ปัญหาการกลั่นแกล้งนั้นดูเหมือนว่าจะรุนแรงขึ้นทุกวัน ไม่ว่าจะในรั้วโรงเรียน สถานที่ทำงาน หรือโลกอินเทอร์เน็ต บางครั้งเราก็ทำมันโดยไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ เช่น การหยอกล้อ การทักทาย และการล้อเลียน คนอื่นๆ อาจมองว่ามันก็เป็นแค่เรื่องขำๆ อย่าไปจริงจังอะไร แต่คนที่โดยกระทำนั้นไม่สนุกด้วยแน่ๆ จิตใจที่โดนคนอื่นเหยียบย่ำซ้ำเติมนั้นจะไปมีความสุขได้อย่างไร
ผลกระทบต่อผู้ที่ถูกกลั่นแกล้งนั้นมีแต่ความเจ็บปวด บางรายได้รับบาดเจ็บทางกาย บางรายได้รับบาดเจ็บทางใจ ซึ่งอาจร้ายแรงไปจนถึงการฆ่าตัวตาย หรือลุกฮือขึ้นมาด้วยหัวใจที่บอบช้ำ อย่างเหตุกราดยิงในโรงเรียนมัธยมโคลัมไบน์ และ Cyberbully ก็มีแนวโน้มว่าจะร้ายกาจกว่าในอดีตมาก เพราะมันจะตามคุณไปทุกที่ทุกเวลา ไม่ว่าจะปัจจุบันหรืออนาคต เสมือนกับระเบิดที่พร้อมให้เราเดินไปเหยียบตลอดเวลา เพราะฉะนั้น เราก็ได้แต่หวังว่าเมื่อทุกคนฉุกคิดได้ การส่งต่อความเกลียดชังก็คงจะหยุดเสียที
Elephant (2003) ระเบิดที่เราร่วมกันประกอบ
Elephant เป็นผลงานที่ส่งให้ผู้กำกับ กัส แวน แซงต์ (Gus Van Sant) คว้ารางวัลปาล์มทองคำจากเทศกาลหนังเมืองคานส์มาไว้ในมือได้ ซึ่งเรื่องราวที่นำมาถ่ายทอดนี้เป็นเหตุการณ์สังหารหมู่ที่เกิดขึ้นจริงของโรงเรียนมัธยมโคลัมไบน์ ในปี 1999 นับหนึ่งในโศกนาฏกรรมอันน่าเศร้าที่พรากชีวิตเด็กนักเรียนไปถึง 13 คน ก่อนที่ผู้ก่อเหตุอีก 2 คนจะเสียชีวิตตามไป
ความสูญเสียเกิดขึ้นในวันธรรมดาวันหนึ่ง เราทุกคนต่างตื่นไปเรียน ไปทำงาน ไปใช้ชีวิตอย่างที่ควรจะเป็น กิจวัตรมันไม่ต่างอะไรไปจากเดิม บางคนมีความสุข บางคนมีความเศร้า บางคนมีความสับสน และบางคนมีความชัดเจน แต่กับอเล็กซ์และอีริก วันนี้จะเป็นวันที่พลิกผันทุกอย่างให้ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
ทั้งสองคนเจอเหตุการณ์ย่ำแย่หลายอย่างจนสั่งสมและเตรียมปะทุความรุนแรง พวกเขาถูกกลั่นแกล้งที่โรงเรียน ไม่เป็นที่ยอมรับของเพื่อน ครอบครัวอบอวลไปด้วยความเย็นชา คุณครูเพียงมองผ่าน แต่ไม่เคยรับฟัง เพราะฉะนั้นพวกเขาจึงไม่อยากพูดอะไรอีกแล้ว แต่เลือกที่จะตะโกนออกไปด้วยห่ากระสุน
