บอสตัน มาราธอน ถือเป็นรายการวิ่งที่เก่าแก่ที่สุดในโลก และเป็นรายการที่นักวิ่งทุกคนต่างใฝ่ฝันจะเข้าร่วมวิ่งให้ได้ แต่การจะได้ลงวิ่งในรายการนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะมีการกำหนดช่วงอายุและสถิติการวิ่งส่วนตัวที่ต้องเป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนดถึงจะมีโอกาสเข้าร่วมรายการนี้
อย่างปีนี้มีนักวิ่งที่เข้าร่วมวิ่งในบอสตัน มาราธอน 2018 มากถึง 30,000 กว่าคน หนึ่งในนั้นคือสองนักวิ่งชาวไทยที่คนในแวดวงนักวิ่งรู้จักกันดีอย่าง ครูดิน-สถาวร จันทร์ผ่องศรี อดีตนักวิ่งทีมชาติไทย และป๊อก- อิทธิพล สมุทรทอง ไอดอลแห่งวงการมาราธอน ทั้งคู่เป็นแอมบาสเดอร์ของเครื่องดื่มเกลือแร่เกเตอเรด และเป็นตัวแทนนักวิ่งชาวไทยที่เข้าร่วมรายการนี้ ซึ่งมีขึ้นเมื่อวันที่ 16 เมษายน 2561 ที่ผ่านมา
ทั้งคู่ได้บอกเล่าเรื่องราวถึงประสบการณ์ครั้งหนึ่งในชีวิตที่ได้วิ่งในบอสตันมาราธอน และการเตรียมก่อนไปวิ่งรายการนี้ ความโหดของเส้นทางวิ่งที่ต้องเจอเนินเขา ‘นิวตัน ฮิลล์’ (Newton Hill) เป็นระยะทาง 8 กิโลเมตร และจุดสูงสุดนิวตัน ฮิลล์ คือ ‘ฮาร์ทเบรก ฮิลล์’ (Heartbreak Hill) ซึ่งมีความสูง 242 ฟุตจากระดับน้ำทะเล รวมทั้งปัญหาอุปสรรคที่ต้องเจอ และเหตุผลที่นักวิ่งทุกคนควรมาวิ่งที่บอสตันมาราธอน
สภาพอากาศที่ไม่เป็นใจ
ด้วยความเป็นรายการวิ่งที่เก่าแก่ที่สุดในโลก มีนักวิ่งเข้าร่วมจำนวนมาก ทำให้ต้องมีกฎระเบียบและการบริหารจัดการที่เข้มงวด นักวิ่งจะไม่สามารถเดินมายังจุดสตาร์ทวิ่งได้โดยลำพัง ต้องขึ้นรถบัสที่ทางผู้จัดเตรียมไว้ให้เท่านั้น และเนื่องจากมีนักวิ่งเข้าร่วมนับหมื่นคน จึงจำเป็นต้องมีการแบ่งกลุ่มการปล่อยตัววิ่ง ที่เรียกว่า Wave ซึ่งนักวิ่งชั้นนำระดับโลกจะได้รับการปล่อยตัวก่อนใน Wave แรกๆ ตอนเวลา 9 โมง ขณะที่สองนักวิ่งไทยอยู่ Wave 4 ได้วิ่งตอนเวลา 11 โมง
แม้ครูดินและป๊อกจะเป็นนักวิ่งมาราธอนมากประสบการณ์ ลงวิ่งมาแล้วทั้งในและต่างประเทศ เจอสภาพอากาศทุกรูปแบบ แต่กับที่บอสตันมาราธอน สองนักวิ่งไทยก็ยอมรับว่าทรมานเอาเรื่องกับอากาศที่หนาวถึง 0 องศา ลมค่อนข้างแรง และมีฝนตกตลอดเวลา
ครูดิน-สถาวร จันทร์ผ่องศรี อดีตนักวิ่งทีมชาติไทย เล่าว่าก่อนที่มารายการนี้ได้ประเมินว่าจะเจออากาศอยู่ที่ 8 องศา แต่โดยธรรมชาติของอากาศเมืองบอสตันจะคาดเดาลำบาก และโดยมากในวันที่วิ่ง อากาศจะดี ซึ่งก่อนวันวิ่งจริงก็มีหิมะตก ลมแรง ได้แต่ภาวนาให้อากาศอุ่นขึ้นมาหน่อย
“สองเดือนก่อนหน้านี้เราเตรียมตัวมาในระดับหนึ่ง คิดว่าร่างกายพร้อมพอสมควร แต่พอใกล้วันจริง เราก็คิดว่าจะไหวหรือเปล่า เพราะต้องมาวิ่งกลางหิมะ ลมก็แรงมาก ไหนจะระยะทางที่เราซ้อมวิ่งมาก่อนหน้านี้ เราฝึกซ้อมมาแค่ 25 กิโลเมตร คือการวิ่งมาราธอนไม่ใช่การวิ่งเพื่อความเร็ว แต่เป็นการคุมจังหวะการวิ่งที่ต้องทนต่อความเมื่อยล้า ยิ่งทนได้ไกลเท่าไร แผนการวิ่งที่เราวางไว้ก็จะเป็นไปตามนั้น”
