ในวันที่กลุ่ม ‘ธุรกิจเภสัช SME’ ร่วมกันเดินหน้าปรับตัวสู่ยุค ‘ดิจิทัล’

ปฎิเสธไม่ได้เลยว่าสังคมโลกของเราทุกวันนี้ ‘เทคโนโลยีดิจิทัล’ เดินหน้าพัฒนาอย่างต่อเนื่องไม่มีหยุดพัก กลายเป็นว่าทุกอย่างก้าวของชีวิตเรา ความเป็นดิจิทัลเข้ามามีบทบาทอย่างสูง โดยเฉพาะภาคธุรกิจที่เกิดการปรับเปลี่ยนรูปแบบการขายเป็นแบบออนไลน์ เพียงแค่จะซื้อสินค้าซักชิ้นก็ไม่จำเป็นต้องเดินออกไปถึงที่ให้เมื่อยเปล่า ซึ่งอีกหนึ่งชนิดธุรกิจที่มีการปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัยดิจิทัลก็คือธุรกิจ ‘ยารักษาโรค’ หนึ่งในปัจจัยสี่อันสำคัญยิ่งของมนุษย์

ด้วยเหตุผลที่กล่าวมาในข้างต้นที่บรรดาธุรกิจเภสัชต้องปรับตัวค้าขายให้เท่าทันยุคดิจิทัล ปัจจัยเรื่องสถานการณ์โรคไวรัสโควิด-19 ก็เป็นอีกหนึ่งเหตุผลสำคัญ เพราะผู้คนต่างให้ความสำคัญกับการออกจากนอกบ้าน ที่ถ้าไม่จำเป็นการสั่งซื้อสินค้าด้วยแพลตฟอร์มดิจิทัลดูจะเข้าท่ากว่า

เมื่อนำเหตุผลเหล่านี้มารวมกัน ทำให้เมื่อไม่นานมานี้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของกลุ่มธุรกิจเภสัชระดับSME ในประเทศไทย โดย ‘Arincare’ (อรินแคร์) แพลตฟอร์มออนไลน์สัญชาติไทยผู้ให้บริการแพลตฟอร์มธุรกิจสตาร์ทอัพด้านเภสัช ลงมือรับหน้าที่ระดมทุนจากทางหลายภาคส่วนในรอบ Series A ทั้งจากภาครัฐ ภาคเอกชน และกลุ่มทุนจากต่างประเทศ ประกอบด้วย NEXTER VENTURES, Mitsubishi Corporation  และสํานักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa)  ซึ่งทุกฝ่ายต่างมองไปตรงทิศทางเดียวกันที่ว่า สมควรจะต้องยกระดับร้านเภสัชระดับสตาร์ทอัพที่มีอยู่มากมายบนประเทศไทยให้สามารถค้าขายแพลตฟอร์มออนไลน์ได้เต็มรูปแบบ เพื่อสามารถยืนหยัดต่อสู้กับธุรกิจเภสัชรายใหญ่ได้  ไปจนถึงรูปแบบการเข้าถึงประชาชนได้ง่ายกว่าเดิม

(ธีระ กนกกาญจนรัตน์’ CEO & Co-founder ของ Arincare)

 ธีระ กนกกาญจนรัตน์ CEO & Co-founder ของ Arincare กล่าวถึงจุดเริ่มต้นของโปรเจ็คครั้งนี้ว่า

“ตลอดระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา Arincare ได้มุ่งมั่นพัฒนาระบบ การบริหารจัดออนไลน์รูปแบบ e-Pharmacy (โปรแกรมร้านยารูปแบบใหม่) สําหรับผู้ประกอบการร้านขายยาและเภสัชกร ให้มีเครื่องมือที่สามารถช่วยบริหารธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเพื่อหนุนให้ธุรกิจร้านขายยารูปแบบสตาร์ทอัพอยู่รอด แข่งขันกับร้านขายยาบริษัทขนาดใหญ่ ที่มีสัดส่วนมากกว่าได้”

“จากจุดเริ่มต้นตั้งแต่ปี 2016 ที่ตอนแรกทางArincare ตั้งใจจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจอุตสหกรรมการดูแลสุขภาพเพียงอย่างเดียว แต่เวลานี้เป้าหมายของเราจะใหญ่กว่าเดิม โดยจะมุ่งพัฒนาการบริการด้วยแนวคิด ‘Make Healthcare Affordable’ เพื่อให้ประชาชนทุกคนสามารถเข้าถึง ‘ยา’ ได้ง่ายขึ้น และเป็นราคาที่ทุกคนมีกำลังซื้อพอ และสุดท้ายเชื่อว่าก้าวต่อไปของการเติบโตในครั้งนี้ทาง Arincare จะสามารถสร้างผลกระทบเชิงบวกของการเข้าถึงยารักษาโรคในผู้คนได้กว้างขึ้นกว่าที่เป็นอยู่”

สุดท้ายนอกจากวิสัยทัศน์ที่ก้าวไกลของทางArincareแล้ว ผู้ร่วมลงทุนทั้ง 4 ที่กล่าวมาในข้างต้นก็ต่างให้การสนับสนุนแนวคิดนี้เป็นอย่างดี  และคาดหวังว่าการร่วมมือกันครั้งนี้ จะสามารถช่วยยกระดับการเข้าถึงยารักษาโรคต่อสังคมได้ทุกระดับ เพื่อให้คุณภาพชีวิตของประชาชนในประเทศไทยมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น รวมถึงยังเป็นการแสดงให้เห็นว่าการทำงานแบบ  Ecosystem ต้องทำงานด้วยกันอย่างเป็นระบบทุกภาคส่วน