สำหรับนักอ่านในไทย เป็นที่รู้กันดีว่าหนึ่งปีจะมีหนังสือออกใหม่มากที่สุดสองครั้ง นั่นก็คือในช่วงงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ (เดือนมีนาคม-เมษายน) และงานมหกรรมหนังสือระดับชาติ (เดือนตุลาคม) ซึ่งสำนักพิมพ์ต่างพร้อมใจกันเข็นหนังสือออกมาให้หนอนหนังสือแปรสภาพเงินในกระเป๋าให้กลายเป็นหน้ากระดาษ

หนังสือทุกประเภทจะถูกนำมาจำหน่ายกับอย่างคับคั่งภายในงาน ไม่ว่าจะเป็นหนังสือเรียน หนังสือการ์ตูน นิยาย นวนิยาย เรื่องสั้น บทความ ฯลฯ

แต่ถ้าใครเป็นคอวรรณกรรมแปลโดยเฉพาะวรรณกรรมญี่ปุ่น เราขอนำเสนอหนังสือ 5 เล่มที่ไม่อยากให้คุณพลาด เตรียมปากกาแล้วจดลงลิสต์ที่อยู่ในมือได้เลย

กลลวงซ่อนตาย
容疑者Xの献身 (The Devotion of Suspect X)
ผู้เขียน: ฮิงาชิโนะ เคโงะ
ผู้แปล: วงศ์สิริ สังขวาสี มิยาจิ
สำนักพิมพ์: Daifuku-Lit (ไดฟุกุ-ลีท)

บ่อยครั้งที่ความรักมักนำทางให้คนก้าวเดินไปข้างหน้า เพียงแต่ว่าทางเดินนั้นผิดหรือถูก หรือนำไปสู่สิ่งใด กลลวงซ่อนตาย เป็นอีกหนึ่งผลงานของ ฮิงาชิโนะ เคโงะ ที่เล่าเรื่องความรักได้อย่างเจ็บปวดและบีบคั้น ลึกซึ้งและละเอียดอ่อน การเอาตัวเองเข้าแลกและแปะป้ายว่าฉันคือฆาตกร เพียงเพื่อต้องการจะปกป้องใครคนหนึ่งที่ไม่ได้เป็นแม้แต่คู่รักของตัวเอง เหตุฆาตกรรมที่เกิดขึ้นเพราะความพลาดพลั้ง แต่กลับถูกวางแผนอย่างแยบยลจนแนบเนียนเพื่อให้การสืบสวนของตำรวจเป็นไปในทิศทางเดียว และคนร้ายจะต้องมีเพียงหนึ่งไม่ใช่สอง! เป็นเขาไม่ใช่เธอ! นี่อาจเป็นหนึ่งในหนังสือเรียกน้ำตาและความเห็นอกเห็นใจต่อฆาตกรที่ผู้อ่านอาจคาดไม่ถึง สุดท้ายแล้วเคโงะก็จะยังคงทำร้ายหัวใจคนอ่านอย่างไม่อาจวางมือ

หนังสือเล่มนี้เคยถูกแปลมาแล้วในชื่อ รัก ลวง ตาย โดยสำนักพิมพ์เนชั่นบุ๊กส์ การันตีคุณภาพด้วยรางวัล Naoki Award, ShukanBunshunKessaku Mystery Best 10, รางวัลชนะเลิศ Kono Mystery Ga Sugoi และรางวัลชนะเลิศ Honkaku Mystery ถูกนำไปดัดแปลงเป็นภาพยนตร์ญี่ปุ่นชื่อ Suspect X ภาพยนตร์เกาหลีชื่อ Perfect Number และภาพยนตร์จีนชื่อ The Devotion of Suspect X

หันมาทางนี้เถอะนะ, โมโมเสะ
ผู้เขียน: เออิจิ นาคาตะ
ผู้แปล: ปิยะวรรณ ทรัพย์สำรวม
สำนักพิมพ์: Sunday Afternoon (ซันเดย์ อาฟเตอร์นูน)

