29 มิถุนายน 2562 นักกิจกรรมจัดงาน ‘ดนตรีประชาธิปไตย 24 มิถุนา วันอะไร?’ ซึ่งตามกำหนดการเดิม จะมีนักเคลื่อนไหวและนักดนตรีมาจัดงานเพื่อรำลึกวันเปลี่ยนแปลงการปกครองมาทำกิจกรรมที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา บริเวณสี่แยกคอกวัวตั้งแต่เวลา 16.00-22.00 น.
แต่จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหนึ่งวันก่อนหน้า ที่คนร้าย 4 คนใช้ไม้รุมตี นิว-สิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือที่เรียกกันด้วยฉายาว่า ‘จ่านิว’ เข้าที่หัวและตาจนอาการบาดเจ็บสาหัส กระดูกใบหน้าหักและเบ้าตาแตก ทำให้เกิดข้อสันนิษฐานว่า ส่วนหนึ่งอาจเพราะสิรวิชญ์เป็นหนึ่งในผู้จัดงานครั้งนี้ ซึ่งนอกจากจะทำให้ผู้ติดตามข่าวร่วมแคมเปญบริจาคเงิน 247.50 บาทเพื่อช่วยค่ารักษาไปยังบัญชีของพัฒน์นรี ชาญกิจ แม่ของสิรวิชญ์แล้ว ภายในงานยังมีเนื้อหาที่พูดถึงความรุนแรงที่เกิดขึ้น และมีกลุ่มศิลปินที่มาร่วมสกรีนเสื้อยืดสดๆ ด้วยข้อความ ‘#ประณามรัฐ เพิกเฉยต่อความรุนแรง’
รำลึกการเปลี่ยนแปลงการปกครอง
เวลา 17.00 น. ผู้เข้าร่วมงานก็แน่นเต็มพื้นที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา โดยมีวง ‘สามัญชน’ เล่นดนตรีเปิดงาน ซึ่งมีไผ่ จตุภัทร์ บุญภัทรรักษา อดีตนักศึกษานักกิจกรรมจากกลุ่มดาวดิน ที่เพิ่งพ้นโทษจากคดีมาตรา 112 มาร่วมเล่นพิณด้วย นอกจากนี้ พิธีกรในงานเล่าเรื่องนิว-สิรวิชญ์และแม่ว่า เมื่อสิรวิชญ์รู้สึกตัว ก็ถามถึงคนอื่นและงานในวันนี้ ว่ายังจัดไหมด้วย
ด้านพันตรีพุทธินาถ พหลพลพยุหเสนา ทายาทของคณะราษฎรที่ปัจจุบันอายุ 80 ปี มาร่วมในกิจกรรมครั้งนี้ด้วยพูดถึงวาทกรรมที่มักพูดกันว่า ประเทศไทยชิงสุกก่อนห่ามเรื่องประชาธิปไตย ว่าในอดีต คณะราษฎรเอาชีวิตเข้าแลกเพื่อนำต้นไม้ประชาธิปไตยมาปลูกในแผ่นดินนี้ ซึ่งไม่เคยมีต้นไม้นี้มาก่อน ดังนั้น จึงไม่ใช่การชิงสุกก่อนห่ามตามที่เขาว่ากัน
พันตรีพุทธินาถเล่าว่า พ่อของเขา – พันเอก พระยาพหลพลพยุหเสนา ผู้นำคณะราษฎร เคยเล่าให้กุหลาบ สายประดิษฐ์ฟังว่า ก่อนทำการเปลี่ยนแปลงการปกครองนั้น คิดอยู่สามเดือน นั่งสมาธิในสวนกล้วยหลังอาหารมื้อเย็น ว่าถ้าทำแล้วไม่สำเร็จจะเป็นเช่นไร ลูกคนแรกเพิ่งเกิดไม่นาน จนครบสามเดือนก็ตัดสินใจว่า-ทำ และฝากให้คุณแม่เลี้ยงลูก แล้วพ่อก็เดินออกจากบ้านไปโดยไม่หันกลับมาอีก
