ง และไม่มีวันพรากจากกันอีก

แนวคิดนี้มิได้มาจากศาสนาใดโดยตรง เป็นเพียงบทกวีจากความต้องการปลอบประโลมหัวใจที่ห่อเหี่ยว เพื่อไม่ให้เศร้าเกินไปนัก ความหวังเล็กๆ อย่างการที่เราสามารถพบกันได้อีกครั้ง อาจทำให้เรารับได้ว่า ถึงจากไป แต่ก็ไม่ได้จากกันไปตลอดกาล

ทำไมเราถึงอยากเชื่อเรื่อง ‘สะพานสายรุ้ง’

ทฤษฎี Terror Management Theory (TMT) เสนอในปี 1986 โดยนักจิตวิทยาสังคม เจฟฟ์ กรีนเบิร์ก (Jeff Greenberg), ทอม พิชชินสกี (Tom Pyszczynski) และเชลดอน โซโลมอน (Sheldon Solomon) แรงบันดาลใจมาจากงานเขียนของนักมานุษยวิทยา เออร์เนสต์ เบกเกอร์ (Ernest Becker) ชี้ว่า มนุษย์มีความสามารถในการตระหนักรู้ถึง ‘ความตาย’ เมื่อรู้แล้วจึงเกิดความกลัวที่ลึกๆ แล้วไม่รู้ตัวว่ากลัวเสียด้วยซ้ำ มนุษย์จึงต้องหา ‘ความเชื่อ’ มายึดเหนี่ยวหัวใจที่เปราะบาง ไม่ว่าจะเป็นความเชื่อในด้านศาสนา จิตวิญญาณ หรือแม้กระทั่งเรื่องของ ‘โลกหลังความตาย’ 

ในกรณีของผู้เลี้ยงสัตว์ การเชื่อว่าสัตว์เลี้ยงรอเราอยู่ ณ สะพานสายรุ้งจึงเป็นกลไกที่คอยปกป้องความรู้สึกห้วงลึกในจิตใจ ไม่ให้กลายเป็นรอยแผลบาดลึก ทำให้เรารู้สึกว่า ถึงจะต้องจากกันในวันนี้ แต่ก็ยังมีวันหนึ่งรออยู่ข้างหน้า วันที่จะได้พบกันอีกครั้ง และครั้งนั้นจะไม่มีวันต้องพรากจากกันอีก

ภาพ: ซีรีส์ Heavenly Ever After ในสวรรค์นิรันดร ทาง Netflix

สำหรับซีรีส์ Heavenly Ever After ในสวรรค์นิรันดร ตอนที่ 2 นำเสนอแนวคิดสะพานสายรุ้งผ่านเรื่องราวของตัวละครที่ได้พบกับสัตว์เลี้ยงที่จากไปอีกครั้ง ตัวละครแสดงให้เห็นถึงความรักและความผูกพันที่มีต่อสัตว์เลี้ยง ดั่งบทพูด

“โตโต้ ขอโทษนะ แม่มาช้ามากเลยใช่ไหม โตโต้ จากนี้ไปเรามาอยู่ด้วยกันเถอะนะ”

“ฉันคิดถึงแกมากเลย ฮง สบายดีไหม”

“ไม่เป็นไรใช่ไหม ฉันคิดถึงแกมากเลย”

ภาพเหล่านี้ช่วยสร้างความหวังและความฝันให้กับเหล่าผู้เลี้ยงสัตว์ว่า ถึงแม้จะจากกันในยามนี้ แต่ถึงกระนั้นก็ยังไม่ใช่ครั้งสุดท้ายหรือตลอดกาล ยังมีโลกอีกใบรอให้เราได้พบเจอกันในอีกสักวันหนึ่ง

เมื่อความสูญเสียเป็นสิ่งที่มาถึงโดยไม่ทันให้ใครได้ตั้งตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสูญเสียกล่องดวงใจไปอย่างยากจะรับมือ ในบางคราเราอาจรู้สึกโกรธจนโทษตัวเอง เสียใจจนไม่สามารถใช้ชีวิต รู้สึกผิดต่อเจ้าตัวเล็กอย่าไม่อาจอภัยได้ เรื่องเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องแปลก แต่เป็นสิ่งที่ระยะเวลาจะช่วยชะล้างเยียวยา เรียนรู้ที่จะใช้ชีวิตอยู่ต่อจนกระทั่งความเจ็บปวดเลือนลับ

ความเสียใจไม่ใช่สิ่งที่จำเป็นต้องรีบหายดี แสดงความรู้สึกออกมา ไม่จำเป็นต้องบอกว่า ตัวเองนั้นเข้มแข็งเสมอ การก้าวผ่านความสูญเสียนั่นไม่จำเป็นต้องลืม แต่เป็นการยอมรับและเรียนรู้ที่จะอยู่กับมันให้ได้ ความทรงจำเราคงอยู่แม้ไม่มีเจ้าตัวเล็กอยู่เคียงข้าง

ดั่งซีรีส์ Heavenly Ever After ที่แสดงให้เห็นว่า ความตายนั้นไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คาดคิด การได้พบกันอีกครั้งในสวรรค์ อาจช่วยตอบคำถามของความเศร้าจากหัวใจได้

ในบางครั้งการจากลาก็มิใช่จุดจบ แต่เป็นเพียงปฐมบทเริ่มต้นของเรื่องราวชีวิตในครั้งใหม่ ซ้ำการกลับมาพบกันก็อาจไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุดเช่นกัน เรื่องราวสำคัญในวันนี้อาจเป็น วันนี้เรารักเขามากพอแล้วหรือยัง

อ้างอิง:

https://www.rainbowsbridge.com/Poem.htm 

https://steemit.com/thai/@bbkastro/the-rainbow-bridge

https://tmt.missouri.edu/

https://www.ebsco.com/research-starters/social-sciences-and-humanities/terror-management-theory

https://www.kwilife.com/blog/detail/change-sadness-to-understanding

Tags: , , , , , , , , , ,