5 ภาพยนตร์ซอมบี้ มีชีวิต แต่ไร้ลมหายใจ

ผีดิบหรือซอมบี้นั้นเป็นหนึ่งในตัวละครที่ได้รับความนิยมและมักปรากฎตัวในสื่อทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นเกม การ์ตูน แอนิเมชั่น ซีรีส์ ภาพยนตร์ ไปจนถึงคู่มือการเอาตัวรอดเมื่อซอมบี้บุกโลก

อาจดูเป็นเรื่องเพ้อฝันเกินจริงและไร้สาระ แต่เชื่อว่าบางคนคงเคยเห็นข่าวยาเสพติดชนิดใหม่ที่เพิ่งมีมาเมื่อไม่กี่ปีก่อน มันคือยา Flakka ที่ออกฤทธิ์กระตุ้นประสาทและหลอนประสาท หลายรายที่เสพนั้นมีอาการไม่ต่างจากซอมบี้ เพราะฉะนั้นหากเราเรียนรู้วิธีเอาตัวรอดไว้บ้างก็คงไม่เสียหายอะไร มาดูวิธีรับมือซอมบี้จากภาพยนตร์ 5 เรื่องนี้ดีกว่า

Scouts Guide to the Zombie Apocalypse – 3 ลูกเสือ ปะทะ ซอมบี้ (2015)

เชื่อว่าหลายคนคงเคยผ่านการเรียนลูกเสือ และเห็นว่าสิ่งต่างๆ ในการเรียนลูกเสือนั้นไม่ค่อยมีประโยชน์หรือนำมาใช้อะไรในชีวิตประจำวันได้เลย แต่ภาพยนตร์เรื่องนี้จะพลิกความคิดนั้นของเรา เพราะในยามที่ต้องเอาตัวรอด ไม่แน่ว่าแม้กระทั่งการผูกเงื่อนก็จะช่วยเราได้

คริสโตเฟอร์ แลนดอน ผู้กำกับภาพยนตร์ผีดุ Paranormal Activity: The Marked Ones เขียนบทให้กับภาพยนตร์โหดๆ เรื่อง Viral และทั้งกำกับและเขียนบทภาพยนตร์ดรามาคอมเมดี้อย่าง Burning Palms เขานำประสบการณ์ทั้งหมดมารวมกันจนเกิดเป็นเรื่อง Scouts Guide to the Zombie Apocalypse ภาพยนตร์ซอมบี้ที่โหดสุดและฮาจัด

สามลูกเสือหนุ่มน้อย ประกอบไปด้วย เบน คาร์เตอร์ และออกี้ เป็นเพื่อนซี้กันมาตั้งแต่เด็ก พวกเขาเรียนลูกเสือด้วยกันมาอย่างยาวนาน จนเบนกับคาร์เตอร์อยากจะหนีไปจากมันเต็มทน เพราะอยากมีชีวิตไฮสคูลที่สนุกสุดเหวี่ยงกว่านี้ แต่ติดตรงที่เกรงใจออกี้

และแล้วในวันตั้งแคมป์พักแรมวันหนึ่ง เบนกับคาร์เตอร์ก็หนีออกไปปาร์ตี้ ซึ่งเป็นวันเดียวกับที่พวกเขาสารภาพความจริงกับออกี้ด้วย ทั้งสองแยกกับออกี้แล้วขับรถเข้าไปในตัวเมือง แล้วก็ต้องมาพบกับความจริงที่ว่า ตอนนี้ไวรัสร้ายได้แพร่ระบาดไปทั่วเมืองแล้ว ผู้คนส่วนหนึ่งอพยพไปเรียบร้อย ส่วนคนที่ยังเหลืออยู่ก็คือซอมบี้ โชคดีที่เบนกับคาร์เตอร์เจอกับเดนิส ทั้งสามคนจึงร่วมด้วยช่วยกันหาทางรอด และได้กลับไปรวมตัวกับออกี้อีกครั้ง การผจญภัยแบบวายป่วงผสมกับความเละเทะจึงเริ่มต้นขึ้น

ภาพยนตร์เน้นไปที่ความสนุกสนาน ตลกร้ายเล็กๆ และปะปนไปด้วยมุกแสบๆ คันๆ ยั่วล้อกับเรื่องเพศพอหอมปากหอมคอ ดิบเถื่อนแบบเอาฮา พร้อมเรียกรอยยิ้มและเสียงหัวเราะให้แก่คนดู

I Am A Hero – ข้าคือฮีโร่ (2016)

