วิทยาศาสตร์เป็นอีกหนึ่งศาสตร์ที่มีส่วนสำคัญอย่างมากในการก้าวหน้าของมนุษยชาติ ทุกๆ ปีจะมีการค้นพบอะไรใหม่ๆ ให้เราได้ตื่นตาตื่นใจกันอยู่เสมอ บางเรื่องยังเป็นที่ถกเถียงกันไม่จบไม่สิ้นว่าแท้จริงแล้วจะเป็นประโยชน์หรือเป็นภัยมากกว่ากันแน่ เช่นเรื่องปัญญาประดิษฐ์ ที่มีทั้งผู้สนับสนุนและผู้ที่ไม่เห็นด้วย
หลายครั้งที่วิทยาศาสตร์นำความก้าวหน้าและความเจริญมาให้ แต่กว่าจะประสบความสำเร็จย่อมต้องมีเรื่องผิดพลาดมาบ้างไม่มากก็น้อย
ภาพยนตร์ 5 เรื่องที่เรากำลังจะพูดถึงนี้เป็นเพียงตัวอย่างส่วนหนึ่ง แม้อาจจะดูเป็นเรื่องเหนือจริงไปบ้าง แต่ใครจะรู้เล่าว่าอนาคตจะเกิดอะไรขึ้น เหมือนในอดีตที่เราไม่คาดคิดว่ามนุษย์จะเดินทางไปถึงดวงจันทร์ได้
Frankenstein (1931)
Frankenstein คือนวนิยายที่เขียนโดยแมรี เชลลีย์ ตีพิมพ์ครั้งแรกในปี ค.ศ. 1818 นับเป็นนวนิยายสยองขวัญที่ได้รับความนิยมเรื่องหนึ่ง ทั้งมีการอ้างอิงและดัดแปลงอยู่เสมอๆ ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์ ละครเวที หรือละครโทรทัศน์
สำหรับภาพยนตร์ Frankenstein ที่ถูกสร้างในปี ค.ศ. 1931 นั้นกำกับโดยผู้กำกับชาวอังกฤษ เจมส์ เวล ซึ่งเป็นผู้กำกับที่ฝากผลงานภาพยนตร์สยองขวัญคลาสสิคไว้อีกหลายเรื่อง อาทิ The Old Dark House, The Invisible Man และ Bride of Frankenstein
เรื่องราวเริ่มต้นเมื่อ ดร. เฮนรี่ แฟรงเกนสไตน์ ต้องการจะทำการทดลอง โดยประดิษฐ์สิ่งมีชีวิตขึ้นมาใหม่จากศพ เขาหมกมุ่นที่จะสร้างสิ่งมีชีวิตในรูปแบบของตัวเอง จนเมื่อเริ่มลงมือ เขาจึงไปขโมยศพที่สุสาน บางส่วนก็ไปขโมยมาจากห้องทดลองของมหาวิทยาลัย
พอเฮนรี่ได้ทุกอย่างมาครบตามต้องการ ทุกส่วนของมนุษย์ถูกผ่าตัดปะติดเข้าด้วยกัน เขาค้นพบวิธีการและรังสีที่จะทำให้ศพมีชีวิตขึ้นมาได้อีกครั้ง เมื่อการทดลองทุกขั้นตอนผ่านพ้น สิ่งไม่มีชีวิตก็กลับมามีชีวิตอีกครั้ง เป็นการเกิดใหม่ที่เหนือธรรมชาติ
สิ่งมีชีวิตที่หน้าตาดูโหดร้ายนี้แทบไม่รู้อะไรเกี่ยวกับโลกใบนี้เลย ในใจเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและไม่ประสาต่อโลก ไม่รู้ว่าสิ่งใดถูกหรือผิด เพราะหลังจากเฮนรี่สร้างเขาขึ้นมา เฮนรี่ก็แทบไม่ได้ใส่ใจสิ่งมีชีวิตนี้อีก นั่นจึงทำให้สิ่งมีชีวิตนี้กลายเป็นสัตว์ประหลาดสำหรับคนรอบข้าง เพราะดันไปทำเรื่องที่ไม่ควร ทั้งที่ตัวเองไม่ได้รู้เลยว่านั่นคือสิ่งร้ายแรง ท้ายที่สุดก็ต้องโดนตามล่า แล้วเขาก็เกิดมาเพียงเพื่อจะตายลงอีกครั้ง
Re-Animator – คนเปลี่ยนหัวคน (1985)