เออิจิ นาคาตะ อาจไม่ใช่ชื่อนักเขียนที่คุ้นหูนักอ่านเท่าไร แต่หากพูดถึงชื่อโอตสึ อิจิ หลายคนคงร้องอ๋อ เพราะถือเป็นนักเขียนที่มีผลงานออกมามากมายและหลากหลายแนวคนหนึ่ง แม้ช่วงที่ผ่านมาจะไม่มีหนังสือของเขาแปลออกมาเป็นภาษาไทยเลย แต่ผลงานเก่าๆ นั้นนับว่าเป็นที่คุ้นหูกันดี เช่น ZOO โทรศัพท์สลับมิติ นิทานมืด กล่องจำลองฝัน รอยสักรูปหมา เป็นต้น โอตสึ อิจิ ได้รับฉายานักเขียนเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านความเศร้า ทั้งยังเป็นผู้เชี่ยวชาญในการถ่ายทอดเรื่องลึกลับ สืบสวนสอบสวน และแฟนตาซี

หันมาทางนี้เถอะนะ, โมโมเสะ จึงเป็นอีกหนึ่งเล่มที่ไม่ควรผ่านเลย ซึ่งเล่มนี้จะประกอบไปด้วย 4 เรื่องสั้นเคล้าน้ำตา แฝงอบอุ่นและปนความละมุน โรแมนติกในแบบที่พ่วงความช้ำมาด้วยเล็กๆ เรื่องความรักเมื่อมีคนเกี่ยวข้องมากกว่าสองคน ย่อมต้องมีบางคนแอบมีน้ำตา เตรียมผ้าเช็ดหน้าไว้ให้ดี เพราะเมื่อถึงจุดหนึ่งแล้วหัวใจของคุณอาจสั่นไหวจนรั้งไว้ไม่อยู่ แต่ถ้าใครอยากอ่านจนรอไม่ไหวสามารถดูภาพยนตร์ที่ดัดแปลงมาจากหนังสือเล่มนี้ได้ในชื่อ Momose, Kotchi wo Muite หรือ My pretend girlfriend

อาทิตย์สิ้นแสง
斜陽
ผู้เขียน: ดะไซ โอซามุ
ผู้แปล: พรพิรุณ กิจสมเจตน์
สำนักพิมพ์: JLIT (เจลิต)

ผลงานลำดับที่สามของดะไซ โอซามุ จากสำนักพิมพ์ JLIT ซึ่งเคยถูกแปลมาแล้วในชื่อ อาทิตย์ลับฟ้า โดยสำนักพิมพ์ดอกหญ้า เล่าเรื่องราวของหญิงสาวนามว่าคาสุโกะ เธอมีแม่เป็นผู้ดีเก่าแต่ไม่หลงเหลือสิ่งใดไว้ให้เธอเลย คาสุโกะจึงสละและสลัดความเป็นกุลสตรีและขนบบางอย่างเพื่อเป็นชู้รักของนักเขียนเสเพล เพียงเพราะเหตุผลบางประการ

นวนิยายเรื่องนี้สะท้อนให้เห็นถึงหลายสิ่งหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นผลกระทบจากสงครามโลกครั้งที่สอง เหยื่อที่ก้าวไม่ทันการเปลี่ยนผ่านของสังคม ความล้มเหลวในชีวิต ความล่มสลายทางจิตใจ และความเสื่อมถอยของชีวิตผู้เขียนเอง ทั้งหมดถูกสลักลงในตัวละคร เล่าผ่านเรื่องราว และทำให้ผู้อ่านลงไปมีส่วนร่วมทางความรู้สึก นับว่าเป็นผลงานที่ดีที่สุดอันดับต้นๆ ของดะไซเลยก็ว่าได้ อีกทั้งยังถูกกล่าวถึงว่าเป็นนวนิยายที่งดงามและเปี่ยมไปด้วยพลัง แม้ว่าชีวิตจริงของดะไซจะไม่ประสบความสำเร็จนัก แต่ทุกผลงานของเขากลับประสบความสำเร็จอย่างมาก เป็นที่ยอมรับทั้งในวงการวรรณกรรมญี่ปุ่นไปจนถึงวงการวรรณกรรมโลก

