การพิจารณาคดี ‘ฮั้วเลือกตั้ง สว.’ เป็น ‘คดีพิเศษ’ ของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (Department of Special Investigative: DSI) ในวันนี้ (25 กุมภาพันธ์ 2568) กลายเป็นอีกหนึ่งชนวนความขัดแย้งระหว่าง 2 พรรคร่วมรัฐบาลทั้ง ‘พรรคเพื่อไทย’ และ ‘พรรคภูมิใจไทย’ อย่างเลี่ยงไม่ได้ เพราะเป็นที่รู้กันโดยทั่วไปว่า ‘สภาสูง’ ณ เวลานี้ถูกขับเคลื่อนด้วยกลุ่ม ‘สว.สีน้ำเงิน’ เป็นส่วนใหญ่ ทำให้การผลักดันกฎหมายสำคัญของพรรคเพื่อไทยเป็นไปอย่างยากลำบาก ไม่ว่าจะเป็น ร่าง พ.ร.บ.ประชามติหรือการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
จากสภาพการณ์ดังกล่าวจึงทำให้ ‘พรรคเพื่อไทย’ จำเป็นต้องกำจัดเสี้ยนหนามให้ออกจากหน้าสมการทางการเมือง โดยอาศัยมือของ DSI ที่อยู่ภายใต้อำนาจการกำกับดูแลของ พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับผู้นำทางจิตวิญญาณของพรรคสีแดง
แม้ว่าในวันนี้กรรมการคดีพิเศษมีมติ ‘เลื่อน’ การรับเป็นคดีพิเศษ แต่แน่นอนว่าเรื่องดังกล่าวยังคงเป็นชะนักติดหลังพรรคภูมิใจไทย
ย้อนกลับไปในการเลือกตั้ง สว.ชุดใหม่ เมื่อช่วงกลางปี 2567 ที่ผ่านมา ด้วยกลไกการเลือกสุดพิลึกพิลั่น ทำให้มีข้อครหาถึงความไม่โปร่งใสของกระบวนการการเลือกตั้ง และมีข้อร้องเรียนเข้ามาโดยเมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2567 คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ทำหนังสือถึง DSI โดยระบุใจความสำคัญว่า ได้แต่งตั้งเจ้าพนักงานของ DSI เป็นคณะอนุกรรมการที่ปรึกษาและประสานการปฏิบัติงาน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการสืบสวนไต่สวนและการดำเนินคดีเกี่ยวกับการเลือก สว. 2567
ต่อมาเมื่อวันที่ 25 กันยายน 2567 พันตำรวจตรี ยุทธนา แพรดำ รักษาการอธิบดี DSI ณ เวลานั้น ทำหนังสือแจ้งกลับไปยัง กกต.ว่า ได้รับทราบ 3 คำร้องที่พบ ‘พิรุธ’ การเลือกตั้ง สว.ไว้สืบสวนแล้ว โดยจากการสืบสวนพบว่า ทั้ง 3 คำร้องมีการกระทำความผิดทางอาญา
ในรายละเอียดคำร้องที่พบพฤติการณ์ไม่ชอบธรรมของการเลือกตั้ง สว.มีอยู่หลายประเด็นสำคัญ ดังนี้
– มีการจัดทำโพยฮั้วเลือกตั้งทั้งหมด 2 ชุด รวมมีผู้สมัครรับเลือกเป็น สว.ทั้งหมด 140 คน โดยผลสรุปภายหลังการเลือกตั้งมีจำนวน สว.ที่ได้ตามโพยฮั้วจำนวน 138 คน และอีก 2 คนติดตัวสำรอง
– มีค่าตอบแทนให้ในทุกระดับการเลือกตั้ง โดยในระดับอำเภอได้รับค่าตอบแทนจำนวน 5,000 บาท, ระดับจังหวัดได้ 1 หมื่นบาท, ระดับประเทศได้ 4 หมื่น-1 แสนบาท และหากได้จำนวน สว.มากกว่า 120 คนขึ้นไปจะได้ค่าตอบแทนเพิ่มอีก 1 แสนบาท
– โพยฮั้วเลือกตั้งมีการจัดทำก่อนการเลือกตั้ง 2 วัน ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี และนครนายก รวมถึงมีการจ่ายค่ามัดจำค่าตอบแทนเป็นจำนวนเงิน 2 หมื่นบาท
– ในวันเลือกตั้ง สว.ระดับประเทศที่ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค เมืองทองธานี จังหวัดนนทบุรี กลุ่มผู้รับสมัครเลือกตั้ง สว.สวมเสื้อสีเหลืองและโดยสารรถตู้มาพร้อมกัน
– มีการจัดเตรียมกลุ่มผู้ลงคะแนนเสียงหรือ ‘กลุ่มพลีชีพ’ เพื่อให้การลงคะแนนเสียงเป็นไปตามโพยฮั้ว
ด้วยพฤติการณ์ที่มีพิรุธดังกล่าวจึงทำให้ DSI ตั้งข้อกล่าวหาเข้าข่ายความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561, ประมวลกฎหมายอาญา และพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542
อย่างไรก็ตาม เรื่องดังกล่าวทำให้ สว.นำโดย มงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา และพลเอก เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภาคนที่หนึ่ง ออกมาตั้งโต๊ะแถลงอย่างร้อนแรงในเวลาต่อมาว่า อำนาจการตรวจสอบและดำเนินการนั้นไม่ใช่อำนาจหน้าที่ของ DSI แต่เป็นอำนาจขององค์กรอิสระอย่าง กกต. เพราะรัฐธรรมนูญระบุอำนาจหน้าที่ไว้อย่างชัดเจน ดังนั้นการมอบหมายให้ DSI ดำเนินการ จึง ‘ไม่ชอบ’ ด้วยอำนาจ หน้าที่ และอาจเข้าข่ายการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบได้
หลังการประชุมกรรมการคดีพิเศษที่มีภูมิธรรมเป็นประธานการประชุมได้มีมติ ‘เลื่อน’ การพิจารณาคดีพิเศษออกไป ทำให้หลายฝ่ายประเมินว่า การ ‘ดีล’ ระหว่างผู้มีอำนาจ 2 ฝ่าย คือทักษิณ ชินวัตร กับเนวิน ชิดชอบ อาจ ‘ลงตัว’ ตกลงกันบางอย่างได้
หลังจากนี้คงต้องรอดูกันต่อไปว่า เรื่องนี้จะยังแวดล้อมอยู่ในการเมืองไทยต่อไปหรือไม่ หรือจะกลายเป็นอีก 1 เรื่องที่เงียบหายหลังดีลลงตัว
ปล่อยให้ประชาชนอยู่ในความมึนงงว่า ‘ภาพยนตร์’ ว่าด้วยการเลือกตั้ง สว.ที่พัวพันการทุจริตและเต็มไปด้วยพิรุธหลายเรื่อง อาจเป็นเพียงเรื่องที่เอาไว้ต่อรอง เพื่อให้ดีลลงตัวเท่านั้น
Tags: กรมสอบสวนคดีพิเศษ, การเมือง, ฮั้วเลือกตั้ง สว., Feature, สว.สีน้ำเงิน, DSI, เพื่อไทย, ดีเอสไอ, รัฐสภา, วุฒิสภา, ภูมิใจไทย, สว.