สายลมเย็นพัดมาเอื่อยๆ แสงแดดตกกระทบแม่น้ำเจ้าพระยาส่องประกายระยิบระยับ สถาปัตยกรรมสุดคลาสสิกตั้งอยู่เรียงรายสองฟากฝั่ง โดยมีท้องฟ้ายามบ่ายคล้อยเป็นฉากหลัง นี่คือทิวทัศน์ที่เห็นตลอดการเดินผ่านย่านชุมชนกุฎีจีน อีกหนึ่งชุมชนเก่าแก่ของประเทศไทย ที่อยู่ยงนับตั้งแต่สมัยกรุงธนบุรี

สำหรับเส้นทางเดินดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของโครงการปรับปรุงภูมิทัศน์บริเวณทางเดินริมแม่น้ำเจ้าพระยา มีระยะเริ่มจากจุดเชื่อมต่อสะพานพระพุทธยอดฟ้า ทางด้านฝั่งธนบุรี ลัดเลาะมุ่งสู่เลียบริมน้ำสู่ละแวกย่านวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร ซึ่งเชื่อมต่อสู่โบสถ์ซางตาครู้ส (Santa Cruz Church) ไปจนถึงศาลเจ้าเกียนอันเกง ก่อนสิ้นสุดเส้นทางที่วัดกัลยาณมิตร รวมระยะทางกว่า 600 เมตร 

ขณะเดียวกัน เส้นทางดังกล่าวยังออกแบบให้มีความเป็น ‘อารยสถาปัตย์’ (Universal Design) มากขึ้น เพื่อเอื้อประโยชน์ต่อคนเดินเท้า ผู้ใช้จักรยาน รวมทั้งผู้พิการทางสายตา และมีแสงไฟส่องสว่างเพียงพอตลอดเส้นทาง 

ตามที่เกริ่นนำข้างต้นถึงชุมชนกุฎีจีน จุดเช็กอินที่ไม่ควรพลาดหากแวะเวียนมายังเส้นทางนี้ กับการสัมผัสอัตลักษณ์ชุมชนโบราณ ที่ผสมผสานหลากหลายวัฒนธรรมทั้งพุทธ จีน คริสต์ มุสลิม ที่มีความเก่าแก่กว่า 200 ปี ดังนั้น ผู้ออกแบบจึงหยิบความน่าสนใจที่ว่า มาแต่งแต้มสีสันผ่านผลงานศิลปะตลอดทางเดิน นอกจากงานอาร์ตที่สวยงามและมีเอกลักษณ์แล้ว ตลอดเส้นทางเดินยังมีป้ายให้ความรู้ของสถานที่ ประวัติศาสตร์สำคัญต่างๆ ซึ่งจัดทำโดยทางสำนักงานพัฒนาและฟื้นฟูเมือง สังกัดสำนักการวางผังและพัฒนาเมืองของกรุงเทพมหานคร

แม้จะเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่เพิ่งเปิดใช้งานในปลายปีนี้ แต่จากการที่ได้เห็นผู้คนมาทำกิจกรรมมากมาย ไม่ว่าจะเดินเล่น ออกกำลังกาย ปั่นจักรยาน หรือแม้แต่มาเพื่อนั่งมองท้องฟ้ายามค่ำคืน ที่หากมองไปทางฝั่งสะพานพุทธฯ จะเห็นแสงไฟพวยพุ่งใกล้กับสะพาน พร้อมกับเพลงไทยสุดคลาสสิกที่เปิดเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงช่วงใกล้เทศกาลสำคัญ อย่างคริสมาสต์และปีใหม่ 

หากใครที่มีเวลาดื่มด่ำมากพอก็สามารถเดินดูป้ายความรู้ต่างๆ รวมทั้งเช็กอินถ่ายรูปกับงานอาร์ต ถือว่ามาที่เดียวได้หลายกิจกรรม กลับไปพร้อมรอยยิ้มไม่มีผิดหวังอย่างแน่นอน 

Tags: ,