จตุพร: แม้คิดไม่เหมือนกัน แต่บ้านเมืองต้องมีขื่อมีแป
ด้านจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) และอดีตผู้ช่วยหาเสียงของพรรคเพื่อชาติกล่าวถึงกรณีที่เกิดขึ้นกับจ่านิว ว่าเป็นเรื่องเกินกว่าที่จะรับได้ เขาเทียบกับบรรยากาศในปี 2535 ซึ่งเป็นปีที่มีเหตุการณ์พฤษภาทมิฬและเป็นปีที่จ่านิวเกิด ว่าช่วงเวลานั้นเผด็จการ รสช. ก็ยังไม่มีพฤติการณ์คุกคามนักศึกษา วันนี้เห็นได้ว่ามีการปรามไม่ให้คนลุกขึ้นสู้ แต่ไม่ว่าจะตายกี่ศพก็ไม่สามารถหยุดยั้งพลังจากประชาชนได้
จตุพรกล่าวว่า แม้เราบางคนอาจคิดไม่เหมือนกัน แต่เราคนไทยจะยอมให้เรื่องนี้ผ่านไปโดยไม่มีอะไรเกิดขึ้นไม่ได้ การตีหัวจ่านิวก็เหมือนการตีหัวคนไทยทั้งชาติว่าประเทศไทยหาขื่อหาแปไม่ได้อีกต่อไป นายกรัฐมนตรีต้องจับคนร้ายให้ได้ เขาแสดงความไม่เห็นด้วยกับการทำร้ายจ่านิว การทำร้ายนักเคลื่อนไหวคนอื่นๆ และการคุมคามนักกิจกรรมคนใหม่ๆ ที่ยังไม่สามารถจับคนร้ายได้แม้แต่เพียงคนเดียว พร้อมระบุว่า ถ้ารัฐบาลไม่ดำเนินการใดๆ เหมือนครั้งที่ผ่านมา จะเข้าใจว่านี่เป็นเสมือนหนึ่งการให้ท้ายกัน วันนี้เราต้องเลิกทำร้ายกัน เราผ่านเหตุการณ์เลวร้ายมามากมายพอแล้ว
ธนาธร: สิรวิชญ์คือตัวอย่างของนักต่อสู้ที่ไม่มีต้นทุนทางสังคม
ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่มาร่วมงานรำลึกครั้งนี้ พร้อมกับปราศรัยว่า เมื่อทราบข่าวจ่านิวก็เกิดความรู้สึกหลายอย่าง ทั้งเศร้าเพราะเหตุเกิดกับคนที่เรียกร้องสิทธิเสรีภาพ และรู้สึกโกรธเพราะนี่ไม่ใช่ความรุนแรงครั้งแรก และคับแค้นที่ประชาชนไม่สามารถเอาคนผิดมาลงโทษได้
ธนาธรกล่าวว่า เขาเริ่มรู้จักกับครอบครัวสิรวิชญ์ ตอนที่แม่ของสิรวิชญ์โดนคดีที่เรียกกันว่า คดี “จ้า” ในปี 2559 (คดีที่มีคนแปลกหน้าแชทไปคุยกับแม่จ่านิวเกี่ยวกับสถาบันเบื้องสูง ซึ่งแม่จ่านิวตอบกลับข้อความนั้นว่า “จ้า” และนำมาสู่การฟ้องคดีหมิ่นประมาทกษัตริย์มาตรา 112)
ถ้าใครถามผมว่าอะไรคือสิ่งที่เป็นคำนิยามสำหรับจ่านิว ผมก็คงตอบว่า คือประวัติศาสตร์ของการต่อต้านรัฐประหาร ในช่วงหนึ่งเดือนหลังรัฐประหาร วันที่ 22 มิถุนายน 2557 ขณะที่ประชาชนในสังคมส่วนใหญ่ยังมึนงง หวาดกลัว คุณสิรวิชญ์และพวกพ้องออกมากินแซนด์วิชพร้อมอ่านหนังสือ 1984 กิจกรรมครั้งนั้นทำให้เขาโดนบังคับเซ็นข้อตกลง (MOU) ห้ามเคลื่อนไหวทางการเมือง หลังจากนั้นคุณสิรวิชญ์เคลื่อนไหวอีกมากมายเพื่อตรึงไว้ซึ่งความหวังของประชาชนในการต้านรัฐประหาร
