การออกมาเปิดโปงของ ฟรานเซส เฮาเกน (Frances Haugen) อดีตผู้จัดการฝ่ายผลิตภัณฑ์ของเฟซบุ๊ก ประจำทีม Civil Integrity ของเฟซบุ๊ก ว่าบริษัทโซเชียลมีเดียยักษ์ใหญ่แห่งนี้ มีความมุ่งมั่นจะกอบโกยผลกำไร ถึงขั้นยอมใช้อัลกอริทึมสนับสนุนความเกลียดชังผ่านเนื้อหาทางการเมือง กลายเป็นจุดด่างพร้อยครั้งใหญ่ของเฟซบุ๊กที่ชวนให้คนในสังคมเริ่มหันมาตั้งคำถามกับตัวเองว่า ถึงเวลาแล้วหรือยังที่ควรจะเลิกสนับสนุนเฟซบุ๊ก (อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมทาง: facebook.com/themomentumco/posts/2801932043431815)

ประเด็นแรกยังไม่ทันจะซา เฟซบุ๊กต้องเจอประเด็นสั่นสะเทือนต่อความเชื่อมั่นอีกระลอก เมื่อเฟซบุ๊ก, อินสตาแกรม และวอตส์แอป เกิดความขัดข้องไม่สามารถใช้งานได้นานถึง 6 ชั่วโมง ทำให้สูญเงินไปกว่า 6 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งส่งผลกระทบต่อผู้ใช้งานแพลตฟอร์มเหล่านี้เป็นวงกว้าง

ระหว่างเฟซบุ๊กกำลังถูกเพ่งเล็ง เมื่อวานนี้ (20 ตุลาคม 2021) The Verge สื่อด้านเทคโนโลยี รายงานว่า มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก (Mark Zuckerberg) ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของเฟซบุ๊ก วางแผนจะรีแบรนด์ครั้งใหญ่ ด้วยการเปลี่ยนชื่อบริษัทใหม่ เพื่อปูทางไปสู่ความทะเยอทะยานของการเป็นบริษัทเมตาเวิร์ส (Metaverse) มากกว่าเป็นแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียอย่างเดียว

นอกจากเฟซบุ๊กจะเป็นหัวใจหลักของบริษัท เป็นที่รู้กันดีว่า อินสตาแกรม, วอตส์แอป, แมสเซนเจอร์ และบริษัทพัฒนาเทคโนโลยีเสมือนจริงอย่างโอคูลัส (Oculus) อยู่ภายใต้การดูแลของเฟซบุ๊กด้วย โดยเมตาเวิร์สคือโลกดิจิทัลที่ทุกคนสามารถโต้ตอบกันได้ภายในสภาพแวดล้อม 3 มิติ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เฟซบุ๊กได้หันมามุ่งพัฒนาด้านเทคโนโลยีล้ำสมัยแห่งอนาคตอย่างจริงจัง โดยมีพนักงานกว่า 1 หมื่นคนที่กำลังสร้างฮาร์ดแวร์แว่นตา AR ทั้งยังเพิ่งประกาศรับพนักงานเพิ่มอีก 1 หมื่นคน เพื่อมาพัฒนาเมตาเวิร์สในยุโรปโดยเฉพาะ 

The Verge ระบุว่า แผนการเปลี่ยนชื่อของเฟซบุ๊กเป็นความลับที่ปกปิดไว้อย่างแน่นหนา และรู้กันไม่มากแม้แต่ผู้บริหารระดับสูง ชื่อใหม่ที่เป็นไปได้นี้อาจเกี่ยวข้องกับ Horizon โซเชียลมีเดียเวอร์ชัน VR จากเฟซบุ๊ก ที่ให้ทุกคนสามารถเข้าไปทำกิจกรรมต่างๆ อยู่ในโลกเสมือนจริง ซึ่งยังอยู่ช่วงระหว่างพัฒนา โดยคาดว่าการประกาศเปลี่ยนชื่อใหม่จะมีขึ้นในวันที่ 28 ตุลาคมนี้ หรืออาจถูกเปิดเผยเร็วกว่านั้น 

