หากพูดถึงไอดอลเกาหลีที่ได้ชื่อว่า ‘ครบเครื่อง เป็นที่สุดในทุกด้าน’ ไม่ว่าจะเป็นการร้อง เล่น เต้น เอนเตอร์เทนเมนต์ ที่มาพร้อมกับความอัจฉริยะในการออกแบบโชว์ชนิดที่หาตัวจับยาก อีกทั้งยังมี ‘ออร่าความเป็นซูเปอร์สตาร์’ สะกดแฟนคลับได้อย่างอยู่หมัด
เชื่อว่า ชื่อ พยอน แบคฮยอน (Byun Baekhyun) หรือ ‘แบคฮยอน’ ไอดอลจอมอัจฉริยะจาก EXO และ CEO แห่ง INB100 Entertainment ค่ายน้องใหม่ที่เก๋าเกม คงเป็นตัวเลือกอันดับต้นในใจของใครหลายคน
ไม่ใช่แค่ประสบความสำเร็จล้นหลามกับ EXO ภายใต้ฉายา Nation’s Pick กับ ราชาแห่ง K-Pop และเปรียบเสมือน ‘เส้นเลือดสำคัญ’ ที่ขาดไม่ได้ของตัววงและ EXO-L (ชื่อแฟนคลับของ EXO) แต่เส้นทางของแบคฮยอนในฐานะ ‘ศิลปินเดี่ยว’ ยังโดดเด่นน่าจับตามองในระดับท็อปของวงการ อยู่ในช่วงเวลาที่กำลัง ‘รุ่งโรจน์’ ถึงขีดสุด
เพราะด้วยสถิติ ผลงาน และความสำเร็จ เหล่านี้คือเครื่องยืนยันศักยภาพอันไม่มีที่สิ้นสุดของผู้ชายคนนี้ ไม่ว่าจะเป็นการขึ้นแท่น ‘Million Seller’ ในรอบ 20 ปี หรือการเป็นเจ้าของรางวัลศิลปินยอดเยี่ยมชายแห่งปี (Best Male Soloist) จาก Mnet Asian Music Awards (MAMA) 3 ปีซ้อนตั้งแต่ 2019-2021 อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน รวมถึงสมญานามจากสื่อมวลชน ที่เป็นดังตราประทับถึงคุณภาพในทุกผลงานอย่าง ‘One Top Soloist’ ก็ตาม
วันนี้แบคฮยอนหวนคืนสู่บัลลังก์ All-Rounder แห่งยุคในรอบ 3 ปี 5 เดือน 7 วัน ด้วยผลงานล่าสุด คือ ‘Hello, World’ มินิอัลบั้มชุดที่ 4 พร้อมกับสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ หลังทำยอดขายได้ 8.9 แสนอัลบั้ม ภายใน 24 ชั่วโมงแรกของเว็บไซต์ฮันทอ (Hanteo) โดยเป็นตัวเลขสูงสุดในปี 2024 และคาดว่า เขาจะครองตำแหน่ง Million Seller 3 ปีซ้อนในอีกไม่ช้า
นอกจากความปีติปลื้มปริ่มของ EXO-L และคอแฟนเพลง การกลับมาของ ‘เพชรเม็ดงาม’ ยังเป็นนิมิตรหมายที่ดีสำหรับอุตสาหกรรม K-Pop เพราะ สีสัน ความสนุก และบทเพลงที่เปี่ยมด้วยคุณภาพกับจิตวิญญาณ ในช่วงครึ่งหลังของปี 2024 ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว
Hello, World: โลกใบใหม่ของ ‘แบคฮยอน’ ภายใต้ต้นสังกัด INB100 Entertainment
