“ให้ผมเล่นการเมืองเหรอ ผมไปเป็นตัวตลกในคณะละครสัตว์ดีกว่า”
ใครจะเชื่อว่า ชายที่พูดคำนี้ด้วยท่าทีมั่นใจตั้งแต่ 13 ปีที่แล้ว จะกลายมาเป็นนายกรัฐมนตรีแคนาดาคนใหม่ ที่ต้องรับหน้าที่อันยิ่งใหญ่ต่อจาก (อดีต) พระเอกของโลกการเมืองอย่าง จัสติน ทรูโด (Justin Trudeau) หลังประกาศตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งในเดือนมกราคมที่ผ่านมา เหตุเพราะความนิยมลดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ปูทางให้พรรคเสรีนิยมแคนาดา (Liberal Party of Canada) ต้องเปลี่ยน ‘ม้า’ กลางศึก เพื่อรอรับการเลือกตั้งระดับประเทศที่กำลังจะถึงในเร็ววันนี้
ชื่อของ มาร์ก คาร์นีย์ (Mark Carney) อดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศแคนาดาและสหราชอาณาจักรวัย 59 ปี เต็งโผอันดับหนึ่งตั้งแต่วันแรกที่มีการเปิดเผยว่า ใครจะต้องรับไม้ต่อจากทรูโด แซงหน้า คริสเตีย ฟรีแลนด์ (Chrystia Freeland) นักการเมืองหญิงและอดีตรัฐมนตรีกระทรวงการคลัง ไปอย่างทิ้งห่าง สะท้อนจากผลการลงคะแนนเสียงล่าสุดที่เป็นไปตามคาด หลังเขาได้รับความไว้วางใจจากสมาชิกพรรคเสรีนิยมแบบแลนด์สไลด์ ให้นั่งเก้าอี้ผู้นำพรรค (ซึ่งต้องเป็นนายกฯ โดยอัตโนมัติ) ด้วยคะแนนเสียง 85.9% หรือคิดเป็นกว่า 1.5 แสนโหวต
กล่าวได้ว่า หน้าที่ของนายกฯ คนใหม่ไม่ได้สิ้นสุดเพียงแค่กู้หน้าให้กับพรรคเสรีนิยม อดีตที่เคยรุ่งโรจน์ในยุคของทรูโด และเอาชนะพรรคฝ่ายขวาที่กำลังได้รับความนิยม แต่ภารกิจดังกล่าวยังรวมถึงการเผชิญหน้ากับภัยคุกคามใกล้ตัวอย่างสหรัฐอเมริกา เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดภายใต้รัฐบาล โดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) ที่ประกาศกร้าวว่า พร้อมฮุบเพื่อนบ้านเป็นรัฐที่ 51 และเปิดฉากความขัดแย้งด้วยสงครามการค้า ถือเป็นความท้าทายที่แม้แต่นักการเมืองมืออาชีพต้องปาดเหงื่อ
แล้วเหตุใดนักการเมืองน้องใหม่อย่างคาร์นีย์ จึงกลายเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในการชุบชีวิตพรรคเสรีนิยม แคนาดา รวมถึงยุโรปในหน้าการเมืองโลก
มาร์ก คาร์นีย์: รถคันใหม่ของแคนาดาที่ดีกว่า ใหม่กว่า และไม่เคยเป็น ‘นักการเมือง’
ถ้าจะมีใครดำรงตำแหน่งต่อจากทรูโด คนนั้นต้องดีกว่าและตรงข้ามกับเขาอย่างสิ้นเชิง