อเล็กซ์และอีริกสั่งซื้ออาวุธมาจากเว็บไซต์ที่ใครๆ ก็สามารถเข้าถึงได้ แล้วเริ่มลงมือกำหนดแผนการโจมตีโรงเรียน ในวันก่อการร้าย พวกเขาแต่งกายด้วยชุดทหาร สะพายเป้ที่เต็มไปด้วยอาวุธ และเดินเข้าไปในโรงเรียนโดยที่ไม่มีใครสักคนแปลกใจในท่าทาง มีบ้างบางคนที่ไหวตัวทัน แต่หลายคนในอาคารต้องเผชิญหน้ากับความตาย อเล็กซ์และอีริกคว้าปืนออกมาจากกระเป๋า และเริ่มกราดยิงโดยไม่ลังเลในการกระทำของตนเอง สิ่งที่อัดอั้นมาตลอดถูกระเบิดออกโดยส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง ไร้ซึ่งสัญญาณเตือนภัย ไม่ทันให้ใครได้ตั้งตัว ซึ่งหากลองมองย้อนกลับไป เราจะเห็นว่าทุกอย่างมีที่มาที่ไปเสมอ โดยที่เราเองก็อาจเป็นหนึ่งในชนวนของระเบิดลูกนี้
Speak (2004) วันที่ใครบางคนโดนขโมยชีวิตไป
Speak สร้างมาจากนวนิยายในชื่อเดียวกันของลอรี ฮาลเส แอนเดอร์สัน หนังสือตีพิมพ์ครั้งแรกในปี 1999 โดยเนื้อเรื่องมีพื้นฐานมาจากประสบการณ์ส่วนตัวของเธอเอง ซึ่งมันอาจจะค่อนข้างล่อแหลมอยู่บ้าง ส่งผลให้หนังสือเล่มนี้อยู่ในรายชื่อหนังสือที่ถูกเซ็นเซอร์ แอนเดอร์สันจึงออกมากล่าว่า “การเซ็นเซอร์หนังสือที่จัดการกับปัญหาที่ยากของวัยรุ่นไม่ได้ปกป้องใครเลย มันให้ผลตรงกันข้ามด้วยซ้ำ มันทำให้เด็กๆ ตกอยู่ในความมืดและทำให้พวกเขาอ่อนแอ” ฉบับที่ถูกตีพิมพ์ในปี 2019 เพื่อฉลองครบรอบ 20 ปี จึงมีการเพิ่มเติมเนื้อหาบ้างส่วนด้วย
วันเปิดเทอมวันแรกคงจะเป็นวันที่สดใสที่สุดวันหนึ่งของเหล่าเด็กนักเรียนชั้นมัธยม ทุกคนดูตื่นเต้นที่จะได้มาเจอเพื่อน และใช้เวลาทั้งวันอยู่ด้วยกันในรั้วโรงเรียน แต่ไม่ใช่กับเด็กสาวอย่างเมลินดา เธอเป็นเด็กหัวเดียวกระเทียมลีบ ไม่มีใครอยากคบหาหรือสนใจ ทุกคนเมินจนเหมือนเธอไม่มีตัวตน แม้แต่กับเพื่อนที่เคยสนิท ใช่ว่าอยู่ๆ พวกเขานึกเกลียดขี้หน้าเธออย่างไม่มีสาเหตุ แต่เป็นเพราะเมื่อวันหยุดฤดูร้อนที่ผ่านมา ในขณะที่ทุกคนกำลังสนุกอยู่ในปาร์ตี้ เมลินดาดันโทรหา 911 แล้วเมื่อตำรวจมาทุกอย่างก็จบ ไม่มีใครรู้ว่าเธอทำอย่างนั้นทำไม แต่ที่แน่ๆ คือเธอเป็นตัวการพังทุกอย่างไม่เป็นท่า