“ตลอดข้อพิพาทที่ผ่านมา ผมยืนยันจุดประสงค์และความปรารถนา ที่จะเป็นโปรดิวเซอร์มาตลอด ผมกำลังหาคำแนะนำจากใครหลายคน และผมรู้สึกโชคดีมาก เพราะได้มีโอกาสเรียนรู้ และก้าวเข้าไปสู่เป้าหมายดังกล่าวด้วยตนเองอีกก้าวหนึ่ง”
นอกจากการทุ่มเทให้กับบทบาทหลักอย่างการเป็นศิลปินและไอดอล ความฝันของแบคฮยอนในช่วงอายุ 30 ปี คือการเป็นโปรดิวเซอร์ และรังสรรค์ผลงานเพลงเป็นของตนเอง หลังมีโอกาสจับงานเบื้องหลังเป็นครั้งคราวในช่วง 12 ปีที่ผ่านมา เช่น การร่วมเขียนเนื้อเพลง Ko Ko Bop ของ EXO ในอัลบั้ม The War (2017) และเพลง Dandelion ของ เฉิน (Chen) เพื่อนซี้ร่วมวงในอัลบั้ม Door (2023)
ความในใจดังกล่าวถูกเปิดเผยต่อสาธารณชนในวันที่ 23 สิงหาคม 2023 หลังแบคฮยอนตอบคำถามข้างต้นผ่านไลฟ์ในอินสตาแกรมว่า ทำไมเขาจึงไม่ปล่อยอัลบั้มชุดที่ 4 เสียที ก่อนจะเสริมว่า การปล่อยผลงานในชื่อของตนเองมีความหมายทุกครั้ง และเขาอยากทำมันให้ดีที่สุดด้วยตนเอง
แม้จะยังไม่มีโอกาสลงมือทำแบบจริงจัง เนื่องจากแบคฮยอนให้เหตุผลว่า เป็นเพราะงานยุ่งในปีที่แล้ว แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า อัลบั้ม Hello, World ภายใต้ INB100 Entertainment ต้นสังกัดจากน้ำพักน้ำแรงของเขาคือ ประจักษ์พยานชิ้นสำคัญถึงหยาดเหงื่อ ความทุ่มเท และการเติบโตของอัจฉริยะไอดอลในช่วงเวลาที่ผ่านมา ทั้งในฐานะ CEO และศิลปิน เมื่อเขาเข้าไปมีส่วนร่วมกับทุกขั้นตอนของผลงานอย่างไร้ขีดจำกัด พร้อมกับให้ความสำคัญในด้านรายละเอียด และการโปรโมตอย่างจัดเต็มแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน
Hello, World ร้อยเรียงผ่านแรงบันดาลใจครั้งสำคัญของแบคฮยอนคือ การถ่ายทอดความปรารถนาของตนเองให้โลกได้รับรู้ ด้วยการแปรเปลี่ยนจินตนาการ ให้กลายเป็นความจริงออกมาในธีม ‘ภาพยนตร์’ หลากประเภท ไม่ว่าจะเป็นแนวแอ็กชัน ฟิล์มนัวร์ ดราม่าเคล้าน้ำตา และรักหวานๆ แสนโรแมนติก
ทำให้ผลงานที่ออกมา มีความผสมผสานหลากหลายศาสตร์ได้อย่างกลมกล่อมและลงตัว เริ่มจากทีเซอร์ประกาศการคัมแบ็กอัลบั้มในคอนเสิร์ต Lonsdaleite [dot] ที่อ้างอิงจาก Chungking Express (1994) ภาพยนตร์ของ หว่อง กาไว (Wong Ka-Wai) โดยปรากฏภาพของแบคฮยอนกิน ‘สับปะรด’ ที่บอกใบ้ถึงเพลงไตเติลในอัลบั้ม พร้อมกับข้อความสุดอมตะสอดคล้องกับเรื่องราวของหนังเรื่องนี้ว่า