หากมีใครพูดเช่นนี้ตั้งแต่ 9 ปีก่อน เชื่อว่าหลายคนคงจะทำหน้างงๆ แล้วก่นด่าว่าบ้าไปแล้ว เพราะใครกันจะทำให้แคนาดายิ่งใหญ่ และเป็นที่จดจำในแบบทุกวันนี้ ถ้าไม่ใช่นายกฯ รูปหล่อ ภาพลักษณ์ดี จนมีแม่ยกและพ่อยกทั่วโลกอย่างทรูโด
แต่วันนี้เราคงได้คำตอบแล้วว่า คนนั้นคือคาร์นีย์ ชายผู้มีภาพลักษณ์ที่ดีกว่า สดใหม่กว่า และไม่เคยเป็น ‘นักการเมือง’ (จนกระทั่งถึงตอนนี้ก็ตาม)
นอกจากการเป็นลูกชายของครูใหญ่ ได้ทุนจาก Harvard University เรียนปริญญาเอกด้านเศรษฐศาสตร์ที่ Oxford University และเคยทำงานกับ Goldman Sachs บริษัทยักษ์ใหญ่ทางด้านการเงิน โปรไฟล์ที่สร้างความฮือฮาไม่แพ้ผู้นำเบอร์ใหญ่คนไหนในโลกคือ การดำรงตำแหน่งผู้ว่าการธนาคาร 2 ประเทศอย่างแคนาดาและสหราชอาณาจักร (ที่ไม่ใช่คนอังกฤษในรอบ 300 ปี)
ขึ้นชื่อว่าเคยเป็นผู้ว่าการธนาคาร 2 ประเทศยักษ์ใหญ่คงต้องไม่ธรรมดา โดยเฉพาะความสามารถที่พาแคนาดาฝ่าอุปสรรคครั้งสำคัญอย่างภาวะเศรษฐกิจถดถอยครั้งใหญ่ (Great Recession) จนได้ฉายาว่า ‘ร็อกสตาร์’ และแปรเปลี่ยนภาพลักษณ์ธนาคารอังกฤษที่ดูดึกดำบรรพ์ให้ทันสมัยจากการปรากฏตัวบนหน้าสื่อบ่อย
ลำพังอาศัยความสามารถส่วนตัวคงไม่พอ คาร์นีย์ยังเป็นคนที่ไม่เกรงจะใช้อำนาจ หลังเขาทำให้นักการเมืองคนหนึ่งจดจำเขาในฐานะ ‘แฟนหนุ่มที่ไว้ใจไม่ได้’ เพราะพยายามแทรกแซงการลงคะแนนเสียงประชามติ 2 ครั้งของสหราชอาณาจักรคือ ประชามติสกอตแลนด์ออกจากสหราชอาณาจักร และ Brexit ด้วยคำขู่ต่างๆ นานา ไม่ว่าจะเป็นการเตือนว่า การที่สกอตแลนด์แยกตัวแต่ใช้เงินปอนด์ อาจขัดต่ออธิปไตยของประเทศ หรือหากอังกฤษโหวตออกจากสหภาพยุโรป (European Union: EU) เศรษฐกิจของประเทศจะถดถอย
แต่ไฮไลต์ที่สำคัญที่สุดคือ การเปิดหน้าวิจารณ์ทรัมป์อย่างตรงไปตรงมาในปี 2018 ในฐานะผู้ว่าการธนาคารแห่งสหราชอาณาจักร หลังย้ำว่า นโยบายกีดกันทางการค้าจะทำลายเศรษฐกิจโลก ขณะที่ยังเล่นบทบาททางการทูตในประเด็นสิ่งแวดล้อม ทั้งการเป็นผู้แทนพิเศษของสหประชาชาติ (United Nations: UN) ในปี 2019, การขึ้นกล่าวสุนทรพจน์กับ เกรตา ทุนเบิร์ก (Greta Thunberg) แอ็กทิวิสต์ชาวสวีเดนในปี 2020 ว่า เห็นด้วยกับประเด็นภาวะโลกเดือด และทำอีเวนต์ชิ้นโบแดงอย่างงาน Glasgow Financial Alliance for Net Zero ในปี 2021 ที่กระตุ้นให้ภาคการเงินสู้กับวิกฤตทางสภาพอากาศของโลก
