ค่ำคืนวันอาทิตย์ที่ 12 กุมภาพันธ์ หรือเช้าๆ วันจันทร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ตามเวลาประเทศไทย งานประกาศรางวัลที่ถือได้ว่ายิ่งใหญ่และทรงเกียรติที่สุดรางวัลหนึ่งของวงการดนตรีระดับโลกอย่าง GRAMMY AWARDS ที่จัดขึ้นที่ Staples Center ในลอสแอนเจลิสก็จะเริ่มต้นขึ้น คนทั่วโลกจะได้รู้กันสักทีว่าในรอบปีที่ผ่านมา ศิลปินคนไหน อัลบั้มใด หรือเพลงไหน จะคว้ารางวัลที่เปรียบเสมือน ‘ออสการ์แห่งวงการเพลง’ ไปครอง

ภาพรวมในปีนี้ต้องบอกว่าศิลปินเบอร์ใหญ่ๆ ยังตบเท้าเข้าชิงรางวัลกันเพียบ และเช่นเคยเหมือนกับทุกปี ก็คือมักจะเป็นศิลปินผิวสีแทบทั้งนั้น ไล่ตั้งแต่ Beyoncé, Drake, Rihanna, Kanye West จนมาถึงหน้าใหม่ไฟแรงอย่างแรปเปอร์ Chance the Rapper ส่วนศิลปินผิวขาวที่น่าจะสร้างโมเมนตัมได้พอสมควรก็หนีไม่พ้นเจ้าเก่า Adele ที่เคยกวาดรางวัลนี้ในปีเดียวมาแล้วถึง 7 ตัว

สิ่งที่น่าสนใจมากกว่าตัวรางวัลก็คือ แม้ว่ารางวัลแกรมมียังจะเป็นสถาบันที่คนในวงการเพลงเชื่อถืออยู่พอสมควร แต่สำหรับคนทั่วไปแล้ว สถานการณ์ของแกรมมีไม่สู้ดีนัก เพราะความนิยมเริ่มถดถอยมาตลอดในรอบหลายปี โดยในปี 2016 มียอดผู้ชมทั่วโลกเพียง 24.95 ล้านวิว ตกต่ำที่สุดในรอบ 7 ปี และมีเรตติ้งเพียง 7.7 ย่ำแย่ที่สุดตั้งแต่รางวัลนี้เคยก่อตั้งมา 57 ปี! (ซึ่งปัจจัยหนึ่งอาจมาจากพฤติกรรมการเสพสื่อของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปด้วย)

ฉะนั้นนอกจากการคาดเดาและลุ้นว่าใครจะคว้ารางวัลมาครองแล้ว จึงน่าติดตามมากว่าในปีนี้แกรมมีจะกอบกู้สถานการณ์อันเลวร้ายนี้คืนมาได้อย่างไร นี่ยังไม่นับความคุกรุ่นของการเมืองอเมริกันที่น่าจะส่งผลต่อการแสดงสดและสปีชของเหล่าศิลปินไม่มากก็น้อย

และนี่คือ 7 สิ่งที่คุณควรรู้ก่อนดูการประกาศรางวัลแกรมมีครั้งที่ 59

Photo: Mario Anzuoni, Reuter/Profile

1. Beyoncé เข้าชิง 9 รางวัล ส่วน Drake, Rihanna และ Kanye West เข้าชิง 8  รางวัล

ศิลปินที่น่าจะคว้ารางวัลไปในปีนี้มากที่สุดคงหนีไม่พ้นคุณแม่ลูกแฝดสดๆ ร้อนๆ อย่าง Beyonce ที่เข้าชิงไปถึง 9 รางวัล และก็เป็นรางวัลใหญ่ๆ แทบทั้งหมด เช่น Record of the Year และ Song of the Year จากเพลง Formation และรางวัล Album of the Year จากอัลบั้มสุดร้อนแรงแห่งปีอย่าง Lemonade รองลงมาคือศิลปินผิวสีอีก 3 คนคือ Drake, Rihanna และ Kanye West ที่ฟาดไปคนละ 8 รางวัล ส่วน Adele ก็ไม่น้อยหน้าเข้าป้ายมา 5 รางวัล นอกจากนี้ Justin Bieber และ David Bowie ผู้ล่วงลับก็ยังเข้าชิงถึง 4 รางวัลอีกด้วย