I Am A Hero ภาพยนตร์ที่สร้างจากมังงะชื่อเดียวกัน วาดโดยเคนโกะ ฮานาซาวะ และตีพิมพ์เป็นภาษาไทยกับสำนักพิมพ์สยามอินเตอร์คอมิกส์ ผู้กำกับที่หยิบเรื่องนี้มาทำเป็นฉบับภาพยนตร์ก็คือชินสุเกะ ซาโต้ ผู้กำกับที่เคยฝากผลงานผ่านเรื่อง Gantz สาวกกันสึ พันธุ์แสบสังหาร มาแล้ว ซึ่งเป็นภาพยนตร์ที่สร้างจากมังงะเช่นกัน

ฮิเดโอะ ซูซุกิ ชายผู้มีความฝันอยากเป็นนักวาดการ์ตูนมีชื่อเสียงและเป็นที่ยอมรับ แต่ความเป็นจริงเขาเป็นได้แค่ผู้ช่วยนักวาดการ์ตูนเท่านั้น สิ่งที่วาดหวังไว้อีกอย่างคือ เขาต้องการจะเป็นฮีโร่ให้ได้อย่างความหมายของชื่อตัวเอง และนอกจากจะไม่ประสบความสำเร็จด้านการงาน ชีวิตด้านอื่นๆ ของเขาก็ไม่ได้ดีเด่นเช่นกัน เรียกได้ว่าเป็น Loser อย่างสมบูรณ์แบบคนหนึ่ง

แต่แล้ววันหนึ่งไวรัส ZQN ก็ระบาด ทำให้ญี่ปุ่นตกอยู่ในความวุ่นวาย และคนกว่าครึ่งเมืองก็กลายเป็นซอมบี้ รวมถึงคนใกล้ชิดของเขา

ฮิเดโอะออกจากบ้านโดยคว้าปืนลูกซองอาวุธประจำกายออกไปด้วย ในเมืองที่ดูไม่มีทางออกเขาต้องคิดหาหนทางเอาตัวรอดไปเรื่อยๆ ระหว่างทางเขาก็พบกับเด็กสาวคนหนึ่ง เธอชื่อฮิโรมิ พวกเขาจึงร่วมทางไปด้วยกัน และเธอนี่เองที่เป็นแรงผลักดันให้ฮิเดโอะกล้าจะฝ่าฟันกับสิ่งต่างๆ ที่ดาหน้าเข้ามา

แล้วความผิดพลาดก็เกิดขึ้นฮิโรมิติดเชื้อไวรัสเข้าอีกคน เธอจะต้องกลายเป็นซอมบี้ในไม่ช้า ฮิเดโอะจะจัดการกับเรื่องนี้อย่างไร หรือเขาจะต้องปลิดชีวิตฮิโรมิลงกับมือ

สิ่งที่ทำให้ I Am A Hero แตกต่างจากภาพยนตร์ซอมบี้เรื่องอื่นๆ คือคนที่กลายเป็นซอมบี้จะยังคงหมกหมุ่นในสิ่งที่อยู่ในจิตใต้สำนึกของตัวเอง มันคือตลกร้ายที่เสียดสีสังคมญี่ปุ่น การยึดตัวเองเป็นศูนย์กลางและไม่ค่อยจะแคร์ใครหน้าไหน และอีกอย่างที่ภาพยนตร์ต้องการจะแสดงให้เห็นก็คือ เราสามารถลงมือทำในสิ่งที่ตัวเองต้องการได้ ความสำเร็จอยู่ที่การลงมือ เพราะถ้ามัวแต่หวังลมๆ แล้งๆ เราก็ไม่มีทางจะเข้าใกล้ความฝันได้เลย

Train to Busan – ด่วนนรกซอมบี้คลั่ง (2016)

ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นภาคต่อของอนิเมชั่นซอมบี้เรื่อง Seoul Station จากผู้กำกับคนเดียวกันคือยอน ซังโฮ ผู้กำกับที่ได้รับรางวัลจากเทศกาลหนังเมืองปูซานจากเรื่อง The King of Pigs และ The Fake โดยเรื่องราวใน Train to Busan จะเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลัง Seoul Station

ซอกวู คุณพ่อเลี้ยงเดี่ยวที่วันๆ ยุ่งอยู่กับการทำงานเป็นผู้จัดการกองทุน ไม่ค่อยมีเวลาใส่ใจและเลี้ยงดูซูอัน ลูกสาวของตัวเองมากนัก เมื่อถึงวันคล้ายวันเกิดซูอัน เธอขอซอกวูให้พาไปหาแม่ที่เมืองปูซาน เนื่องพวกเขาแยกกันอยู่ ซอกวูจึงไม่อยากปฏิเสธคำขอนี้