ด้วยความเพียบพร้อมข้างต้นทำให้ จอร์จ ออสบอร์น (George Osborne) อดีตรัฐมนตรีกระทรวงการคลังอังกฤษ ผู้เลือกคาร์นีย์มาดำรงตำแหน่งผู้ว่าการธนาคารมากับมือเชื่อว่า ประสบการณ์ของเขาจะช่วยทำให้แคนาดาและชาติยุโรปเผชิญหน้ากับทรัมป์ได้ โดยย้ำว่า หากใครก็ตามที่จะนั่งในทำเนียบขาว แล้วมีบารมีมากพอที่ทรัมป์จะไม่เล่นแง่ใส่คนๆ นั้นต้องเป็นคาร์นีย์เท่านั้น
ขณะที่ โรแลนด์ เลสคูร์ (Roland Lescure) อดีตรัฐมนตรีกระทรวงอุตสาหกรรมฝรั่งเศสให้สัมภาษณ์กับ Politico ว่า คาร์นีย์รู้จักและมีความสัมพันธ์ที่ดีกับ เอ็มมานูเอล มาครง (Emmanuel Macron) ประธานาธิบดีฝรั่งเศส เป็นไปได้ว่า ความสัมพันธ์ของ 2 ประเทศอาจมาถึงจุดที่ดีที่สุด
ที่สำคัญอย่างยิ่ง สิ่งที่ทำให้คาร์นีย์กลายเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดของพรรคเสรีนิยมคือ การเป็น ‘คนนอก’ ไม่เคยเป็นนักการเมืองในสภา และไม่มีจุดเชื่อมโยงในหน้าการเมืองแคนาดา โดยเฉพาะในห้วงเวลาที่รัฐบาลทรูโดกำลังเผชิญรอยด่างพร้อยจากทรูโด ขณะที่พรรคอนุรักษนิยมแคนาดา (Conservative Party of Canada) ภายใต้ ปิแอร์ ปัวลิเยร์ (Pierre Poilievre) กำลังได้รับความนิยมจากประชาชน โดยมีคะแนนนำพรรคเสรีนิยม 156 ต่อ 143
Politico สื่อสหรัฐฯ เปรียบเทียบว่าที่นายกฯ คนใหม่ว่า เหมือน ‘รถคันใหม่’ ที่ใครๆ ก็อยากจะลองขับดู แม้ในความเป็นจริงเขาเคยเป็นที่ปรึกษารัฐบาลทรูโดมาก่อน แต่มักแสดงท่าทีออกตัวว่า เขาไม่ใช่นักการเมือง แต่เป็นนักปฏิบัตินิยมที่ชอบทำอะไรให้สำเร็จ ทั้งยังอ่อนหัดในทางการเมือง แถมยังพูดภาษาฝรั่งเศสเหมือนข้าราชการทั่วไป และมีประสบการณ์ขึ้นเวทีดีเบตน้อยมาก แม้ว่าบทบาทในหน้าการเมืองอังกฤษ และใครก็ต่อใครในยุโรปจะตอกย้ำเขาในฐานะนักการเมืองมืออาชีพคนหนึ่งก็ตาม
เหล่านี้สะท้อนจากการให้สัมภาษณ์กับ The Daily Show ในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา คาร์นีย์กล่าววิจารณ์นโยบายของพรรคเสรีนิยมและแสดงท่าทีห่างเหินกับทรูโดโดยย้ำว่า ตนนี่แหละคือแคนดิเดตหน้าใหม่ที่พร้อมพัฒนาเศรษฐกิจและต่อกรกับทรัมป์
นักปฏิบัตินิยมที่เปลี่ยนโฉมหน้าแคนาดา
ไม่ต้องรอการสาบานตนไม่กี่วันข้างหน้า สิ่งแรกที่คาร์นีย์เริ่มทำในฐานะผู้นำประเทศอย่างไม่เป็นทางการคือ การก่นด่าสหรัฐฯ ภัยคุกคามใหม่ของแคนาดา ในวันที่ทรัมป์เลือกจะหันหลังให้กับพันธมิตรประเทศสำคัญ
