ความรักมักทำให้เราประหลาดใจอยู่เสมอ บางทีก็พัดพาคนที่ไม่เจอมาเนิ่นนานให้มาหา บางทีก็พัดพาคนที่ไม่คิดจะรักกันให้เข้ามา และบางทีก็พัดพาคนที่เราไม่คิดว่าจะมอบหัวใจให้มาพบเจอ โดยเฉพาะกับคนที่อายุห่างกันไปเกือบช่วงตัว แล้วเราก็จะมานั่งตลกกับความคิดที่ว่าถ้าตอนนี้เราอยู่มัธยมต้น เขาคนนั้นก็คงเรียนจบมหาวิทยาลัยแล้ว ในช่วงวัยแบบนั้นเราไม่มีทางมาตกหลุมรักกันได้แน่ๆ 

คุณล่ะ เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้บ้างไหม เคยคบใครที่อายุอานามห่างกันมากหรือเปล่า ความรู้สึกนั้นเป็นอย่างไร มันไปได้สวยหรือผิดหวัง มันงดงามหรือมืดหม่น แต่ถึงอย่างไรหากย้อนกลับไปได้ คุณก็ยังจะเลือกเขาอยู่ดีใช่ไหม? ความรักมักเล่นตลกกับหัวใจเราแบบนี้แหละนะ

The Reader (2008)

The Reader ภาพยนตร์อันขมขื่นที่สร้างมาจากนวนิยายในชื่อเดียวกัน ผลงานของนักเขียนและอาจารย์สอนกฎหมายชาวเยอรมัน เบอร์นฮาร์ด ชลิงก์ ตีพิมพ์ครั้งแรกในปี 1995 ตัวละครในเรื่องที่มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งต่อกันนั้นมีอายุห่างกันค่อนข้างมาก จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ตั้งแต่ฉบับนวนิยาย และผู้กำกับ สตีเฟน ดัลดรี ก็ได้ยึดรายละเอียดตามเดิม ซึ่งเคต วินสเลต ที่มารับบทฮันนาในตอนนั้นยอมรับว่านี่เป็นบทที่ยากมาก เพราะเธออายุเพียง 27 ปี แต่ฮันนานั้นมีอายุถึง 36 ปี

เรื่องราวเริ่มต้นในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ขณะนั้นมิคาเอลยังเป็นเด็กหนุ่มวัย 15 ปี เขากำลังเติบโตเข้าสู่วัยหนุ่มและอาจกำลังจะมีความรักกับเด็กสาวสักคน หากเขาไม่พบกับฮันนาเข้าเสียก่อน วันหนึ่งขณะกำลังกลับบ้านไมเคิลดันป่วยและแทบจะไม่มีเรี่ยวแรง โชคดีที่ฮันนามาพบ รวมถึงให้ความช่วยเหลือเอาไว้ มิคาเอลกลับบ้านโดยปลอดภัยแต่ไม่รู้ทำไมเขาถึงหวนกลับไปหาฮันนาที่นั่นอีก

ความสัมพันธ์อันหมิ่นเหม่และเปราะบางจึงค่อยๆ ก่อตัว พวกเขาร่วมรักกัน แถมยังมีพิธีกรรมบางอย่างที่ฮันนาปรารถนาให้มิคาเอลทำ คือการอ่านวรรณกรรมเอกของโลกให้เธอฟังทุกครั้งก่อนหลับนอน เรื่องมันดำเนินอยู่นานพอควรจนฮันนาหายตัวไปโดยไม่บอกกล่าว มิคาเอลต้องเจ็บช้ำและผิดหวัง มันกลายเป็นบาดแผลในใจเขาเรื่อยมา แต่โชคชะตาก็เล่นตลกอีกหน ในวัยที่เขากลายเป็นเด็กหนุ่มนักเรียนกฎหมาย มิคาเอลกลับพบฮันนาอีกครั้งในศาล กรณีสังหารหมู่ในสงครามนาซี สิ่งที่เขาไม่เคยรู้เกี่ยวกับฮันนากำลังเผยตัวออกมา ซึ่งมันยากพอๆ กับการทำใจให้ยอมรับในวันที่เธอจากไป ความรู้สึกหลายอย่างคุกรุ่นอยู่ในอก คนที่เขาเคยรักนั้นอยู่ตรงหน้า แต่เหมือนอยู่ไกลออกไปยิ่งกว่าในความทรงจำ