แต่คนที่อยากให้จับตามากที่สุดและน่าจะเป็นดาวเด่นในครั้งนี้ก็คือ Chance the Rapper ศิลปินฮิปฮอปหน้าใหม่ที่ชาวอเมริกันกำลังบ้าคลั่งเป็นอย่างมาก เขาเข้าชิงไปถึง 7 รางวัล โดยเฉพาะรางวัลสำคัญอย่าง Best Rap Album ที่ต้องไปฟาดฟันกับรุ่นพี่อย่าง Drake และ Kanye West ส่วนรางวัล Best New Artist สื่อแทบทุกสำนักฟันธงว่าเขานอนมาแน่นอน

Photo: Lucy Nichoson, Reuter/Profile

Photo: Mike Blake, Reuter/Profile

2. #แม่เจอแม่ การฟาดฟันของ Beyoncé และ Adele

ใน 3 สาขาใหญ่ๆ ที่คนจับตามากที่สุดอย่าง Record of the Year, Song of the Year และ Album of the Year ประเมินคร่าวๆ แล้วคู่ชกที่ดูสมน้ำสมเนื้อมากที่สุดคือ Beyoncé และ Adele โดยทั้งคู่ต่างมีกระบวนท่าที่น่าสนใจคนละแบบ ฝั่ง Beyoncé ที่มาพร้อมกับเพลง Formation และอัลบั้ม Lemonade ก็ได้คะแนนในเรื่องของนัยยะทางการเมืองในเพลง และนวัตกรรมของอัลบั้ม Lemonade ที่มาเป็น ‘visual album’

ด้านของ Adele ก็ได้เสียงเชียร์จากชาวเน็ต เพลง Hello นั้นซัดยอดวิวไปแล้วเกือบ 2 พันล้านวิว ส่วนอัลบั้ม 25 ก็ติดชาร์ตอัลบั้มขายดีที่สุดแห่งปี 2015 ไปถึง 17.4 ล้านก๊อปปี้ ลองหยั่งเสียงจากฝั่งนักวิจารณ์ทั่วโลกแล้วส่วนใหญ่จะเอนเอียงมาทาง Beyoncé เล็กน้อย ในขณะที่หลายคนก็บอกว่าอย่ามองข้าม Justin Bieber ที่เพลง Love Yourself และอัลบั้ม Purpose ก็เข้าชิงและทำได้ดีไม่น้อย

Photo: fsmedia.imgix.net

Photo: ppcorn

3. Best New Artist น่าจะหนีไม่พ้น Chance the Rapper

อีกหนึ่งสาขาที่คนลุ้นกันมากในทุกๆ ปีคือ ศิลปินหน้าใหม่ยอดเยี่ยม ซึ่งต้องบอกก่อนว่ามีการเปลี่ยนกติกาที่น่าสนใจเล็กน้อย นั่นคือ ข้อแรกศิลปินหน้าใหม่ที่เข้าชิงไม่จำเป็นต้องมีอัลบั้มเป็นของตัวเองก็ได้ (เพราะเดี๋ยวนี้ออกเป็นซิงเกิลมากกว่า) แต่มีข้อแม้ว่าต้องออกซิงเกิลมาแล้วอย่างน้อย 5 เพลงในรอบปี ข้อสองคือ เพลงที่ปล่อยวางจำหน่ายอาจไม่จำเป็นต้องมีแบบเป็นแผ่นจับต้องได้ (physical copy) แต่แค่ปล่อยในบริการสตรีมมิงมิวสิกต่างๆ เป็นอันใช้ได้ (เพราะเดี๋ยวนี้คนฟังผ่านโลกออนไลน์กันหมดแล้ว)

ปีนี้ผู้เข้าชิงได้แก่ Kelsea Ballerini, The Chainsmokers, Chance the Rapper, Maren Morris และ Anderson .Paak แม้ว่าสาวๆ หลายคนจะชื่นชอบซิกซ์แพ็กและท่อนติดหูอย่าง “Bite that tattoo on your shoulder” ของเพลง Closer จากดูโอ The Chainsmokers แต่ต้องยอมรับว่า Chance the Rapper เขามาแรงจริงๆ อัลบั้มมิกซ์เทปอย่าง Coloring Book ซึ่งถือเป็นอัลบั้มที่ปล่อยแต่ในระบบสตรีมมิงอัลบั้มแรกของโลกที่เข้าชิงรางวัลแกรมมีนั้นได้รับคำชมมหาศาลจากทุกสำนัก ส่วนเจ้าตัว Chance the Rapper ก็ได้รับการยกย่องว่าคือแรปเปอร์ที่ดีที่สุดแห่งปี 2016 ฉะนั้นจึงบอกได้เลยว่า ถ้าฟ้าไม่ถล่ม น้ำไม่ท่วม รางวัล Best New Artist ก็น่าจะตกเป็นของศิลปินวัย 23 ปีจากชิคาโกคนนี้