“อเมริกาไม่ใช่แคนาดาและแคนาดาก็ไม่มีทางเป็นส่วนหนึ่งของอเมริกา ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบไหนก็ตาม เราไม่ได้เรียกร้องให้เกิดการต่อสู้ แต่ชาวแคนาดาพร้อมเสมอ หากใครก็ตามเปิดหน้าสู้ก่อนเท่านั้น
“คนอเมริกันต้องการทรัพยากร น้ำ ดินแดน และประเทศของเรา คิดให้ดี ถ้าพวกเขาทำสำเร็จ จะทำลายชีวิตของคนแคนาดาได้ขนาดไหน” คาร์นีย์กล่าวด้วยท่าทีสบายๆ พร้อมกับย้ำว่า เขาจะดำเนินมาตรการขึ้นภาษีกับสหรัฐฯ ต่อไป จนกว่าชาวอเมริกันจะเคารพแคนาดา
แม้ภาษากายของว่าที่นายกฯ แคนาดาไม่ได้แสดงให้ถึงฝีไม้ลายมือในฐานะนักการเมืองอาชีพ ทว่าคำพูดของเขาสะท้อนถึงภาพลักษณ์ที่โลกไม่เคยเห็นจากทรูโดมาก่อน คือการละทิ้งความเป็นหัวก้าวหน้าจ๋า (หรือ Woke) โดยเฉพาะในห้วงเวลาที่โลกกำลังหันหน้าหากระแสขวา และประชานิยม (Populism) มากขึ้น
นั่นรวมถึงชาวแคนาดาที่กำลังหันเหมาสนับสนุนพรรคอนุรักษนิยม หลังปัวลิเยร์และพรรคอนุรักษนิยมประกาศนโยบาย Canada First พร้อมแสดงท่าทีแข็งกร้าวต่อสู้กับทรัมป์ ด้วยการเล่นกับใจของประชาชนผ่านการชู ‘ฝัน’ ในวันที่ประเทศที่เข้มแข็ง และลบล้างมรดกของทรูโด ซึ่งถูกมองว่าทำให้ประเทศอ่อนแอ
“ฟังผมให้ชัดนะ แคนาดาจะไม่มีวันเป็นรัฐที่ 51 ของสหรัฐฯ เราโกรธช้าและให้อภัยง่าย แต่อย่าสับสนว่า ความใจดีของแคนาดาคือความอ่อนแอ เราเป็นคนสุภาพอ่อนโยนและแข็งแกร่ง” คือประโยคหนึ่งจากปัวลิเยร์ ภาพแทนแคนาดาในวันที่เข้มแข็งและอาจทำให้ประชาชนตั้งคำถามต่อว่า ใครจะเป็นผู้นำที่ปกป้องผลประโยชน์ของประเทศได้ดีกว่ากัน
ก็คงต้องให้ผลงานและการแก้เกมของพรรคเสรีนิยมเป็นคำตอบในการเลือกตั้งระดับชาติ ที่อาจจะเกิดขึ้นก่อนกำหนดการ คือเดือนตุลาคม 2025 นับจากนี้เป็นต้นไป
อ้างอิง
https://macleans.ca/politics/ottawa/mark-carney-career-speculation-its-a-circus/
https://www.politico.com/news/2025/01/16/mark-carney-canada-prime-minister-ambitions-00198558
https://www.bbc.com/news/articles/c3911lv1pzko
https://www.nytimes.com/2025/03/09/world/canada/mark-carney-liberal-election.html
https://liberal.ca/meet-mark-carney/
https://time.com/7266178/canada-mark-carney-election-prime-minister/
Tags: โดนัลด์ ทรัมป์, จัสติน ทรูโด, เลือกตั้งแคนาดา, สหรัฐฯ, พรรคเสรีนิยมแคนาดา, เลือกตั้งแคนาดา 2025, มาร์ก คาร์นีย์, Mark Carney, แคนาดา, Justin Trudeau, สหรัฐอเมริกา