ต่อมา เดือนกุมภาพันธ์ 2558 เขาจัดกิจกรรมการเลือกตั้งที่รัก และนั่นก็ทำให้เขาโดนคดีอีกเช่นเคย ต่อมาเขาพยายามทำให้ประชาชนเห็นว่ารัฐบาลไม่ได้ใสสะอาดอย่างที่พูด เขานั่งรถไฟจากกรุงเทพฯ ไปหัวหิน เพื่อตรวจสอบโครงการอุทยานราชภักดิ์ในเดือนธันวาคม 2558 แต่คนที่พยายามสอบทุจริตก็กลับโดยคดีเสียเอง คดีถัดมา เกิดในเดือนพฤษภาคม 2559 ที่มาแปลก เพราะจัดกิจกรรมชวนให้คนเขียนโพสอิทเขียนถึงความอัดอั้นไปแปะบนกำแพงจนถูกดำเนินคดีเพิ่มเติมเรื่องการรักษาความสะอาด
หลังจากนั้น นับแต่เดือนพฤษภาคม 2561 เป็นต้นมา การเรียกร้องให้เกิดการเลือกตั้งเกิดขึ้นเป็นไปอย่างครึกครื้นในแบบที่ฉุดไม่อยู่ ประชาชนกลุ่มต่างๆ รู้สึกว่าการรัฐประหารไม่ได้นำมาซึ่งการปฏิรูปที่พวกเขาฝันหา แต่เห็นความเลวร้ายของการทำรัฐประหาร เห็นการใช้อำนาจอย่างมุทะลุของผู้นำรัฐประหาร กลุ่มนักกิจกรรมรวมถึงจ่านิว จึงรวมตัวกันจัดกิจกรรมในนามกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง แต่ก็โดนคดีตามมาอีกมากมาย
หลังจากนั้นก็เกิดการเลือกตั้งที่มีคนเคลือบแคลงสงสัยมากที่สุด เป็นการเลือกตั้งที่มีคนลงชื่อออนไลน์เกือบหนึ่งล้านคนเพื่อถอดถอน กกต. ที่แต่งตั้งโดย คสช. จากนั้นสิรวิชญ์ก็จัดกิจกรรม “เห็นหัวกูบ้าง” ทำให้ถูก กกต. ฟ้องหมิ่นประมาท ต่อมา ในระหว่างที่พรรคการเมืองกำลังวุ่นเรื่องการจัดตั้งรัฐบาล จ่านิวร่วมจัดกิจกรรมปิดสวิตช์ ส.ว. เพื่อให้ ส.ว.ยุติการลงนามเลือกนายกรัฐมนตรี
เขาทำความไม่พอใจให้ผู้มีอำนาจหลายครั้งหลายครา การที่เขาถูกทำร้ายกลางวันแสกๆ ปฏิเสธไม่ได้ว่าเพราะเขาเป็นเสี้ยนหนามของผู้มีอำนาจ มันเป็นการสั่งสอนทุกคนว่าอย่าลุกขึ้นมาต่อต้านความไม่เป็นธรรม
“การเดินทางของเขาคือ การเดินทางของคนอายุ 20 ต้นๆ เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรม มันเป็นการต่อสู้เพื่อความเป็นธรรมของคนที่ไม่มีต้นทุนทางสังคม หรือด้วยข้อเท็จจริงแล้ว เขามาจากครอบครัวที่ยากจนด้วยซ้ำ แม่เขาเป็นสุภาพสตรีที่หาเลี้ยงครอบครัวด้วยการรับจ้างรายวัน ที่ผ่านมาเราปล่อยให้คนเหล่านี้ต่อสู้อย่างโดดเดี่ยว ทั้งที่เขาต่อสู้เพื่อพิทักษ์สิทธิพลเมือง สิทธิเสรีภาพ เราต้องอย่าปล่อยให้คดีนี้ผ่านไปกับสายลม”