“ถ้านำความทรงจำของเราใส่ในกระป๋อง ผมหวังว่า มันจะไม่มีวันหมดอายุ แต่หากต้องมีวันหมดอายุ ผมจะกำหนดให้มันสิ้นสุดก็ต่อเมื่อ 1 หมื่นปีผ่านไป แม้ความรักมีวันหมดอายุ ผมอยากจะเชื่อว่า มันไม่เป็นเช่นนั้นจริง เพราะความรักของเราจะอยู่ตลอดกาล”
รวมถึงโปสเตอร์เปิดตัวอัลบั้มที่สอดคล้องกับธีมหลัก เริ่มจากส่วนแรกคือ แสงไฟในกองถ่ายที่ฉายขึ้นไปบนตัวอักษร Hello, World ขณะที่ถัดมาเป็นสเลตคัดฉาก พร้อมกับข้อความว่า ‘แสดงโดย แบคฮยอน’ และ ‘กำกับโดย แบคฮยอน’ บ่งบอกว่า เขาเป็นผู้กำหนดทิศทางของอัลบั้มทั้งหมดเอง ก่อนจะปิดท้ายด้วยกราฟิกตั๋วหนัง เชิญชวนให้ทุกคนตั้งตารอคอยการกลับมาของเขาในรอบ 3 ปี 5 เดือน
นอกจากนี้ อัลบั้ม Hello, World ยังแบ่งเป็น 2 คอนเซปต์ใหญ่ คือ Hello และ World โดยธีม Hello คือแบคฮยอนในฐานะผู้กำกับและนักแสดง จากภาพยนตร์แนวดราม่า แอ็กชัน และฟิล์มนัวร์ ขณะที่ภาพลักษณ์ของอัจฉริยะไอดอลใน World ดูสดใส มีชีวิตชีวา และอยู่ในโลกของความเป็นจริงเสียมากกว่า
แต่ไฮไลต์สำคัญที่ทำให้เหล่าเอลี่ทั่วโลกถึงกับลุกขึ้นปรบมือ พร้อมกับประโยคว่า ‘CEO ของเราทำถึงมาก’ คือ Official Teaser ความยาว 4 นาทีเท่ากับหนังสั้นเรื่องหนึ่ง ซึ่งอัดแน่นด้วยคุณภาพทั้งในมิติโปรดักชัน, การแสดงของแบคฮยอนที่ทำให้ใครหลายคนคิดถึงเขาในซีรีส์ Moon Lovers: Scarlet Heart Ryeo (2016) รวมถึงความคิดสร้างสรรค์ของทีมงานและผู้มีส่วนร่วม โดย อี ฮังยอล (Lee Hang-yeol) ผู้กำกับมิวสิกวิดีโอ UN Village, Cool With You ของนิวจีนส์ (New Jeans) และ Small Girl ของ อี ยองจี (Lee Yong-Ji) ที่มี โด คยองซู (Do Kyung-soo) เพื่อนร่วมวงมาร่วมฟีเจอริง อยู่เบื้องหลังผลงานครั้งนี้
Official Trailer ข้างต้นได้รับแรงบันดาลใจจาก The Truman Show (1998) ภาพยนตร์ว่าด้วยชีวิตของ ทรูแมน เบอร์แบงก์ (Truman Burbank) ที่เป็นเพียงเรื่อง ‘จัดฉาก’ ในรายการวาไรตีชื่อดังอย่าง ทรูแมนโชว์ (Truman Show) ให้ทุกคนได้ชมและเอาใจช่วย โดยภายหลัง เขาสามารถปลดแอกตนเอง และหนีจากการจองจำได้ในท้ายที่สุด