ขณะที่ป๊อก- อิทธิพล สมุทรทอง ไอดอลแห่งวงการมาราธอน ก็ยอมนับว่าเป็นครั้งหนึ่งที่สภาพอากาศเลวร้ายที่สุดในรอบ 23 ปี คืออยู่ที่ 0 ถึง – 2 องศา ฝนตกหนักตั้งแต่ 8 โมงเช้า สลับกับลมพัดแรงตลอดเวลา ทำให้พื้นสนามเปียกและลื่น จนต้องวิ่งอย่างระวัดระวัง
“ผมรู้อยู่แล้วว่าอากาศหนาว แต่ไม่คิดว่าฝนจะตก เลยไม่ได้เอาเสื้อกันฝนไป แต่ใส่เสื้อแขนยาวตัวในที่ไม่อมน้ำ ใส่กางเกงสองชั้น ถามว่าก็ไหวอยู่ แต่ตั้งใจว่าจะไม่หยุดวิ่ง เพราะถ้าหยุดจะทำให้ร่างกายเราเย็นง่าย จะต้องทำให้อบอุ่นตลอดเวลา ซึ่งครั้งนี้น่าจะเป็นครั้งที่มีนักวิ่งใช้บริการจุดรักษาพยาบาลกันเยอะมาก ผมเองก่อนเข้าเส้นชัย รู้สึกเจ็บกล้ามเนื้อจนต้องนั่งรถเข็นเข้าไปใช้บริการ ให้เขาประคบร้อน นวด แล้วก็ยืดเส้น”
ช่วงเวลาแห่งความทรมาน
สำหรับเวลาในการวิ่งทางครูดินทำเวลาได้ 3 ชั่วโมง 43 นาที ซึ่งครูดินเองก็มีการวางแผนในการวิ่งครั้งนี้ว่าในระยะ 10 กิโลเมตรแรกจะวิ่งให้ช้า และรับน้ำทุกจุด แต่กลายเป็นว่าทำไม่ได้อย่างที่คิด จนเกิดตะคริวที่น่องจนถึงเท้าตอนกิโลเมตรที่ 32 เนื่องจากไม่ได้วอร์มร่างกายก่อนวิ่ง
“ผมวางแผนเลยว่า 10 กิโลเมตรแรกต้องวิ่งให้ช้าไว้ก่อน เพราะอากาศเย็น และเส้นทางเป็นเนินเขา มีโอกาสที่กล้ามเนื้อเกร็ง ปรับตัวไปมา ค่อนข้างอันตราย และคิดเลยว่าจะรับน้ำทุกจุด ซึ่งจริงๆ ผมไม่เคยทำแบบนี้เลย ปกติจะรับน้ำหลังกิโลเมตรที่ 25 ขึ้นไปเท่านั้น แต่กับรายการนี้ขอแค่วิ่งให้จบ เวลาไม่ดีไม่เป็นไร”
“ขนาดวางแผนผมก็ยังคุมแทบไม่ได้ ช่วง 10 กิโลเมตรแรก ใช้เวลาไป 48 นาที เร็วไปหน่อย เพราะวางแผนไว้ที่ 50-52 นาที คิดเลยว่าตายแน่ๆ ประกอบกับร่างกายเราไม่ได้วอร์มก่อน เร่งการทำงานจนกล้ามเนื้อหดและคลายตัวเร็ว พอกิโลเมตรที่ 32 ตะคริวก็มาแล้วกระตุกที่แฮมสตริงขวา [กล้ามเนื้อขาด้านหลัง] ตอนนั้นเราก็สองจิตสองใจว่าจะทำอย่างไร ก็คิดว่าจะประคองตัวเองเข้าเส้นชัย ทำเวลางามๆ ให้ได้
“มันบีบเค้นหัวใจเหลือเกินว่าจะวิ่งไม่จบ ตะคริวเป็นสิ่งที่เรากลัวมากที่สุด ต้องบอกว่าเป็นการวิ่งมาราธอนครั้งเดียวในชีวิตที่ไม่เหนื่อย แต่ไปอย่างที่คิดไม่ได้ ความทรมานจากความเจ็บปวด ความเมื่อยล้าของร่างกาย อาจทำให้เราไปไม่ถึงเส้นชัย”
ส่วนป๊อกทำเวลาได้ 4 ชั่วโมง 33 นาที แม้จะไม่ใช่เวลาที่ดีสำหรับนักวิ่งนัก แต่เป็นสิ่งที่เขาพอใจ เพราะความตั้งใจหนึ่งเดียวของเขาคือต้องเอาชนะอุปสรรคต่างๆ และวิ่งเข้าเส้นชัยให้จงได้