นักเขียนนวนิยายเป็นอาชีพ
Novelist as a Profession
ผู้เขียน: ฮารูกิ มูราคามิ
ผู้แปล: อรรถ บุนนาค และ มุทิตา พานิช
สำนักพิมพ์: กำมะหยี่

หากเรื่องที่คุณกำลังอ่านมีแมว ความเหงา ดนตรีแจ๊ซ และบาดแผลในจิตใจ ไม่แน่ว่านั่นอาจเป็นนวนิยายของนักเขียนคนนี้ ฮารูกิ มูราคามิ ด้วยผลงานที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวส่งผลให้งานของเขาเป็นที่จดจำและเป็นที่นิยมไปทั่วโลก มูราคามิคือคนที่เมื่อลงมือทำอะไรแล้วจะทำอย่างจริงจังและมุ่งมั่น เขาเป็นนักเขียนที่มีระเบียบวินัยอย่างยิ่ง ทำงานตามกำหนดเวลาและเป็นระบบ เขาไม่ใช่นักเขียนประเภทที่ต้องรอแรงบันดาลใจหรืออารมณ์ถึงจะลงมือเขียนได้

หนังสือเล่มนี้ไม่ได้มีวิธีสอนว่าคุณจะเป็นนักเขียนนวนิยายเป็นอาชีพได้อย่างไร แต่เล่าว่านักเขียนนวนิยายเป็นอาชีพอย่างมูราคามิเดินมาด้วยเส้นทางแบบไหน ผ่านสิ่งใดมาบ้าง วิธีคิด วิธีรับมือกับสิ่งไม่คาดฝัน ประสบการณ์การทำงานหนังสือพาเราไปรับรู้ชีวิตการทำงานของคนๆ หนึ่ง คนที่ได้ชื่อว่าศาสดาเบสต์เซลเลอร์การเรียนรู้ชีวิตของคนอื่นอาจนำมาปรับใช้ได้กับตนเอง แล้วในที่สุด เมื่ออ่านจบ ใครจะรู้ล่ะว่าอาจมีมูราคามิคนที่สองเกิดขึ้นแล้ว

ตับอ่อนเธอนั้นขอฉันเถอะนะ
君の膵臓をたべたい
ผู้เขียน: ซูมิโนะ โยรุ
ผู้แปล: ธีราภา ธีรรัตนสถิต
สำนักพิมพ์: Maxx Publishing

นวนิยายที่ชื่อเรื่องดูขนพองสยองเกล้านี้ อันที่จริงแล้วบอกเล่าเรื่องราวดรามา เกี่ยวกับเด็กหนุ่มในโรงเรียนมัธยมปลาย ซึ่งบังเอิญได้รู้ความลับของเพื่อนร่วมชั้นสาว ที่ชื่อ ยามาอุจิ ซากุระ ผ่านบันทึกส่วนตัวของเธอ ว่าเธอนั้นเป็นโรคร้าย เข้าใกล้ความตายเข้าไปทุกที แต่เธอคนเดียวกันนั้น กลับต้องพยายามใช้ชีวิตแบบคนปกติ ร่าเริงแจ่มใสและเข้มแข็งจนดูไม่ออก ต่างจากตัวผู้เล่าเองที่ค่อนข้างปิดตัวไม่สนใจใคร ความใกล้ชิดที่เกิดขึ้นจากการล่วงรู้ความลับ นำไปสู่เรื่องราวมิตรภาพ ความรัก และคุณค่าแห่งการมีชีวิต

ตับอ่อนเธอนั้นขอฉันเถอะนะ (君の膵臓をたべたい) มีที่มาจากนวนิยายที่เขียนบนเว็บไซต์ Shosetsuka ni Naro ที่เผยแพร่ตั้งแต่ปี 2014 และได้รับการรวมเล่มในปี 2015 มียอดขายจนถึงเดือนพฤษภาคม 2017 มากกว่า 1.2 ล้านเล่มแล้ว

 

ภาพประกอบโดย ภัณฑิรา ทองเชิด

Tags: , , , , , , , ,