ภาพยนตร์ Re-Animator ดัดแปลงมาจากงานเขียนของ เอช. พี. เลิฟคราฟต์ หรือ โฮเวิร์ด ฟิลิปส์ เลิฟคราฟต์ นักเขียนนิยายชาวอเมริกันที่โดดเด่นในเรื่องการเขียนนิยายที่มีส่วนผสมระหว่างความสยองขวัญ วิทยาศาสตร์ และแฟนตาซี ซึ่งผลงานทรงอิทธิพลของเขาคือตำนานคธูลู สัตว์ประหลาดอันน่าสะพรึงกลัวหลากรูปแบบ
Re-Animator นิยามตัวเองว่าเป็นภาพยนตร์ Science-fiction horror comedy film กำกับโดยสจ๊วต กอร์ดอน อีกหนึ่งผู้กำกับที่มากด้วยผลงานภาพยนตร์สยองขวัญ ไม่ว่าจะเป็น From Beyond, Castle Freak และ The Dentist
ภาพยนตร์เปิดฉากมาที่ห้องทดลองแห่งหนึ่ง ภายในนั้นกำลังเกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นเมื่อ เฮอร์เบิร์ต เวสต์ นักวิทยาศาสตร์สติเฟื่อง แต่ชอบทำอะไรที่เกินขอบเขต เขากำลังทดลองยาของเขา ซึ่งคิดค้นมาเพื่อคืนชีพคนตายโดยเฉพาะ
เขาฉีดมันใส่ ดร.กูเบอร์ แต่การทดลองครั้งนี้ก็ยังไม่ประสบผลสำเร็จเท่าที่ควร หลังจาก ดร.กูเบอร์เสียชีวิต เขาจึงย้ายไปยังโรงพยาบาลอีกแห่ง ที่นี่เขาได้พบกับแดเนียล เคน นักศึกษาแพทย์มีฝีมือ ใฝ่หาความรู้และความสำเร็จทางการแพทย์ ไม่นานหลังจากพบกันพวกเขาก็ร่วมมือกันลงมือทดลองยาที่ถูกพัฒนาขึ้น ประจวบเหมาะกับที่เคนมีหน้าที่ดูแลแผนกเก็บศพของโรงพยาบาล ดังนั้น พวกเขาจึงทำการทดลองกับศพจริงๆ ได้อย่างไม่ยากเย็น
แต่ยาก็ยังมีผลข้างเคียงอยู่ ศพที่ฟื้นขึ้นมาไม่สามารถควบคุมได้ แถมยังดุร้ายและอาละวาดจนทุกอย่างพังพินาศ ถึงอย่างนั้นเวสต์ก็ยังภูมิอกภูมิใจกับผลงานตัวเอง เขาไม่หยุดมือลงง่ายๆ ต่อให้ศพอีกสิบศพจะสร้างความวุ่นวายและปั่นป่วนแค่ไหน เขาเต็มใจจะทำให้มันคืนชีพขึ้นมาอีกครั้ง พวกเขาจึงต้องรับมือกับเรื่องยากๆ ที่ตัวเองก่อขึ้น
Jurassic Park – กำเนิดใหม่ไดโนเสาร์ (1993)
Jurassic Park เป็นภาพยนตร์ที่มีต้นกำเนิดมาจากนิยายในชื่อเดียวกัน ซึ่งเขียนโดย ไมเคิล ไครช์ตัน นายแพทย์มากความสามารถที่เป็นทั้งนักเขียน ผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์และผู้กำกับภาพยนตร์ ผลงานของเขาได้รับการแปลเป็นภาษาไทยหลายต่อหลายเล่ม เช่น 545 เที่ยวบินนรก, ข้ามเวลา ฝ่ามิติอันตราย, พันธุกรรมอันตราย และจอมสลัดสุดขอบฟ้า เป็นต้น
Jurassic Park ฉบับหนังสือตีพิมพ์ครั้งแรกในปี ค.ศ.1990 ต่อมาไม่นาน ในปี ค.ศ.1993 ผู้กำกับภาพยนตร์ชื่อดังอย่าง สตีเวน สปีลเบิร์ก ก็นำมาสร้างเป็นภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์