“ผมตั้งใจว่าต้องวิ่งให้จบ ยิ่งเป็นรายการระดับโลกด้วยแล้ว ต้องทำให้ได้ อีกอย่างผมเป็นแอดมินเพจ 42.195K_club เราจะไปมาราธอนด้วยกัน ดังนั้นมีคนติดตามเราอยู่ เวลากลับไปก็ต้องมีอะไรให้เล่า เพื่อจรรโลงใจ การมาบอสตันมาราธอนครั้งนี้เวลามีคนถาม เราบอกว่าวิ่งสนุกมาก แต่จริงๆ แล้วทรมานมาก เพราะมันวิ่งที่ 0 องศา เป็นการวิ่งที่โหดที่สุดรายการหนึ่งในชีวิต แต่มันก็ท้าทายกับเรามากเช่นกัน ช่วงกิโลเมตรสุดท้ายก่อนเข้าเส้นชัย พบว่าร่างกายไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน ก้าวขาไม่ออก ตัดสินใจเข้าจุดพยาบาล ต้องนั่งรถเข็น รู้สึกเสียฟอร์มาก แต่ก็ไม่ได้เป็นอะไรมากนัก”
ทำไมต้องบอสตัน มาราธอน
ครูดินให้เหตุผลหลังจากที่ลงสัมผัสรายการนี้ว่ามันเป็นสนามวิ่งมาราธอนที่ยิ่งใหญ่ที่สุด นักวิ่งทั่วโลกต่างฝันอยากมาสัมผัสกับบรรยากาศนี้ เสียงเชียร์ไม่เหมือนที่อื่น แล้วการเข้ามาวิ่งไม่ใช่เรื่องง่าย แม้ทำเวลาได้ตามเกณฑ์ก็ตาม
“เสียงเชียร์จากคนที่มายืนดูรอบข้างดังมากตลอดทาง ยิ่งกว่าเครื่องเสียงตามงานวัดในบ้านเราอีก แต่เราสัมผัสได้ถึงแรงเชียร์ที่ส่งมาเป็นพลังให้เราวิ่งไปเรื่อยๆ ทุกอย่างมันผ่านไปเร็วมาก แต่ก็ทรมานมากเช่นกัน”
ป๊อกมองว่าบอสตันมาราธอนเป็นหนึ่งในหกรายการวิ่งของโลกที่ไม่ใช่ใครจะเข้าร่วมได้ง่ายๆ มีเงินค่าสมัคร สถิติส่วนตัว และต้องมีโชคด้วย เพราะมีคนหลายพันคนที่มีโอกาสเหมือนกับเราเช่นกัน
“สภาพอากาศนี่ไม่สามารถทำนายได้ เนินเขาที่เอาไว้เป็นช่วงแซงกัน เสียงเชียร์ที่ดังตลอดทาง แม้ฝนตก พวกเขาก็ยังออกมาเชียร์ มันคือเสน่ห์ของบอสตันมาราธอน”
Fact Box
- บอสตัน มาราธอน เป็นรายการวิ่งที่เก่าแก่ที่สุดในโลก เริ่มขึ้นครั้งแรกในปี ค.ศ. 1897 โดยจัดขึ้นในวันประกาศอิสรภาพ หรือ Patriots’ Day ซึ่งตรงกับวันจันทร์ที่ 3 ของเดือนเมษายนของทุกปี มีระยะทางวิ่งทั้งหมด 26 ไมล์ (42.195 กิโลเมตร) ถือเป็นรายการวิ่งที่นักวิ่งทั่วโลกต่างฝันจะเข้าร่วม เพราะต้องมีสถิติการวิ่งที่อยู่ในเกณฑ์ที่ทางผู้จัดงานกำหนดไว้ และความท้าทายอยู่ที่เส้นทางวิ่งที่มีเนินเขา กับสภาพอากาศที่ยากจะคาดเดา
- ครูดิน-สถาวร จันทร์ผ่องศรี อดีตนักวิ่งทีมชาติไทย ผู้ที่เริ่มวิ่งมาตั้งแต่อายุ 10 ขวบ และไม่เคยหยุดวิ่งอีกเลย เป็นตัวแทนทีมชาติไทยชุดซีเกมส์ครั้งที่ 13 โดยคว้าเหรียญทองแดงมาครองได้สำเร็จ เป็นผู้ก่อตั้งชมรมวิ่ง สถาวร รันนิ่งคลับ เพื่อให้คำแนะนำแก่ผู้ที่อยากจะเป็นนักวิ่ง ปัจจุบันเป็นวิทยากรให้ความรู้ด้านการวิ่งมาราธอนตามสถานที่ต่างๆ ทั่วประเทศ
- ป๊อก-อิทธิพล สมุทรทอง บรรดานักวิ่งต่างยกให้เป็น ‘ไอดอลแห่งวงการมาราธอน’ ปัจจุบันเป็นพิธีกรรายการ ‘ฟิตไปด้วยกัน’ ทางช่องไทยพีบีเอส เป็นผู้ดูแลเพจ ‘42.195K_club เราจะไปมาราธอนด้วยกัน’ แต่คนส่วนใหญ่จะคุ้นหน้าคุ้นตาในฐานะนักวิ่งหนึ่งเดียวเคียงข้าง ตูน บอดี้แสลม ตลอดระยะทาง 400 กิโลเมตร จากกรุงเทพฯ - บางสะพาน ในโครงการ ‘ก้าวคนละก้าว’