The Reader ไม่ได้เป็นแค่เรื่องรัก แต่เป็นเรื่องของสงครามที่เราไม่มีวันลืม การกระทำของฮันนาคือการเพิกเฉยต่อสิ่งที่เกิดขึ้น แล้วปล่อยให้อาชญากรรมเกิดขึ้นต่อหน้าต่อหน้า เธออาจพูดได้ว่าเธอไม่รู้ แต่การไม่รู้ทำให้เธอกลายเป็นอาชญากรมือเปื้อนเลือดโดยที่เธอไม่ได้จับมีดเลยด้วยซ้ำ

An Education (2009)

An Education มีพื้นฐานมาจากหนังสืออัตชีวประวัติของนักข่าวสาวชาวอังกฤษ ลินน์ บาร์เบอร์ ซึ่งในสัญญาระบุไว้ว่าเธอได้รับอนุญาตให้ดูและแสดงความคิดเห็นต่อบทภาพยนตร์ได้ (โดยไม่เปลี่ยนแปลงเนื้อหา) เธอมีความสุขกับการได้อ่านบทที่ดัดแปลงออกมา แต่สิ่งเดียวที่รู้สึกเสียใจก็คือ นิก ฮอร์นบี (นักเขียนบท) เปลี่ยนชื่อคนรักของเธอจากไซมอนเป็นเดวิด และเดวิดเป็นชื่อสามีของเธอ

นักแสดงนำในเรื่องนี้ได้แก่สาวน้อย แครี มัลลิแกน ในวัย 22 ปี ซึ่งต้องมารับบทเป็นเด็กสาววัย 16 เคียงคู่มากับปีเตอร์ ซาร์สการ์ด ผู้สวมบทชายหนุ่มเปี่ยมเสน่ห์ที่จะทำให้เด็กสาวหันหลังให้กับความคาดหวังของคนในครอบครัว

ในปี 1961 เจนนี เป็นเด็กสาววัย 16 ที่สดใสร่าเริง เธอฉลาด น่ารัก และแย้มบานไปตามช่วงวัย ชีวิตของเธอแทบไม่มีสิ่งใดให้เป็นกังวล แต่ก็ติดอยู่นิดหน่อยตรงความกดดันจากพ่อผู้เข้มงวด ที่คาดหวังให้เธอได้รับการศึกษาที่ดีที่สุดและเข้าเรียนในมหาวิยาลัยออกฟอร์ด เหมือนว่าโชคชะตาชอบเล่นตลกอยู่ร่ำไป เจนนีจึงถูกลิขิตให้มาพบกับเดวิด หนุ่มใหญ่มากเสน่ห์ ซึ่งจะเข้ามาเปลี่ยนแปลงชีวิตเธอในที่สุด

เดวิดเดินหน้าเข้าหาเจนนีอย่างไม่ปิดบัง ซึ่งดูเหมือนว่าเธอเองก็ไม่ได้ปฏิเสธหนุ่มใหญ่คนนี้ เขามารับเจนนีถึงที่บ้าน และเข้ากันได้ดีกับแม่ของเธอ ทั้งคู่ใช้เวลาร่วมกันไปกับการทำกิจกรรมต่างๆ เจนนีมีความสุขมากเสียจนแทบจะลืมเรื่องเข้าเรียนมหาวิทยาลัยไปแล้ว เมื่อโดนก้าวก่ายเธอก็ขุ่นเคืองจนถึงขั้นมีปากเสียงกับอาจารย์ ดูเหมือนว่าเจนนีจะรักเดวิดจนหมดใจ และเธอก็ไม่ต้องการอะไรอีกแล้วนอกจากเขา แต่ว่าเขาล่ะ? เขาต้องการสิ่งใดจากตัวเธอ เขาเข้ามาเพื่อเคียงข้างหรือมาเพื่อเพียงผ่าน…

แม้ว่าจะเป็นภาพยนตร์คัมมิงออฟเอจที่เดินตามสูตรสำเร็จ แต่เหตุการณ์ระหว่างทางก็ยังมีประเด็นน่าสนใจที่ชวนให้ติดตาม ทั้งเรื่องการศึกษา ครอบครัว ความเป็นอยู่ และแน่นอนความรักในวัยเยาว์ที่เรายังมองไม่เห็นเค้าลางของความเจ็บปวด เหล่านี้คือบทเรียนราคาแพงที่ต้องแลกมาด้วยบาดแผลของหัวใจ

A Muse (2012) 

