เมื่อเวลา 18.00 น. ของวันที่ 10 เมษายน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แถลงการณ์ความคืบหน้ามาตรการรับมือเชื้อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ทั้งหมด รวมถึงแนวทางปฏิบัติในช่วงวันสงกรานต์ ซึ่งจะไม่มีการจัดกิจกรรมในปีนี้
ในด้านความพร้อมของการสาธารณสุข ขณะนี้มีโควตาหน้ากากอนามัยให้แก่บุคลากรสาธารณสุข 1.5 ล้านชิ้น/วัน ขณะที่หน้ากากผ้าสำหรับประชาชนมีการผลิตและแจกจ่ายอยู่ที่ 50 ล้านชิ้น/วัน ทางด้านยาฟาวิพิราเวียร์ ซึ่งใช้ควบคู่กับยาตัวอื่นในการรักษาโรคโควิด-19 ตอนนี้มีการนำเข้าแล้วทั้งหมด 187,000 เม็ด และกำลังจัดหาเพิ่มเติมอีก 200,000 เม็ด
ทางด้านเตียง อุปกรณ์อำนวยความสะดวกอื่นๆ ที่จำเป็น ตอนนี้มีการจัดหาสถานที่ดูแลผู้ป่วยเพิ่มเติมแล้ว 98 แห่งในกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีการจัดหาเตียงไอซียูเพิ่ม 80 เตียง และมีการจัดสถานที่กักกันโรคโดยรัฐ หรือ State Quarantine ที่สามารถรองรับได้ราว 20,000 คน
ในด้านความมั่นคง ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค. ได้จัดกำลังคนกว่า 20,000 นาย เพื่อตั้งจุดตรวจรูปแบบต่างๆ กว่า 1,000 แห่ง ซึ่งที่ผ่านมาก็ได้รับความร่วมมือเพิ่มขึ้นตามลำดับ แต่ยังคงมีการฝ่าฝืนกว่า 6,500 ราย ซึ่งเป็นตัวเลขที่ยังไม่น่าพอใจเท่าไร ทั้งนี้ ในขณะนี้ยังไม่มีแนวคิดขยายระยะเวลาเคอร์ฟิวเพิ่มเติม
ในด้านการควบคุมราคาสินค้า ในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา สามารถจับกุมและดำเนินคดีผู้จำหน่วยสินค้าเกินราคาได้ 20 ราย จงใจให้ราคาสินค้าสูงหรือต่ำเกินควร 75 ราย และปกปิดป้ายราคา 36 ราย และตั้งแต่มีการประกาศให้หน้ากากอนามัยและเจลล์ล้างมือเป็นสินค้าควบคุม เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ มีการกระทำความผิดเกี่ยวกับหน้ากากอนามัยและเวชภัณฑ์ 334 คดี ยึดของกลางเป็นหน้ากากกว่า 2.7 ล้านชิ้น แอลกอฮอล์มากกว่า 300,000 ลิตร ชุดตรวจโควิด-19 60,000 ชุด เครื่องวัดอุณหภูมิ 40,000 เครื่อง
ในด้านการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ ล่าสุด รัฐบาลได้ออกมาตรการระยะที่ 3 เป็นวงเงิน 1.9 แสนล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 10 ของ GDP ประกอบด้วย พ.ร.ก.กู้เงิน 1 ล้านล้านบาท โดย 6 แสนล้านบาทครอบคลุมแผนงานด้านสาธารณสุข แผนงานเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ และอีก 4 แสนล้านบาทด้านแผนงานฟื้นฟูเศรษฐฏิจและสังคม นอกจากนี้ ยังมีการออก พ.ร.ก.ให้ความช่วยเหลือด้านการเงินแก่ธุรกิจ SME เป็นวงเงิน 5 แสนล้านบาท และการออก พ.ร.ก. วงเงิน 4 แสนล้านบาท ให้ธนาคารแห่งประเทศไทย ดูแลเสถียรสภาพของตลาดตราสารหนี้
นอกจากนี้ ยังมีการเตรียมยกร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ โดยให้หน่วยงานต่างๆ ปรับลดงบประมาณไม่เกินร้อยละ 10 เพื่อนำมาเยียวยาปัญหาโควิด-19 รวมถึงภัยแล้ง และภัยพิบัติอื่นๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ในปีงบประมาณนี้ โดยเชื่อว่าบังคับใช้ได้ไม่เกินกลางเดือนมิถุนายนนี้
คณะรัฐมนตรียังได้อนุมัติการเพิ่มบุคลากรทางการแพทย์และกระทรวงสาธารณสุขกว่า 45,000 อัตรา โดยแบ่งเป็นส่วนข้าราชการตั้งใหม่ 38,000 อัตรา และอัตราข้าราชการตั้งใหม่สำหรับนักเรียนแพทย์จำนวน 7,000 อัตรา โดยให้พิจารณารายละเอียดให้แล้วเสร็จภายใน 2 สัปดาห์
การเพิ่มจำนวนหน่วยไฟฟ้าฟรีจาก 50 หน่วยต่อเดือน เป็น 90 หน่วยต่อเดือน สำหรับบ้านพักที่อยู่อาศัยที่ติดตั้งมิเตอร์ไฟฟ้าไม่เกิน 5 แอมป์ทั่วประเทศ ซึ่งคาดว่าจะมีประชาชนได้รับประโยชน์ 6.4 ล้านราย
คณะรัฐมนตรียังได้อนุมัติประโยชน์ทดแทนกรณีแรงงานในระบบประกันสังคมว่างงาน ใน 2 กรณีคือ กรณีเกิดวิกฤตเศรษฐกิจ หรือเหตุสุดวิสัย เพื่อให้ผู้ประกันตนได้รับการเยียยวยาในกรณีว่างงาน เนื่องจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส
นอกจากนี้ ได้มีมาตรการชะลอเดินทางกลับของคนไทยในต่างประเทศ ไปถึงวันที่ 18 เมษายน เพราะจากสถิติส่วนใหญ่ผู้ติดเชื้อรายใหม่เดินทางกลับจากต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม คณะรัฐมตรีกำลังพิจารณาเงินช่วยเหลือสำหรับกลุ่มคนไทยที่ยังอยู่ในต่างประเทศ
ทางด้านการสื่อสาร ปัจจุบันยังมีข่าวปลอมอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อวานมีทั้งสิ้น 26 คดี จับกุมแจ้งข้อหา 10 คดี มีผู้ต้องหา 13 ราย ดังนั้น ขอให้อย่าส่งต่อข้อมูลที่ไม่น่าเชื่อถือ
ในช่วงท้าย พล.อ.ประยุทธ์เน้นว่าในช่วงเทศกาลสงกรานต์ มีกิจกรรมอีกมากที่เสี่ยงต่อการแพร่กระจายของโรค จึงขอให้งดเว้นเดินทางกลับภูมิลำเนา รดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ และเปลี่ยนมาสรงน้ำพระพุทธที่บ้าน ขอพรญาติผู้ใหญ่โดยเว้นระยะห่าง 1-2 เมตร และใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา รวมถึงแสดงความรักและกตัญญูผ่านโทรศัพท์หรือสื่อออนไลน์
Tags: ประยุทธ์ จันทร์โอชา, โควิด-19