ตำนานไดโนเสาร์นั้นเริ่มมาจากมหาเศรษฐี จอห์น แฮมมอนด์ ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของบริษัทอินเจน เขามีความต้องการจะเปิดสวนสัตว์ที่ไม่ใช่แค่สวนสัตว์ธรรมดา แต่เป็นสวนสัตว์ที่เต็มไปด้วยไดโนเสาร์หลากหลายสายพันธุ์ ที่ที่จะเป็นแหล่งคืนชีพสัตว์ล้านปีให้กลับมาโลดแล่นบนโลกอีกครั้ง
แฮมมอนด์จัดตั้งศูนย์วิจัยที่พร้อมไปด้วยทีมนักวิทยาศาสตร์เพื่อคิดค้นและหาวิธีให้กำเนิดไดโนเสาร์อย่างจริงจัง ความสำเร็จนั้นเข้ามาเมื่อทีมได้พบกับฟอสซิลยุงในยุคดึกดำบรรพ์ ด้วยความก้าวล้ำทางวิทยาศาตร์ พวกเขาจึงสกัดดีเอ็นเอจากเลือดไดโนเสาร์ที่อยู่ในยุงนั่นได้ และเพาะพันธุ์มันจนเป็นตัวเป็นตนขึ้นมา สวนสัตว์ไดโนเสาร์จึงถือกำเนิดขึ้นบนเกาะอิสลา นูบลาร์
ก่อนการเปิดสวนสัตว์อย่างเป็นทางการ แฮมมอนด์ได้เชิญคณะผู้เชี่ยวชาญมาตรวจสอบความปลอดภัยของสถานที่แห่งนี้ แต่แล้วก็เกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้น เมื่อจู่ๆ โปรแกรมเมอร์คนหนึ่งของศูนย์วิจัยพยายามขโมยตัวอ่อนของไดโนเสาร์ไปให้บริษัทคู่แข่ง เขาจึงปิดระบบความปลอดภัยของสวนสัตว์ เมื่อไฟฟ้าไม่ทำงาน ทั้งเกาะก็เกิดการอัมพาต ผู้คนตกอยู่ในความมืดและอันตรายจากสิ่งมีชีวิตที่สร้างขึ้น ไดโนเสาร์ทั้งหลายกระจัดกระจายอยู่นอกเขตความปลอดภัย และพวกมันพร้อมเข้าโจมตีทุกสิ่งมีชีวิตตรงหน้า
The Fly – ไอ้แมลงวัน (สยองพันธุ์ผสม) (1986)
The Fly สร้างมาจากเรื่องสั้นของนักเชียนชาวอังกฤษ นามว่าจอร์จ แลงเกล็น ซึ่งผลงานนี้เขียนขึ้นในปี ค.ศ.1957 และนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์ครั้งแรกในปี ค.ศ. 1958 จากนั้น ค.ศ. 1986 The Fly ก็ได้รับการนำมาปัดฝุ่นใหม่อีกครั้งโดยผู้กำกับ เดวิด โครเนนเบิร์ก ผู้กำกับชื่อดังที่หลงใหลการอ่านนิยายไซไฟ
เรื่องราวของ The Fly เริ่มมาจากการทดลองทางวิทยาศาสตร์ของเซ็ธ บรันเดิล นักวิทยาศาสตร์อัจฉริยะ ผู้ซึ่งใฝ่ฝันจะเปลี่ยนแปลงโลกด้วยสิ่งประดิษฐ์ เซ็ธเก็บตัวทำงานอยู่ในห้องทดลองของตัวเองโดยไม่สุงสิงกับใครตลอดมา ในงานแถลงข่าวงานวิจัยแห่งหนึ่ง เซ็ธได้พบกับนักข่าวสาวเวโรนิก้า เกฟ เขาเข้าไปพูดคุยกับเธอและชวนไปยังห้องทดลองของตัวเอง
สิ่งประดิษฐ์ที่จะเปลี่ยนแปลงโลกของเซ็ธก็คือ ‘เครื่องย้ายมวลสาร’ ที่สามารถย้ายสสารจากตู้หนึ่งไปยังอีกตู้หนึ่ง หรือก็คือการเทเลพอร์ตนั่นเอง แต่เครื่องนี้ยังไม่สมบูรณ์แบบ เพราะมันยังไม่สามารถย้ายสิ่งมีชีวิตได้
ข้อผิดพลาดหนึ่งที่ของการเจอเวโรนิก้าก็คือ เธอเป็นนักข่าว ดังนั้นเธอจึงต้องการเผยแพร่สิ่งที่เซ็ธทำ แต่เขาห้ามเธอไว้ โดยยื่นข้อเสนอว่ารอจนกว่าเครื่องจะสมบูรณ์ แล้วค่อยเขียน ระหว่างนี้ก็ให้เวโรนิก้าเก็บข้อมูลเบื้องหลังในการทดลองของเขาไป ไม่นานทั้งสองก็เริ่มรักกับ พร้อมกับงานที่ก้าวหน้าของเซ็ธ