เช่นเดียวกับแบคฮยอนในเนื้อเรื่อง ที่ไม่รู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา หลังหายตัวไปตามสถานที่ต่างๆ และเผชิญเรื่องราวหลากหลายรสชาติเหมือนกับอยู่ในภาพยนตร์ ทั้งลุ้นระทึก โรแมนติก สยองขวัญ และแอ็กชันที่จัดเต็มด้วยระเบิดและไฟ ก่อนจะรู้ตัวในภายหลังว่า เขาเป็นเพียงนักแสดงคนหนึ่งที่ถูกควบคุมโดย ‘ผู้กำกับแบคฮยอน’ โดยเรื่องราวจะจบลงด้วยจอมอนิเตอร์ที่ปรากฏเขาในชุดสีดำ และกระดาษสคริปต์ภาพยนตร์ที่ชื่อว่า Hello, World เป็นปริศนาให้เราติดตามกันต่อไป
Pineapple Slice เพลงไตเติลที่ตอกย้ำศักยภาพ All-Rounder แห่งยุค
บอกผมสิว่า รสชาติมันไม่ดีสำหรับคุณ
คุณก็รู้ว่า รสชาติมันอร่อยแค่ไหน
ที่รัก คุณหาความรักที่ดีกว่าบนโลกใบนี้อีกแล้ว
ตอกย้ำทักษะ ‘หูทิพย์’ ของ One Top Soloist แห่งเกาหลีใต้ หลังแบคฮยอนตัดสินใจเลือก Pineapple Slice หรือชื่อย่อในภาษาเกาหลีคือ พาซึล (파슬) เป็นเพลงไตเติลที่มีท่วงทำนองสไตล์ R&B Pop จากบรรดา 5 เพลงในอัลบั้ม Hello, World
CEO แห่ง INB100 Entertainment ให้เหตุผลว่า ปกติแล้ว เขามักจะคำนึงปัจจัยสำคัญประกอบระหว่างเลือกเพลงคือ การแสดงบนเวทีและท่าทางที่ดูดี แม้ตอนแรก Pineapple Slice ไม่ใช่ตัวเลือกแรก แต่เมื่อกลับฟังแล้วรู้สึกว่า เพลงนี้ถูกสร้างมาเพื่อเขา และเติมเต็มความต้องการได้ครบทุกด้าน
ในมุมของผู้เขียนที่เป็น EXO-L คนหนึ่ง เพลง Pineapple Slice มีความแปลกใหม่ ไม่คุ้นหู และต่างออกไปจากเพลงไตเติลจาก 3 อัลบั้มก่อนหน้านี้ แต่ก็ให้ความรู้สึกเซ็กซี่ ทะเล้น และซุกซนในแบบผู้ใหญ่วัยเลขสาม ซึ่งฉีกออกไปจาก Candy เพลงไตเติลแห่งชาติสุดติดหูจากอัลบั้ม Delight (2020) ขณะที่ก็ยังมีลายเซ็นอันแสนคุ้นเคยคือ แนวเพลง R&B ที่เป็นของคู่กันกับแบคฮยอน
แม้จะดูสุ่มเสี่ยงไม่น้อยกับการลองทำสิ่งใหม่ แต่ One Top Soloist ‘เอาอยู่’ ในบทเพลงทุกสไตล์ นับเป็นการผสมผสานอย่างลงตัวระหว่าง ‘การออกจากนอกกรอบ’ เพื่อแสดงศักยภาพอันไม่มีที่สิ้นสุด กับ ‘การคงเอกลักษณ์’ ดั้งเดิมอันเปี่ยมไปด้วยคุณภาพที่เพิ่มขึ้นตามกาลเวลา
ไม่ว่าจะเป็นการร้องระดับแรงก์ S พร้อมกับน้ำเสียงทุ้มลึกชวนดึงดูด ทักษะการเต้นที่พัฒนารุดหน้าเทียบเท่าระดับเมนแดนซ์ และสีหน้าท่าทางที่มากความประสบการณ์บนสเตจ โดยเฉพาะหมัดเด็ดอย่าง ‘ไฮโน้ต’ ทำให้หลายคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ‘มีแค่แบคฮยอนเท่านั้นที่ร้องได้’ (แต่ไม่แน่ว่าอาจรวมถึงเมนโวคอล EXO อีก 2 คนด้วยเช่นกัน)