วันรุ่งขึ้นเขาพาซูอันขึ้นรถไฟด่วน KTX เพื่อมุ่งหน้าไปยังสถานที่ที่ภรรยาอาศัยอยู่ แต่แล้วความวุ่นวายก็เกิดขึ้น เมื่อจู่ๆ ดันมีผู้โดยสารที่ติดเชื้อไวรัสปริศนาคนหนึ่งขึ้นมา เธอเริ่มคลั่งและไล่กัดผู้โดยสารคนอื่น ทำให้เชื้อไวรัสแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว และคนที่โดยกัดล้วนกลายเป็นซอมบี้ รถไฟทั้งขบวนจึงตกอยู่ในอันตรายและความโกลาหล

แต่ไม่ใช่แค่บนรถไฟเท่านั้น เมืองแต่ละเมืองก็กำลังโดนภัยคุกคามนี้เหมือนกัน บนรถไฟค่อยๆ เต็มไปด้วยซอมบี้ คนที่ยังมีชีวิตอยู่ต้องหาทางเอาตัวรอด ทั้งสังเวยชีวิตอื่นและร่วมด้วยช่วยกัน ซอกวูต้องปกป้องลูกสาวบนสถานการณ์อันเลวร้ายนี้ให้อยู่รอดปลอดภัย และกลับสู่อ้อมกอดของคำว่าครอบครัว

ภาพยนตร์นำเสนอความระทึกผสมกับความดราม่าได้อย่างพอดี เหตุการณ์คับขันนี้จะทำให้เราเห็นสัญชาติญาณการเอาตัวรอดของมนุษย์ ความกล้า ความร่วมมือ ความเห็นแก่ตัว รวมถึงความรัก ในความสัมพันธ์หลากหลายรูปแบบที่จะดึงเอาความเป็นตัวตนของเราออกมา ไม่ว่าจะเป็นพ่อลูก สามีภรรยา คู่รักหนุ่มสาว หรือระหว่างคนแปลกหน้า เมื่อเข้าใกล้ความตายมากเท่าไร เรายิ่งกล้าทำในสิ่งที่ไม่เคยคาดคิด

Warm Bodies – ซอมบี้ที่รัก (2013)

ใครว่าภาพยนตร์ซอมบี้จะมีแต่การไล่กัดและฆ่าฟัน แต่จริงๆ แล้วเรื่องราวความรักกุ๊กกิ๊กก็มีได้เหมือนกัน

Warm Bodies เป็นภาพยนตร์ที่สร้างจากนวนิยายขายดีที่เขียนโดยไอแซค มาเรียน ซึ่งต่อยอดมาจากเรื่องสั้น I am a Zombie Filled With Love ของเขาเอง

เมื่อโลกตกอยู่ในวิกฤตซอมบี้ครองโลก ผู้คนที่ยังมีชีวิตอยู่จำเป็นต้องรวมตัวกันเพื่อความอยู่รอด แหล่งพักพิงสุดท้ายจึงมีมาตรการต่างๆ อย่างชัดเจนเพื่อจัดการกับวันเวลาที่เหลือ

จูลี่ ลูกสาวของผู้นำกลุ่มมนุษย์เป็นคนในทีมที่จะต้องออกไปหาเสบียงมาจุนเจือคนอื่นๆ วันหนึ่งที่เธอกับพรรคพวกออกไปปฏิบัติการ พวกเขาดันเจอกับกลุ่มซอมบี้และเกิดการปะทะกันขึ้น และอาร์คือซอมบี้หนุ่มหนึ่งในนั้น

เขาเองผิดแผกจากซอมบี้อื่นๆ อยู่สักหน่อย เพราะชอบสะสมของเก่าและยังคงมีความนึกคิดแบบมนุษย์หลงเหลืออยู่ แวบแรกที่อาร์เห็นจูลี่เขาก็มีความรู้สึกพิเศษบางให้เธออย่างทันที และด้วยเหตุการณ์การปะทะที่เกิดขึ้นมันจึงนำมาซึ่งความตายของแฟนจูลี่ แล้วก็เป็นอาร์นี่เองที่ลงมือ แถมยังเขมือบสมองแฟนจูลี่เข้าไปด้วย ซึ่งยิ่งเข้าไปกระตุ้นความรู้สึกที่มีต่อจูลี่ และทำให้หัวใจเขาพองโตอีกครั้ง

หลังการเผชิญหน้ากัน มันส่งผลให้อาร์กับจูลี่ได้ใช้เวลาร่วมกัน ได้แลกเปลี่ยน เรียนรู้ และทำความเข้าใจกัน อาร์จึงเลือกที่จะปกป้องจูลี่จากซอมบี้ตัวอื่นๆ ในที่นี้คือซอมบี้อีกประเภทที่ดุร้ายและฝักใฝ่แต่การกินเพียงอย่างเดียวจนไม่สนใจใครหน้าไหน ซึ่งพวกมันก็ไม่พอใจอาร์ที่ทำตัวเข้ากับมนุษย์ด้วย เหตุเพราะจูลี่ อาร์ และซอมบี้รอบตัวเขานั้นต้องการจะเปลี่ยนแปลงบางอย่างให้ดีกว่าเดิม