สำนักข่าว CNN ได้แสดงความคิดเห็นต่อประเด็นนี้ว่า การเปลี่ยนชื่อเพื่อสร้างภาพลักษณ์ใหม่ไม่อาจลบล้างชื่อเสียงอื้อฉาวของเฟซบุ๊กได้ทั้งหมด วิธีเดียวที่เฟซบุ๊กจะเรียกคืนความเชื่อมั่นจากสาธารณชนได้คือการเปลี่ยนซีอีโอ และจัดการกับปัญหาแท้จริงที่ส่งผลกระทบต่อผู้คน ไม่ใช่มุ่งเน้นพัฒนาเมตาเวิร์ส 

มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ได้ออกมาตอบโต้การเปิดโปงของฟรานเซส เฮาเกนว่า ก่อให้เกิดการเข้าใจผิด หากเฟซบุ๊กเห็นแก่เงินจริง ทำไมเฟซบุ๊กจึงว่าจ้างผู้คนจำนวนมากเพื่อต่อสู้กับเนื้อหาที่เป็นอันตรายมากกว่าทุกบริษัทในอุตสาหกรรม ซักเคอร์เบิร์กยืนยันว่า เฟซบุ๊กให้ความสำคัญกับความปลอดภัย ชีวิตความเป็นอยู่ และสุขภาพจิตที่ดีของผู้ใช้งานมาโดยตลอด 

ส่วนประเด็นเรื่องอินสตาแกรมกำลังทำให้เด็กวัยรุ่นหญิงมีปัญหาสุขภาพจิตแย่ลง ซักเคอร์เบิร์กแย้งว่า งานวิจัยของเฟซบุ๊กแสดงให้เห็นว่าวัยรุ่นจำนวนมากรู้สึกว่าอินสตาแกรมสามารถช่วยพวกเขาได้ เมื่อต้องตกอยู่ในช่วงเวลายากลำบากและเผชิญกับปัญหา นอกจากนี้อินสตาแกรมยังมีข้อดีมากกว่าอันตราย โดยแหล่งอ้างอิงงานวิจัยครอบคลุมตั้งแต่ประเด็นเรื่องความเหงา ความเครียด ความโศกเศร้า และปัญหาเรื่องการกิน 

อย่างไรก็ตาม รายงานจาก Center for Countering Digital Hate พบว่า อินสตาแกรมได้แนะนำข้อมูลที่ผิดเกี่ยวกับวัคซีนให้ผู้ใช้ในบางครั้ง แม้เฟซบุ๊กจะยืนยันว่าพวกเขาได้ปราบปรามเนื้อหาต่อต้านวัคซีน และการให้ข้อมูลผิดๆ ไปเป็นจำนวนมาก รวมทั้งงานวิจัยแหล่งอื่นแสดงให้เห็นมานานแล้วว่าการใช้โซเชียลมีเดียทำร้ายสุขภาพจิตของผู้ใช้ โดยเฉพาะวัยรุ่น เพราะเป็นการนำเสนอว่าคนอื่นๆ มีชีวิตที่ดี จนทำให้เกิดการเปรียบเทียบกับตัวเอง นอกจากนี้ยังมีประเด็นที่บริษัทภายนอกสามารถเข้าถึงข้อมูลของผู้ใช้ได้ ส่งผลทำให้เกิดความกังวลเรื่องความเป็นส่วนตัว

CNN มองว่าเฟซบุ๊กยังคงปฏิเสธปัญหาใหญ่เหล่านี้ และทำให้ทุกฝ่ายผิดหวัง ซึ่งผู้รับผิดชอบเฟซบุ๊กในเรื่องทั้งหมดนี้ก็คือ มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก นั่นเอง เป็นที่ชัดเจนแล้วว่าเขาขาดความโน้มเอียงทางศีลธรรมหรือความสามารถในการแก้ปัญหาเหล่านี้ ซักเคอร์เบิร์กต้องออกไป และบริษัทควรประกาศซีอีโอคนใหม่โดยเร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ ควรเป็นคนที่รอบคอบและมุ่งมั่นจะสร้างความโปร่งใสอย่างแท้จริงว่าโซเชียลมีเดียกำลังทำร้ายสังคมของเราอย่างไร

ที่มา: 

https://www.theverge.com/2021/10/19/22735612/facebook-change-company-name-metaverse

https://edition.cnn.com/2021/10/20/opinions/facebook-name-change-ceo-zuckerberg-alaimo/index.html?utm_source=feedburner&utm_medium=feed&utm_campaign=Feed%3A+rss%2Fcnn_topstories+%28RSS%3A+CNN+-+Top+Stories%29

.

Tags: , , , ,