ภาพยนตร์เรื่องนี้ดัดแปลงมาจากนวนิยายชื่อเดียวกันของนักเขียน พัคบอมชิน ซึ่งเขียนขึ้นในปี 2010 พัคเป็นนักเขียนเกาหลีมืออาชีพคนแรกๆ ที่โพสต์นวนิยายของเขาลงบนอินเทอร์เน็ตก่อนที่จะตีพิมพ์ต้นฉบับ ซึ่งผลลัพธ์ที่ตามมาก็ดีมากๆ เขายังบอกอีกด้วยว่าเป็นความยินดีอย่างยิ่งที่เขาได้เรียนรู้และได้รับผลตอบรับที่ดีจากผู้อ่านผ่านโลกของเทคโนโลยี

นี่ยังเป็นผลงานการแสดงครั้งแรกของคิมโกอึนอีกด้วย เธอถูกเรียกมาแคสติ้งและผ่านด่านคนกว่า 300 คนมาได้ จนกลายเป็นนักแสดงหน้าใหม่ที่โดดเด่นขึ้นมาทั้งจากฝีมือและบทบาทที่เธอรับ

เรื่องราววนเวียนอยู่ระหว่างคนสามคน ได้แก่ อีจอคโย นักเขียนระดับศิลปินแห่งชาติวัย 70 ปี ฮันอึนคโย เด็กสาววัย 17 ปี ที่กำลังบานสะพรั่งไปด้วยความสาว และ ซอจีอู ลูกศิษย์หนุ่มวัย 30 ปีของอีจอคโย

ความสัมพันธ์อันหมิ่นเหม่นี้เริ่มจากวันอันแสนธรรมดาวันหนึ่ง ฮันอึนคโยแอบเข้ามางีบหลับอยู่ที่เก้าอี้โยกหน้าบ้านของอีจอคโย เธอสะดุดตาเขาตั้งแต่ครั้งแรกที่พบ และที่สุดแล้วเธอก็ปรากฎตัวที่บ้านนี้อีกครั้งในฐานะคนดูแลบ้านให้กับชายชรา อีจอคโยเริ่มปรารถนาในตัวฮันอึนคโยขึ้นช้าๆ แต่เขารู้ดีว่ามันคงไม่มีทางเป็นไปได้ เขาจึงระบายมันลงในงานเขียน มันควรจะเป็นความลับที่ไม่ถูกเปิดออกหากซอจีอูไม่มาเปิดอ่านแล้วขโมยผลงานนั้นไปเป็นของตน แม้ซอจีอูจะเป็นลูกศิษย์ของอีจอคโย แต่เขาก็ริษยาชายชราอยู่ลึกๆ ที่มากไปกว่านั้นเขาไม่ได้ขโมยมาเพียงผลงานเท่านั้น แต่ยังขโมยเรือนร่างของฮันอึนคโยไปด้วย แรงปรารถนาของอีจอคโยจะถูกปลดปล่อยออกมาในรูปแบบของการแก้แค้นที่เท่าเทียมกัน?

มนุษย์นั้นไม่ว่าอย่างไรก็ยังคงมีความรักโลภโกรธหลง ซึ่งถ้ามีในปริมาณที่มาก แรงผลักที่ถูกขับออกมาอาจส่งผลร้ายมากกว่าผลดี ในทางใดทางหนึ่งหากไม่เป็นการทำร้ายตัวเองก็ย่อมเป็นการทำร้ายคนอื่น ไม่ต่างอะไรกับสิ่งที่สองชายในเรื่องนี้เลือกกระทำ

Breathe In (2013)

หากคุณเคยตกหลุมรักภาพยนตร์เรื่อง Like Crazy (2011) ภาพยนตร์เรื่องนี้ของผู้กำกับ เดรค โดเรมุส จะทำให้หัวใจคุณหวั่นไหวอีกเช่นกัน และสองนักแสดงที่จะมาเขย่าความรู้สึกของคุณก็คือ กาย เพียร์ซ ที่หลายคนรู้จักจากบท เลโอนาร์ด เชลบี ในเรื่อง Memento (2000) กับเฟลิซิตี้ โจนส์ นักแสดงสาวมากฝีมือ ที่ขณะถ่ายทำเธออายุ 27-28 ปีเข้าไปแล้ว แต่มารับบทเป็นเด็กสาววัยรุ่นตอนปลาย