ความพิเศษของ Pineapple Slice อีกหนึ่งอย่างคือ การลงทุนถ่ายทำมิวสิกวิดีโอที่ เมืองบาร์เซโลนา (Barcelona) ประเทศสเปน แบบจัดหนักจัดเต็มด้านโปรดักชัน ซึ่งเจ้าของผลงานการันตีเองว่า การคัมแบ็กครั้งนี้ถือเป็นตำนานแห่งความที่สุดในบรรดาทั้งหมด
แน่นอนว่า เนื้อเรื่องในมิวสิกวิดีโอยังไม่คงทิ้งแก่นหลักของอัลบั้ม แบคฮยอนสวมบท ‘แวมไพร์หนุ่ม’ สุดหล่อในชุดสีดำ ที่อาศัยอยู่ในปราสาทอันมืดมิด ก่อนจะตอกย้ำเนื้อหาหลักในเนื้อเพลงคือ ไม่มีทางที่อีกฝ่ายจะหาความรักอื่นที่ดีกว่าเขา รวมถึง ‘ความรักอันเป็นนิรันดร์’ ในกระป๋องสับปะรดจากทีเซอร์เปิดตัว ด้วยภารกิจ ‘เปลี่ยนเธอให้เป็นแวมไพร์’ เพื่อที่จะได้ให้นางเอกของเรื่อง (รับบทโดย ฮงซูจู-Hong Su-zu) อยู่ด้วยกันตลอดไป
ขึ้นชื่อว่าจอมอัจฉริยะแห่ง K-Pop แบคฮยอนยังทิ้งช็อตเด็ดเรียกเสียงกรี๊ดจาก EXO-L ไม่ว่าจะเป็นการเต้นสะบัดสะโพกในบ่อน้ำหน้า Bell Reco สถานที่แต่งงานสุดโรแมนติกที่บาร์เซโลนา ท่ายิ้มแยกเขี้ยวทำกระจกแตก รวมถึงความอลังการของมิวสิกวิดีโอที่จะอยู่บนยอดพีระมิดของวงการเพลงไปนานแสนนาน
คืนกำไรให้แฟนเพลงและยกระดับ K-Pop ด้วยเพลง B-Side ใน Hello, World
แต่ความอิ่มเอมจากการเสพผลงานของแบคฮยอนยังไม่สิ้นสุด เพราะ Pineapple Slice เป็นเพียงแค่ออเดิร์ฟเรียกน้ำย่อยเท่านั้น หากเทียบกับคุณภาพและความใส่ใจในเพลง B-Side ของ Hello, World ทั้งหมด ที่ตอกย้ำอีกครั้งว่า นี่คือการกลับมาของเพชรเม็ดงามแห่งยุค คือการคืนกำไรให้กับแฟนเพลง และยกระดับโลกของ K-Pop ไปอีกขั้น
อาจกล่าวได้ว่า การดื่มด่ำกับเพลง B-Side ในอัลบั้มชุดนี้ ให้ความรู้สึกเหมือนกับการชมภาพยนตร์หลากหลายรสชาติ เริ่มตั้งแต่ Good Morning ฉากแรกของสุขนาฏกรรมที่เต็มไปด้วยความสงบ โดยได้ โคลด์ (Colde) ศิลปินและโปรดิวเซอร์คู่บุญของแบคฮยอน ร่วมอยู่เบื้องหลัง ซึ่งเนื้อหาคงหนีไม่พ้นการเริ่มต้นใหม่ของเขาที่ ‘ดีกว่าเมื่อวานก่อน’ โดยมี EXO-L คอยอยู่เคียงข้างสนับสนุน