เมลินดาต้องใช้ชีวิตอยู่ต่อไปอย่างโดดเดี่ยว เธอเริ่มเก็บตัวและไม่เข้าเรียนมากขึ้น เกรดที่เคยดีก็ตกฮวบจนพ่อแม่เอ่ยปากให้เธอทำอะไรสักอย่าง ทุกอย่างฉุดให้เธอไร้ความหวังขึ้นทุกวัน แต่เธอก็พยายามจะกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง จนเวลาผ่านไปบางอย่างก็ทำให้เมลินดาต้องพูดความจริงกับเพื่อนเก่าเธอว่าในคืนนั้นมันเกิดอะไรขึ้นบ้าง ซึ่งความจริงที่ออกจากปากก็ไม่มีน้ำหนักพอที่จะให้ใครเชื่อได้ในทันที แล้วมันก็นำโชคร้ายมาหาเธออีกหน ดังนั้น ถ้าอยากจะผ่านบาดแผลนี้ไปได้ เธอจะต้องยอมรับอดีตและกล้าพูดถึงมันให้ได้เสียก่อน ไม่เช่นนั้นคงไม่มีใครรู้ว่าเธอต้องการความช่วยเหลืออย่างไร
Han Gong-ju (2013) ชีวิตของเด็กสาวที่โดนตอกย้ำซ้ำเดิมด้วยผู้ใหญ่
ชีวิตทั้งชีวิตของเด็กสาวคนหนึ่งต้องพังลง ทั้งๆ ที่เธอไม่มีความผิดอะไรเลย มิหนำซ้ำผู้กระทำยังไม่นึกเสียใจกับสิ่งที่ทำลงไป พวกเขากรีดบาดแผลที่ไม่มีวันจางให้แก่เธอ และยังคงไล่หลอกหลอนความทรงจำแม้ในยามหลับตาฝัน
ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากเหตุการณ์จริง ในคดีที่รู้จักในนาม Miryang gang rape ซึ่งเกิดขึ้นในปี 2014 มันเป็นเหตุการณ์เลวร้ายอันน่าสลดหดหู่ เมื่อนักเรียนชายชั้นมัธยมกระทำชำเราเด็กสาวรุ่นราวคราวเดียวกัน 3 คน นานร่วม 11 เดือน (เหยื่ออายุ 13, 14 และ 16 ซึ่งเหยื่อคนแรกคือเด็กสาวอายุ 14 ปี) ทั้งยังถ่ายคลิปวิดีโอไว้แบล็กเมล จากคำบอกเล่าเธอถูกกระทำชำเรามากถึง 10 ครั้ง โดยแต่ละครั้งมีจำนวนผู้กระทำผิด 3-24 คน ซึ่งรวมแล้วมีเด็กชายอย่างน้อย 41 คนที่มีส่วนร่วม แต่เธอกลับเป็นผู้ที่ต้องทนแบกรับความเจ็บช้ำไว้ทั้งหมด แม้แต่หลังจากเข้าแจ้งความแล้ว
ฮันกงจู เด็กสาวที่ต้องย้ายตัวเองออกไปจากเมืองที่อยู่และโรงเรียนที่กำลังศึกษา เนื่องจากตกเป็นเหยื่อของเหล่านักเรียนชายที่ล่วงละเมิดทางเพศ ฮันกงจูแทบไม่ได้รับความช่วยเหลือจากใคร นอกจากคุณครูคนหนึ่ง ครูส่งเธอไปอยู่บ้านแม่ของครูเองในเมืองเล็กๆ ในสถานที่ซึ่งห่างไกลและปราศจากข่าวคราวใดเกี่ยวกับตัวเธอ ผลกระทบที่ฮันกงจูได้รับไม่ใช่แค่การถูกกระทำย่ำยีจากเหล่านักเรียนชายเพียงอย่างเดียว แต่บรรดาผู้ปกครองทั้งหลายของพวกเขาเหล่านั้นก็ทั้งข่มขู่และคุกคามเธอด้วย บ้างดูหมิ่น บ้างเหยียดหยาม และบ้างก็โทษว่าเพราะเธอเองนั่นแหละที่ทำให้ทุกอย่างมันแย่ไปหมด