แต่ในวันหนึ่งหายนะก็เกิด เมื่อเซ็ธทำการทดลองเพียงคนเดียว เขาเข้าไปในตู้ทดลองโดยที่ไม่รู้ว่ามีแมลงวันเข้าไปในนั้นด้วย ผลลัพธ์ที่ได้คือ เซ็ธถูกรวมเข้ากับแมลงวันในระดับโมเลกุล ทำให้เขาค่อยๆ เปลี่ยนแปลงไปทีละน้อย เขามีขนเล็กๆ หยาบๆ มีพละกำลังมหาศาล เริ่มไต่กำแพงได้ และผิวหนังหลุดลอกไปทีละน้อย เซ็ธกลายเป็น ‘แมลงวันบรันเดิล’ ที่น่าสยดสยอง และสูญเสียความเป็นมนุษย์ไปอย่างช้าๆ
Hollow Man – มนุษย์ไร้เงา (2000)
Hollow Man เป็นภาพยนตร์ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากนวนิยายที่เป็นเหมือนต้นแบบของวรรณกรรมไซไฟ-ระทึกขวัญ เรื่อง The Invisible Man ของนักเขียน เอช. จี. เวลส์ ซึ่งนวนิยายเรื่องนี้นำมาสร้างเป็นภาพยนตร์แล้วหลายต่อหลายครั้ง แต่สำหรับ Hollow Man นั้น มีเพียงเค้าโครงเรื่องที่คล้ายกัน ในส่วนของเนื้อหานั้นแตกต่างออกไป
ภาพยนตร์ Hollow Man กำกับโดย พอล เวอร์โฮเวน ผู้กำกับภาพยนตร์ชาวดัทช์ที่มีสไตล์อันจัดเจนและชัดเจน ภาพยนตร์ของเขามักว่าด้วยเนื้อหาทางเพศ ความรุนแรง และการเสียดสีสังคม ผลงานขึ้นหิ้งได้แก่ Robocop (1987), Basic Instinct (1992), Starship Troopers (1997) และ Showgirls (1995)
Hollow Man เป็นเรื่องราวของนักวิทยาศาสตร์กลุ่มหนึ่งที่กำลังดำเนินการโครงการลับสุดยอดซึ่งได้รับมอบหมายมาจากรัฐบาล ทีมนักวิทยาศาสตร์นี้นำโดยเซบาสเตียน เคน หนุ่มนักวิทยาศาสตร์ที่ฉลาดปราดเปรื่อง แต่ก็มีความโอหังในเวลาเดียวกัน
สิ่งที่พวกเขากำลังพัฒนาอยู่ก็คือเซรุ่มที่สามารถทำให้สิ่งมีชีวิตล่องหนได้ พวกเขาทำการค้นคว้าและทดลองจนเข้าใกล้ความสำเร็จอย่างสมบูรณ์ การทดลองกับสัตว์นั้นได้ผลอย่างน่ามหัศจรรย์ แต่สิ่งที่จะเป็นก้าวที่สำคัญคือการทดลองกับมนุษย์
แต่ด้วยความกดดันจากเพนตากอนและคำขู่ที่ว่าโครงการนี้จะต้องปิดตัวลงด้วยสาเหตุต่างๆ เซบาสเตียนจึงไม่อยากรอและล่าช้าอีกแม้แต่วินาทีเดียว พวกเขาจึงทดลองกับมนุษย์โดยพละการ ซึ่งก็คือเซบาสเตียนเอง เมื่อเขากลายเป็นมนุษย์ล่องหนคนแรก เขาจึงเจอกับความผิดพลาดอันใหญ่หลวง เซบาสเตียนไม่สามารถกลับคืนมาเป็นมนุษย์ที่มีเลือดเนื้ออย่างปกติได้
เขาจึงค่อยๆ กลายเป็นคนอีกคน เพราะเหมือนว่าเมื่อเปลือกนอกได้ถูกถอดทิ้งไปแล้ว เปลือกภายในจิตใจของเขาก็ได้หายไปด้วยเช่นกัน ศีลธรรมจรรยาได้ลบเลือนไปแล้ว เซบาสเตียนกลายเป็นมนุษย์ผู้บ้าคลั่งและเดินดุ่มไปสู่จุดจบอันน่าหวาดกลัว
Tags: บุรุษล่องหน, Science, วิทยาศาสตร์, ภาพยนตร์