ธนาธรกล่าวทิ้งท้ายว่า เรื่องนี้ไม่ใช่ความเป็นธรรมของสิรวิชญ์คนเดียว แต่เป็นการคืนความเป็นธรรมกับคนทั้งสังคม และในฐานะหัวหน้าพรรคการเมือง เราจะติดตามเรื่องนี้และคอยทวงถามความคืบหน้า และเราจะทำไม่ได้เลยถ้าประชาชนไม่ให้ความสนใจ ดังนั้นถึงเวลาที่ความสนใจของประชาชนและการทำงานของพรรคการเมืองต้องประสานกัน
รับมือกับสังคมที่คนยิ้มเยาะกับความรุนแรง
จากนั้น ศิลปินกลุ่ม Rap Against Dictatorship เจ้าของเพลงประเทศกูมีขึ้นร้องสดท่ามกลางสายฝนพรำ โดยหนึ่งในนักร้องนำของ R.A.D. กล่าวถึงบุคคลทั้ง 4 คนที่รุมตีสิรวิชญ์ว่า อย่าลืมว่าคนเราไม่มีทางคิดเหมือนกันได้ตลอด ขณะที่วันนี้คุณทั้ง 4 คนถูกสั่งให้กระทืบคนที่คิดไม่เหมือนฝ่ายตัวเอง แต่ถ้าทำแบบนี้เรื่อยๆ มันต้องมีสักวันที่พวกคุณคิดไม่เหมือนกัน แล้วความรุนแรงนั้นจะหันส้นตีนมา ซึ่งวันนั้นเองจะไม่มีใครปกป้องพวกคุณ
ด้านณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เป็นอีกคนที่แสดงความกังวลถึงบรรยากาศที่มีคนแสดงความเห็นเชิงสะใจต่อการทำร้ายสิรวิชญ์ หรือมองว่าเป็นแผนการของคนฝ่ายเดียวกันว่า บ้านเมืองใดก็ตามถ้าคนหนุ่มคนสาวกล้าออกมายืนหยัดเพื่อหลักการที่ถูกต้อง แล้วโดนทำร้ายซ้ำแล้วซ้ำเล่า แล้วหาคนผิดไม่ได้ จะให้คิดอย่างไร เรื่องน่าห่วงคือ ถ้าหายดีจากคราวนี้แล้ว ความปลอดภัยจะเป็นอย่างไร เป็นหน้าที่ประชาชนที่ต้องปกป้อง
“อย่าไปคิดว่าจ่านิวเป็นข้างไหน แต่การปกป้องจ่านิวคือการปกป้องสังคมไทยทั้งสังคมไทยให้พ้นจากความรุนแรงและอำนาจป่าเถื่อน กระบองที่ทุบลงบนหัวจ่านิว คือ กระบองที่ทุบลงบนศักดิ์ศรีของคนทั้งประเทศ นี่ไม่ใช่เรื่องการเมือง แต่เป็นอาชญากรรมต่อประชาชน เป็นเรื่องที่ต้องปกป้องและอยู่เคียงข้างกัน เพราะสถานการณ์ที่เกิดไม่มีใครยืนยันความปลอดภัยของลูกหลานเราได้”
โดยณัฐวุฒิพูดถึงสถานการณ์ที่คนจำนวนหนึ่งแสดงความกระหยิ่มยิ้มย่องต่อชะตากรรมของสิรวิชญ์ว่า “สังคมไทยแม้จะโกรธแค้นชิงชัง แต่อย่าข้ามเส้นของความเป็นมนุษย์ ไปยินดีกับโลหิตที่หลั่งออกมา”
เขากล่าวเสริมด้วยว่า แม้ความรุนแรงนี้เกิดกับขั้วตรงข้ามทางการเมืองอย่าง สุเทพ เทือกสุบรรณ ตัวเขาเองก็ไม่อาจยินดีได้
Tags: ความรุนแรง, ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ, จ่านิว, จตุพร พรหมพันธุ์, สิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์, ประเทศกูมี, 24 มิถุนา