เมื่อถึงเวลาเข้าเรียนที่โรงเรียนแห่งใหม่ ฮันกงจูก็แทบไม่คบค้าสมาคมกับใครเลย เธอทั้งโดดเดี่ยวและเดียวดาย สิ่งที่เธอทำจึงเป็นการเก็บงำความเจ็บปวดนั้นไว้กับตัวเอง จนวันที่มีนักเรียนหญิงกลุ่มหนึ่งแสดงความเป็นมิตรกับฮันกงจู เธอจึงเริ่มเปิดใจทีละน้อย แต่ไม่ทันที่ทุกอย่างจะคลี่คลาย เพื่อนเธอกลับทำให้เหตุการณ์เลวร้ายลงโดยไม่ได้ตั้งใจ และมันก็พาเธอลงไปสู่ขุมนรกอีกครั้ง ฮันกงจูจมลงไปในความทุกข์ทน แต่ไม่แน่ว่าชีวิตเธออาจเริ่มใหม่ได้อีกหน ถ้าโลกนี้จะเมตตาเธอมากพอ
A Silent Voice (2016) สิ่งสะท้อนกลับของความรู้เท่าไม่ถึงการณ์
ภาพยนตร์แอนิเมชันที่สร้างจากมังงะเรื่อง Koe no Katachi ซึ่งเดิมทีมังงะเรื่องนี้เป็นเรื่องสั้นจบในตอนที่เขียนลงนิตยสาร Bessatsu Shounen จนต่อมาได้รับความนิยมจึงมีการเขียนเป็นเรื่องยาวออกมา ฉบับรวมเล่มมีทั้งหมด 7 เล่มด้วยกัน
กระแสตอบรับแอนิเมชันก็ดีไม่แพ้มังงะ โดยสองวันแรกที่เข้าฉาย ภาพยนตร์กวาดรายได้ไปถึง 283 ล้านเยน ด้วยยอดจำหน่ายตั๋ว 200,000 ใบ และเป็นภาพยนตร์ญี่ปุ่นที่ทำรายได้สูงสุดอันดับ 10 ของประเทศในปี 2016 รวมแล้วทำรายได้ทั่วโลกไปกว่า 33 ล้านเหรียญ
เหตุการณ์เริ่มต้นในสมัยที่นิชิมิยะ โชโกะ ยังเรียนอยู่ชั้นประถมศึกษา เธอเป็นเด็กใหม่ของโรงเรียนแห่งหนึ่ง เท่านั้นยังไม่พอ เธอยังเป็นเด็กสาวที่พิการทางการได้ยิน ซึ่งจำเป็นต้องใส่เครื่องช่วยฟังและสื่อสารกับคนอื่นด้วยภาษามือหรือการเขียนถ้อยคำลงในกระดาษ ช่วงแรกทุกคนก็ดูให้ความสนใจเธอดี แต่แล้วมันก็กลับกลายเป็นความเย็นชา โชโกะโดนกลั่นแกล้งต่างๆ นาๆ โดยมีโชยะ อิชิดะ เปรียบเสมือนแกนนำ เมื่อเหตุการณ์เริ่มหนักข้อเข้าเรื่อยๆ โชโกะก็ย้ายออกไป แล้วแพะรับบาปสำหรับเรื่องราวทั้งหมดก็คือโชยะ ทุกคนบอกว่าเขาเป็นคนริเริ่ม จากคนที่เคยเป็นที่รักก็ถูกเพื่อนๆ ทั้งหมดหันหลังให้ เขาตกอยู่ในสถานการณ์ที่เคยทำให้โชโกะเป็น