ถัดมาคือการสารภาพความในใจ และมอบคำสัญญาผ่าน Rendez-Vous เพลงแนวบอสซาโนวาแจ๊ซ (Bossa Nova Jazz) ที่มีลายเซ็นของแบคฮยอนชัดเจนที่สุด (และแน่นอนว่า โคลด์อยู่เบื้องหลัง) โดยเฉพาะเสียงหลบ (Falsetto) อันเป็นเอกลักษณ์ของเมนโวคอลแห่ง EXO แม้จะเคยร้องในคอนเสิร์ต Lonsdaleite [Dot] ไปบ้างแล้ว แต่การได้ฟังเวอร์ชันสตูดิโอ ถือเป็นการเก็บรายละเอียดลูกเล่นในทำนองให้ชัดยิ่งขึ้น และปฏิเสธไม่ได้ว่า ความกลมกล่อมลงตัวในดนตรี ทำให้ผู้เขียนชื่นชอบเพลงนี้มากที่สุดในอัลบั้ม
ขณะที่ Cold Heart เปรียบดังคลื่นซัดเปลี่ยนผ่านบทเพลงไปสู่โศกนาฏกรรมอันเย็นยะเยือกเหมือนกับชื่อเพลง และเป็นการแหวกม่านขนบการร้องเพลงของแบคฮยอนในช่วงที่ผ่านมา โดยมีการสอดแทรกท่อนแรปบางช่วง ทักษะใหม่อันน่าทึ่งของอัจฉริยะไดอล พร้อมกับท่วงทำนองที่โดดเด่นมาจากกีตาร์ไฟฟ้า ผสมผสานเสียงจังหวะปืน ให้ความรู้สึก Dramatic เต็มไปด้วยห้วงอารมณ์ที่ไม่แน่นอน
ฟ้าหลังฝนย่อมสดใส เช่นเดียวกับ Woo เพลงที่มีเนื้อหาพรรณนาถึงความคลั่งรัก เริ่มต้นอย่างเรียบง่ายด้วยเสียงทุ้มต่ำของแบคฮยอน แต่จบลงด้วยลูกเล่นจากแอดลิบ ซึ่งให้ความรู้สึกเหมือนกับ Ice Queen เพลง B-Side ในอัลบั้ม City Lights (2019) ทว่ามีความนิ่งสงบมากกว่า
ปิดท้ายฉากสุดท้ายในภาพยนตร์เรื่องนี้แบบหักมุมชนิดช็อตฟีลด้วย Truth Be Told เพลงที่แสดงถึงความเหนื่อยล้าในความสัมพันธ์อันลืมไม่ลง แม้จะคุ้นเคยกับการร้องของอัจฉริยะไอดอลในลักษณะนี้เป็นอย่างดี แต่นับเป็นการตอกย้ำว่า แบคฮยอนถ่ายทอดอารมณ์ผ่านบทเพลงได้ล้ำลึกอย่างไร้ข้อกังขา
‘เติบโตมาได้อย่างดีเยี่ยม และมีคุณภาพ’
ข้อความข้างต้นอาจเป็นความในใจลึกๆ ของใครหลายคน หลังได้เสพผลงานครั้งใหม่จากผู้ชายคนนี้ โดยเฉพาะในปัจจุบัน หลากเสียงต่างพูดถึงการเปลี่ยนแปลงอย่าง Disruptive ในโลกของ K-pop จนทำให้ ‘ไม่น่าติดตาม’ อีกต่อไป แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า การมีอยู่ของแบคฮยอน เป็นดังสีสันปลุกชีวิตชีวาของวงการ และทำให้ทุกอย่างสนุกขึ้นได้อยู่เสมอ
ทั้งความรักและศรัทธาในอาชีพไอดอลที่ไม่มีวันเสื่อมคลาย การรับฟังเสียงของแฟนเพลงที่อยากให้ทุกคนได้สิ่งที่ดีที่สุด ความคิดสร้างสรรค์กล้าลองทำสิ่งใหม่ หรือแม้แต่แพสชันที่ไม่หยุดพัฒนาตนเอง เพื่อเพิ่มพรแสวงในทักษะการร้องเพลงอยู่เสมอ
อาจไม่เกินจริงหากคุณจะบอกว่า แบคฮยอนเกิดมาเพื่อรับความรักจากผู้คนทั้งโลก ในฐานะศิลปินและซูเปอร์สตาร์ระดับแถวหน้าของวงการ