Photo: USA Today Sports, Reuter/Profile

4. การทริบิวต์ให้กับ George Micheal และ Prince รวมทั้งจับตาว่าจะมีการแสดงจุดยืนทางการเมืองผ่านการแสดงสดหรือไม่

รายชื่อศิลปินบิ๊กเนมที่จะมามอบความสนุกบนเวทีในปีนี้นั้นถูกประกาศออกมาแล้ว เช่น John Legend และ Cynthia Erivo (ที่จะมาเล่นทริบิวต์ให้กับศิลปินที่เสียชีวิตในรอบปี ที่น่าดูคือ George Micheal และ Prince) Metallica, Lady Gaga, Adele, Bruno Mars, The Weeknd, Daft Punk, Alicia Keys, Chance The Rapper, Beyoncé, Katy Perry, Lukas Graham เรียกได้ว่ามากันครบองค์ประชุม แต่สิ่งที่น่าสนใจมากกว่าแสดงสดบนเวทีก็คือการแสดงจุดยืนทางการเมือง เพราะในช่วงที่การเมืองอเมริกันกำลังคุกรุ่น และความไม่พอใจต่อ โดนัลด์ ทรัมป์ ศิลปินและนักแสดงหลายคนใช้พื้นที่เหล่านี้ในการเป็นกระบอกเสียงมาแล้วมากมาย เช่น สปีชของ Meryl Streep งานประกาศรางวัลลูกโลกทองคำ หรือ Half Time Show ของ Lady Gaga ในการแข่งขันซูเปอร์โบลว์ ยิ่งในเวทีแกรมมีที่ศิลปินผิวสีมาร่วมงานกันมากมาย ยิ่งน่าจะมีตัวเร่งปฏิกิริยาได้มากทีเดียว ก็ต้องรอดูกันต่อไปว่าจะมีใครร้องเพลงซ่อนนัยยะแบบที่ Lady Gaga ทำหรือไม่

Photo: Andrew Kelly, Reuter/Profile

Photo: USA Today Sports, Reuter/Profile

5. Justin Bieber, Drake และ Kanye West อาจไม่มาร่วมงาน!?

จู่ๆ ก่อนวันงานไม่กี่วัน เว็บไซต์กอซซิป TMZ ก็ออกมารายงานว่า ศิลปินระดับแม่เหล็กที่เข้าชิงรางวัลกันมากมายอย่าง Justin Bieber, Drake และ Kanye West จะบอยคอตไม่มาร่วมงาน! โดย TMZ อ้างว่า Bieber ให้เหตุผลว่ารู้สึกว่างานประกาศรางวัลนี้ไม่ค่อยสำคัญเท่าไร และไม่ได้เป็นตัวแทนของคนรุ่นใหม่อย่างแท้จริง ส่วน Drake นั้นสำนักข่าว Fox อ้างว่า เขาติดงานคอนเสิร์ตอีกที่อยู่ที่เมืองแมนเชสเตอร์ ประเทศอังกฤษในวันประกาศผลพอดี

ด้าน Kanye West นั้นเขาเคยออกมาประกาศก่อนหน้านี้สักพักแล้วว่าหากอัลบั้ม Blonde ของ Frank Ocean ไม่ได้เข้าชิง เขาก็จะไม่โผล่หน้ามาแน่นอน ซึ่งพอถึงเวลาจริงก็ไม่มีชื่อของอัลบั้มนี้ติดโผ เพราะทางต้นสังกัดไม่ได้ส่งผลงานเข้าพิจารณา เพราะเชื่อว่ารางวัลแกรมมีนั้นไม่หลากหลายพอ จึงเชื่อกันว่ามิสเตอร์เวสต์คงไม่อยากจะกลืนน้ำลายตัวเองเท่าใดนัก

หากทั้งสามคนนี้ไม่มาร่วมงานจริงๆ งานคงกร่อยและแกร่วไปมาก แต่ก็นั่นแหละ ถึงแม้จะออกมาบอกว่าไม่มา แต่สามหนุ่มคนนี้ก็ถือเป็นตัวแสบที่อาจจะเปลี่ยนใจเมื่อไรก็ได้ ต้องรอดูวันงานว่าจะมีเซอร์ไพรส์หรือไม่