การอยู่ร่วมและอยู่รอดโดยที่ไม่มีการสูญเสียนั้นจะเป็นไปได้ไหม เพราะถ้ามันเป็นไปได้โลกก็คงกลับมาสงบสุขเหมือนแต่ก่อน และคงไม่มีการหลั่งเลือดเพื่อใครอีกแล้ว

Warm Bodies เป็นภาพยนตร์ซอมบี้ที่มีความกลมกล่อม ทั้งป๊อปและโรแมนติก หลายเสียงบอกว่ามันคือ Romeo & Juliet ที่นำมาประยุกต์ใหม่ เข้าใจง่ายและฉลาดใช้วัตถุดิบ อีกสิ่งหนึ่งที่คนชมกันอย่างมากก็คือการเลือกใช้เพลงประกอบ เพราะมันเข้าถึงและเข้ากับสถานกาณ์ได้เป็นอย่างดี

Dead Snow 2: Red vs. Dead – ผีหิมะ กัดกระชากโหด ภาค 2 (2014)

ภาพยนตร์ซอมบี้ที่จะมาลบล้างภาพซอมบี้เดิมๆ ที่เราคุ้นเคยกันดี ตรรกะที่ไร้ทิศทาง แต่คัลต์ด้วยความคลั่งจนมีภาค 2  เน้นความมันและแปลกแหวกแนวจากผู้กำกับ ทอมมี่ เวอร์โกล่า คนเดิมที่เคยสร้างภาคแรกมาแล้วกับมือ

หลังจากภาคแรกที่ภาพยนตร์มุ่งความสนใจไปที่การหนีเอาตัวรอดของเหล่านักศึกษาที่ดันไปมีเรื่องกับซอมบี้นาซี เพราะไปขโมยสมบัติพวกมันมา ซึ่งซอมบี้นาซีนั้นไม่ได้เกิดมาจากการแพร่พันธุ์ของเชื้อไวรัสอะไรทั้งนั้น แต่เป็นการฟื้นคืนชีพของคนตายโดยแท้จริง

มาร์ตินคือผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์ในครั้งก่อน แต่เขาก็เสียแขนข้างหนึ่งไป ในภาคสอง มาร์ตินตื่นขึ้นมาในโรงพยาบาล เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ตำรวจฟัง แต่ไม่มีใครเชื่อในสิ่งที่เขาพูด มิหนำซ้ำยังตื่นขึ้นมาพร้อมกับแขนใหม่ที่ผ่านการเชื่อมต่อและรักษาจากหมอ แต่นั่นไม่ใช่แขนของเขา มันคือแขนของซอมบี้ที่ติดมาและพร้อมจะโจมตีทุกคนด้วย! จนในที่สุดมาตินต้องหนีออกมาจากโรงพยาบาลด้วยความช่วยเหลือของบ็อบบี้ หนุ่มคนหนึ่งที่ได้ยินข่าวลือถึงการกระทำของเขา

และไม่นานจากนั้น มาร์ตินได้รู้ข่าวว่าพวกซอมบี้นาซีกำลังจะโจมตีเมืองทั้งเมือง พวกมันมีกองกำลังและอาวุธพร้อมสรรพ มาตินจึงต้องหาหนทางและพวกพ้องเพื่อช่วยกันหยุดสงครามผีดิบที่จะเกิดขึ้น ความลับสำคัญข้อหนึ่งก็คือแขนใหม่ที่เข้าได้รับนี้ สามารถฟื้นคืนชีพและควบคุมคนตายได้ เขาจึงวางแผนที่จะปลุกซอมบี้รัสเซียขึ้นมาต่อกรกับซอมบี้นาซี สงครามระหว่างชาติจะถูกชุบชีวิตขึ้นอีกครั้ง!!

ภาพยนตร์จะประเคนมุขตลกๆ ที่มาพร้อมกับความเลือดสาดแบบไม่ยั้ง ตัวละครจะทำอะไรแปลกๆ ในแบบที่เรานึกไม่ถึง แถมยังมีการพาดพิงถึงภาพยนตร์ระดับตำนานเรื่องอื่นๆ ซึ่งสามารถสร้างสีสันให้กับเรื่องนี้ไม่น้อย ได้ทั้งความโหด ความไร้สาระ และความเพลิดเพลินในเวลาเดียวกัน