ณ จุดนั้นเอง โชยะเจ็บปวดจนคิดจะทิ้งทุกอย่างไว้เบื้องหลัง เขาไม่มีเพื่อน ไม่มีสังคม ไม่มีใครให้การยอมรับ แล้วชะตาก็พัดพาให้เขาได้เจอโชโกะอีกครั้ง ตอนนี้พวกเขาเรียนชั้นมัธยมปลายแล้ว โชโกะดูยิ้มแย้มแจ่มใสกว่าที่คิด แต่ความรู้สึกผิดที่ฝังอยู่ในใจโชยะก็ยังคงชัดเจน เขาจึงพยายามเรียนภาษามือ เพื่อจะได้สื่อสารและบอกให้เธอรู้ว่าที่ผ่านมาเขารู้สึกอย่างไร หากอดีตนั้นยังสามารถแก้ไขได้ในปัจจุบัน เขาก็อยากจะทำมันให้ดีที่สุด ให้ไม่ผิดพลาดอย่างที่เคยก่อไว้ ให้ได้ไถ่ถอนทุกสิ่งที่คั่งค้างระหว่างกัน…
Liverleaf (2018) การกลั่นแกล้งที่นำไปสู่ความแค้นฝังราก
Liverleaf เป็นภาพยนตร์ที่ดัดแปลงมาจากมังงะสยองขวัญ Misumisou ผลงานของอาจารย์โอชิกิริ เร็นสุเกะ เนื้อหามีความยาวทั้งหมด 20 ตอน แต่เข้มข้นไปด้วยความแค้นและฉากอันน่าเบือนหน้าหนี
จากตัวเลขในปี 2018 การกลั่นแกล้งในโรงเรียนญี่ปุ่นนั้นเพิ่มสูงขึ้นจนน่าตกใจ โดยมียอดรวมกว่าสี่แสนครั้ง ผลกระทบที่ตามมามีทั้งการบาดเจ็บทางร่างกาย จิตใจ และบานปลายไปจนถึงการตัดสินใจฆ่าตัวตาย แม้ว่าจะมีกฎหมายเพื่อป้องกันการกลั่นแกล้งออกมา แต่ดูเหมือนว่าสถานการณ์กลับย่ำแย่ลงกว่าเดิม
โนซากิ ฮารุกะ เด็กสาวชั้นมัธยมปลายที่ย้ายบ้านมาตามครอบครัว จากเคยอาศัยอยู่โตเกียวก็มาอยู่ในชนบทอันห่างไกลผู้คน ฮารุกะที่ใกล้จะจบการศึกษาเต็มทนจึงต้องปรับตัวเข้ากับชั้นเรียนใหม่และเพื่อนใหม่ ทั้งๆ ที่อีกแค่ไม่กี่เดือนก็จะสิ้นสุดการเรียนมัธยมปลายแล้ว การปรากฎตัวในช่วงเวลานี้ทำให้เธอถูกจับจ้อง และท้ายที่สุดก็นำไปสู่การกลั่นแกล้ง นานวันเข้าก็ยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ แม้แต่ครูก็ไม่สามารถหยิบยื่นความช่วยเหลือใดๆ ให้ได้ พ่อแม่ของฮารุกะได้แต่ปลอบประโลมให้อดทน ส่วนน้องสาวก็คอยเป็นกำลังใจให้อยู่ข้างๆ
แต่การกลั่นแกล้งก็ยกระดับจนสิ่งที่พยายามอดกลั้นมาตลอดต้องขาดผึง เมื่อมันลุกลามมาถึงครอบครัวของฮารุกะ โศกนาฏกรรมเลวร้ายพรากชีวิตพ่อแม่เธอไปตลอดกาล และความตายของพวกเขาก็ช่างน่าเศร้าจนหัวใจของฮารุกะแหลกสลาย สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดบังคับให้เธอต้องกลายเป็นคนมือเปื้อนเลือดเสียบ้าง เพราะนี่มันเกินกว่าจะให้อภัยหรือทำเป็นมองข้ามไปอย่างที่เคยเป็นมา คนที่มีส่วนร่วมจะต้องหลั่งเลือดเพื่อชดใช้บาปกรรม และอย่าได้หวังว่าจะได้ลงมือก่อกรรมทำเข็ญกับใครอีก!
Tags: film, bullying, การกลั่นแกล้ง