Photo: wikipedia commons

6. James Corden จะเป็นพิธีกรครั้งแรก

ขับรถร้องคาราโอเกะอยู่ดีๆ ใน Carpool Karaoke นาย James Corden ก็ได้รับเกียรติเป็นพิธีกรในงานนี้ซะงั้น โดยถือเป็นครั้งแรกในชีวิตของเขาแทนที่ LL Cool J ที่ทำหน้าที่ติดต่อกันมาถึง 5 ปี เขาออกตัวว่า “การเป็นพิธีกรให้กับแกรมมีนั้นต่างจากการทำรายการของตัวเองมากครับ คนดูเยอะกว่าพอสมควร เพราะฉะนั้นผมต้องทำให้ดีที่สุดที่จะไม่ทำให้ทุกอย่างพัง นั่นคือประเด็นสำคัญของผมเลยล่ะ อย่าทำมันพัง” ส่วนใครที่คาดหวังว่าเขาจะมาร้องเพลงเหมือนกับในรถแล้วละก็อาจจะผิดหวังได้ “สุดยอดนักร้องอยู่บนเวทีมากมายแล้วครับ คงไม่มีใครอยากให้เสียงผมไปรบกวนเสียงเพราะๆ ของคนอื่นเขา”

ถ้าดูจากคาแรกเตอร์ความเป็นกันเองและความสนิทสนมกับศิลปินเป็นจำนวนมากแล้ว เราคิดว่า James Corden น่าจะทำได้ดี และช่วยดึงเรตติ้งของงานได้มาก เหมือนกับที่ Ken Ehrlich โปรดิวเซอร์ของงานให้สัมภาษณ์ว่า “เขามีทัศนคติที่ดีมาก เขารักดนตรี และศิลปินทุกคนก็รักเขา”

7. ยอดขายจะเพิ่มตามรางวัลที่ได้หรือไม่

นอกเหนือจากแฟชั่นพรมแดงและมีมล้อเลียนสนุกๆ ที่เราจะเห็นมากมายหลังงานจบแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่น่าติดตามก็คือยอดขายอัลบั้มและยอดดาวน์โหลดตัวเพลงที่จะเพิ่มขึ้น เพราะข้อมูลจากนิตยสาร Billboard ที่เก็บสถิติย้อนหลังหลายปีเห็นความสัมพันธ์ที่ไปด้วยกันของรางวัลและยอดขาย

นอกจากนี้เว็บไซต์ buzzanglemusic.com ยังรายงานว่า ในปี 2016 ศิลปินทั้งหมดที่มีรายชื่อเสนอเข้าชิงรางวัลจะมียอดขายอัลบั้มเพิ่มขึ้นรวมกันประมาณ 17,000 อัลบั้ม หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 27.8 เปอร์เซ็นต์ และมียอดขายเพลงเพิ่มขึ้นรวมกันประมาณ 118,000 เพลง หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้นประมาณ 39.7 เปอร์เซ็นต์

ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดคือเพลง Don’t Wanna Fight จากวงร็อก Alabama Shakes ที่ได้รางวัลแกรมมีไป 2 ตัวนั้นมียอดขายเพิ่มขึ้นจากที่คาดการณ์ไว้ถึง 1,900 เปอร์เซ็นต์! เพราะฉะนั้นหลังจากงานจบลงแล้ว ศิลปินที่ได้รางวัลคงต้องรีบเช็คตัวเลขบัญชีในธนาคารกันเลยทีเดียว

ทั้งหมดนี้คือข้อมูลคร่าวๆ และการคาดเดาสนุกๆ ที่ควรรู้ก่อนชมงาน โดยคุณสามารถชมการถ่ายทอดสดงานประกาศผลรางวัลแกรมมีครั้งที่ 59 ได้ที่ช่อง CBS (ตามเวลาไทยแล้วงานน่าจะเริ่มประมาณ 8 โมงเช้าของวันจันทร์ที่ 13 กุมภาพันธ์) หรือหากอยากดูเบื้องหลังที่ไม่ได้ออกอากาศก็สามารถติดตามชมสดๆ แบบคู่ขนานกันไปได้ที่ live.grammy.com

และแน่นอนติดตามการสรุปและวิเคราะห์หลังจบงานได้ที่ The Momentum เช่นเคย

อ้างอิง:

Tags: ,