และคงไม่ไกลเกินเอื้อม หากอัจฉริยะไอดอลจะสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่อีกรอบ ด้วยการคว้ารางวัล Best Male Soloist เป็นสมัยที่ 4 พร้อมกับ Album of The Year ในคราวเดียวกัน
ในอีกแง่หนึ่งอัลบั้ม Hello, World จึงเป็นดังเครื่องพิสูจน์ว่า การมีผู้บริหารและศิลปินที่ใส่ใจกับผลงาน โดยเฉพาะการเคารพแฟนเพลงเป็นที่ตั้ง จะทำให้ K-Pop สามารถยืนหยัด ในยุคที่กำลังถูกท้าทายและตั้งคำถามจากแผ่นดินไหวในวงการครั้งใหญ่
อ้างอิง
https://www.nme.com/reviews/album/baekhyun-hello-world-review-3791243
https://www.youtube.com/watch?v=N1Oufr7h7Po&ab_channel=K-PopON%21Spotify
https://www.youtube.com/watch?v=tUGlP4XQcE4&ab_channel=K-PopON%21Spotify
https://x.com/qtpiebyunbaek/status/1688701256356057088
https://x.com/qtpiebyunbaek/status/1817520381189922860
https://x.com/qtpiebyunbaek/status/1831859265151373626
https://x.com/qtpiebyunbaek/status/1828616397863432423
Fact Box
- ก่อนหน้านี้ แบคฮยอนเคยทุบสถิติทำยอดขายอัลบั้ม 1 ล้านติดต่อกัน 2 อัลบั้ม คือ Delight (2020) และ Bambi (2021)
- โคลด์นับเป็นโปรดิวเซอร์มือทอง ที่อยู่เบื้องหลังเพลงฮิตในอัลบั้มของแบคฮยอน ตั้งแต่เพลง Love Again ในอัลบั้ม Delight, Love Scene ในอัลบั้ม Bambi ขณะที่แบคฮยอนยังเคยไปร่วมฟีทเจอริงในเพลง When Dawn Comes Again จากอัลบั้ม Love Part.2 ของโคลด์
- Hello, World มีอัลบั้มทั้งหมด 4 เวอร์ชัน ได้ Photobook 2 เวอร์ชัน คือ Hello Ver. และ World Ver, Folder Ver. รวมถึง Pineapple Ver. หรืออัลบั้มในรูปทรงกระป๋องที่เป็นสินค้า Limited Edition โดยแบคฮยอนเป็นผู้คิดค้นขึ้นมาเอง
- Cold Heart มีชื่อไตเติลเดิมว่า Chrome Heart และเคยเป็นแผนในเพลงคอลแลบมาก่อน
- แบคฮยอนเคยเล่าในคอนเสิร์ต Lonsdaleite ที่ประเทศไทยว่า เขาชอบเพลง Rendez-Vous กับ Woo ในอัลบั้ม Hello, World
- ในรายการเพลงโปรโมตคัมแบ็กครั้งนี้ นอกจากฟู้ดซัพพอร์ต แบคฮยอนยังมอบการ์ด T-Money มูลค่า 5 หมื่นวอน (ประมาณ 1,267 บาท) ต่อคน หรือรวมเป็นจำนวนทั้งหมดราว 15 ล้านวอน (ประมาณ 3.8 แสน) เพื่อให้ทุกคนได้จับจ่ายใช้สอย และไม่ต้องออกค่าเดินทางเอง