ภาพยนตร์มีแกนหลักอยู่ที่ครอบครัวของคีธ ครูสอนดนตรีระดับมัธยมปลาย เขาแต่งงานกับเมแกนและมีลูกสาวเป็นโซ่คล้องใจ ก่อนหน้านี้คีธเคยประกอบอาชีพนักดนตรีมาก่อน แต่ก็หยุดไปหลังมีลูก เมื่อเวลาผ่านมาความรักในใจเขาก็เหมือนจะจางลง คีธเบื่อหน่ายชีวิตรักและการเป็นครู เขาอยากจะกลับไปเป็นนักดนตรีเหมือนเดิม ซึ่งแน่นอนว่าเมแกนไม่มีทางยอม

ภายในใจของคีธที่มีรอยร้าวอยู่แล้วยิ่งสั่นคลอนมากยิ่งขึ้นด้วยการปรากฎตัวของโซฟี เด็กสาวผู้มีอุดมการณ์และพร้อมเสี่ยงเพื่อทำตามสิ่งที่หัวใจเรียกร้อง เมื่อได้ชิดใกล้กับเธอ คีธก็รู้สึกว่านี่แหละคือคนที่เข้าต้องการ คนที่พร้อมจะสนับสนุนความฝันของเขา คนที่มองเห็นค่าในสิ่งที่เขาทำ แต่การมาถึงของโซฟีไม่ได้ส่งผลแค่กับคีธเท่านั้น เพราะเธอดันไปมีความสัมพันธ์กับแฟนเก่าลอร์เรน ลูกสาวของคีธด้วย และมันก็สร้างความไม่พอใจให้กับลอร์เรนมาก กลายเป็นว่าโซฟีกำลังทำให้ครอบครัวนี้พังทลายจากทุกทิศทาง ไม่ว่ากับอะไรที่มีรากฐานไม่มั่นคง มันก็คงพร้อมที่จะทรุดตัวลงมาอยู่ตลอดเวลา…

Irrational Man (2015)

ภาพยนตร์เรื่องนี้นับเป็นเรื่องที่สี่ที่วูดดี้ อัลเลน หยิบยืมใจความสำคัญจากวรรณกรรมรัสเซียของ ลีโอ ตอลสตอย เรื่อง อาชญากรรมกับการลงทัณฑ์ มาตีความใหม่ในแบบฉบับของตัวเอง โดยภาพยนตร์สามเรื่องแรกของอัลเลน ได้แก่ Crimes and Misdemeanors (1989), Match Point (2005) และ Cassandra’s Dream (2007)

Irrational Man ตั้งคำถามกับคนดูด้วยการเล่าเรื่องราวผ่านความสัมพันธ์ของคนคู่หนึ่ง ได้แก่ เอบ ลูคัส อาจารย์วิชาปรัชญาที่เพิ่งย้ายมาสอนในมหาวิทยาลัยแถวนิวอิงแลนด์ เขาเป็นชายวัยกลางคนที่กำลังประสบปัญหาชีวิตหลายอย่าง ทั้งภาวะซึมเศร้า การไม่เห็นความหมายในชีวิต เซ็กส์เสื่อม และติดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ แต่ถึงแม้เขาจะตกอยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก หน้าตาอาจดูไม่สดใสและอมทุกข์ไปบ้าง เอบก็ยังมีเสน่ห์พอจนเป็นที่ต้องตาต้องใจของทั้งสาวเล็กสาวใหญ่ และหนึ่งในนั้นก็คือ จิลล์ พอลลาร์ด ลูกศิษย์สาวสวยที่ถึงขั้นเลิกรากับแฟนมาคบหากับเอบ

ชีวิตเอบพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ ความแห้งแล้งในใจเขาค่อยๆ เหือดหายไปแล้วมีความกระตือรือร้นเข้ามาแทนที่ แต่เท่านั้นยังไม่พอ เอบยังต้องการลงมือทำอะไรบ้างอย่างเพื่อสร้างความหมายให้กับตัวเอง ประจวบกับที่เขากับจิลล์ไปได้ยินบทสนทนาของหญิงคนหนึ่ง เธอกำลังจะโดยพรากลูกไปโดยอดีตสามี ซึ่งฟังดูแล้วนั่นไม่ยุติธรรมกับเธอเลย เอบเก็บเรื่องนี้มาครุ่นคิด เขาเริ่มวางแผนอาชญากรรมอันสมบูรณ์แบบและลงมือทำตามแผนจริงๆ! ซึ่งเมื่อมีครั้งแรกมันก็ต้องมีครั้งที่สองตามมา และอาจหมายรวมถึงครั้งต่อๆ ไปด้วย แต่แผนการที่ว่ารัดกุมอย่างไรก็ต้องมีจุดที่ผิดพลาดกันบ้าง จริงไหม?