“I’m not your typical queen. I’ve always been a little bit different, but that’s because normal is boring.” – “ฉันไม่ใช่แดร็กควีนทั่วๆ ไป ฉันมักจะมีอะไรที่ต่างจากคนอื่นเสมอ นั่นเป็นเพราะว่าความธรรมดามันน่าเบื่อสำหรับฉัน”

ข้อความไม่กี่ประโยค ที่ Yvie Oddly พูดถึงตัวเองในวีทีอาร์แนะนำตัวซึ่งฉายบนเวทีประกาศผล Rupaul’s Drag Race ซีซัน 11 คือสิ่งที่อธิบายตัวเธอและสไตล์การแต่งแดร็กของเธอได้อย่างดี

และความไม่ธรรมดานี้เองที่นำพาให้ Oddly กลายเป็นผู้ชนะคนล่าสุดของ Rupaul’s Drag Race คว้ามงกุฎ คทา และเงินรางวัล 100,000 เหรียญไปครอง

ย้อนกลับไปเมื่อ 7 ปีก่อน โจวาน บริดเจส (Jovan Bridges) เป็นเพียงเด็กวัยรุ่นผิวสี ร่างผอม ที่ยอมรับว่าตัวเองเป็นเกย์ แต่ไม่เคยคิดจะก้าวเข้าสู่วงการแดร็กควีนอย่างจริงจัง เพราะเขามีความคิดว่ากรอบความสวยงามในอุดมคติของแดร็กควีนนั้นไม่ใช่พื้นที่สำหรับเขา จนกระทั่งได้เห็น ชารอน นีดเดิลส์ (Sharon Needles) แดร็กควีนสายโกธิค ผู้ชนะจาก Rupaul’s Drag Race ซีซัน 4 ที่ทำให้บริดเจสรู้ว่า เขาสามารถแต่งแดร็กในแบบที่ตัวเองสนุกกับมันได้ โดยไม่จำเป็นต้องยึดติดกับพิมพ์นิยมความงาม นั่นจึงเป็นจุดกำเนิดของอีวี่ ออดลีย์ (Yvie Oddly) ที่ประกาศจุดยืนของตัวเองตั้งแต่การเลือกชื่อแดร็ก

“ชื่อ อีวี ออดลีย์ มาจากการที่คนมักจะบอกว่าโชว์ของฉันแปลก ซึ่งไหนๆ ถูกมองว่าแปลกแล้ว เพราะฉะนั้นก็เลือกชื่อให้มันแปลกยิ่งกว่าคนไปซะเลย” อีวีเล่าถึงที่มาชื่อที่ใช้ในวงการของเธอ

ในซีซัน 11 แดร็กควีนจากเมืองเดนเวอร์ รัฐโคโลราโด เปิดตัวในเวิร์กรูมโดยมีรถบังคับคันเล็กนำมาก่อน ซึ่งเป็นพร็อพที่ยังไม่เคยมีแดร็กควีนในรายการคนไหนเลือกใช้ ส่วนชุดยาวสีเขียวและเมกอัพโทนเดียวกันนั้นเป็นเพียงแค่น้ำจิ้มของความแปลกที่คนดูไม่สามารถคาดเดาทิศทางได้ว่าอีวีจะตีความโจทย์ของแต่ละสัปดาห์ออกมาเป็นรูปแบบไหน

แต่ที่รู้แน่ก็คือ อีวีจะปรากฏตัวบนรันเวย์ในแบบที่ไม่ห่วงสวย เพราะสิ่งที่สำคัญกว่าสำหรับแดร็กควีนวัย 25 ปีคนนี้ก็คือ การใช้ความคิดสร้างสรรค์ที่ทำให้ทุกลุคออกมาเป็นงานศิลปะที่มีคอนเซปต์และเก็บทุกรายละเอียด แม้นั่นจะหมายถึงการเพนต์ร่างกายตัวเองให้เป็นสีชมพูทั่วทุกจุด ตั้งแต่หัวจรดปลายนิ้วเท้า หรือการเดินบนรันเวย์ด้วยท่าทางและอินเนอร์ของทีเร็กซ์

ในตอนที่ 6 ของรายการ อีวีบาดเจ็บระหว่างที่ทำชาเลนจ์ ซึ่งเป็นตอนที่ทำให้เพื่อนร่วมรายการของเธอและคนดูได้รู้ว่าอีวีเป็นผู้ป่วยโรค Ehlers-Danos หรือโรคผิวหนังยืดผิดปกติ โรคทางพันธุกรรมที่ส่งผลให้เกิดอาการฟกช้ำและบาดเจ็บได้ง่าย โดยเฉพาะอาการบาดเจ็บจากข้อต่อเคลื่อน ทั้งยังทำให้เหนื่อยหรือล้าได้ง่ายกว่าคนทั่วไปด้วย

แต่อาการบาดเจ็บและโรคประจำตัวไม่สามารถขวางความตั้งใจของอีวีได้ เพราะเมื่อรู้ว่าไม่สามารถเคลื่อนไหวบนรันเวย์ได้อย่างปกติ ในสัปดาห์นั้นอีวีก็นำไม้เท้าเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของรันเวย์ลุค และปรับโชว์ของเธอให้เข้ากันกับพร็อพที่เพิ่มเข้ามา

แน่นอนว่าอีวีไม่ได้กลับบ้านในสัปดาห์นั้นและยังอยู่ในรายการจนเป็นหนึ่งในท็อปโฟร์ที่เข้ารอบชิงชนะเลิศมาอย่างลอยลำ

ในคืนตัดสินของ Rupaul’s Drag Race ซีซัน 11 คู่ต่อสู้ในการลิปซิงก์รอบสุดท้ายของอีวีคือ บรู๊ค ลินน์ ไฮตส์ (Brook Lynn Hytes) แดร็กควีนแคนาเดียนคนแรกของรายการและอดีตนักบัลเลต์ที่จัดว่าครบเครื่องในความเป็นแดร็ก เพราะมีทั้งความสวย เซนส์ด้านแฟชั่น และการเคลื่อนไหวร่างกายที่น่ามองเพราะพื้นฐานจากบัลเลต์ อีกทั้งยังเป็นเจ้าแม่ชาเลนจ์ ชนะมาหลายภารกิจ การชิงตำแหน่งที่หนึ่งของคู่นี้จึงเป็นเหมือนหยิน-หยางของแดร็กสไตล์ และเป็นคู่ชิงชนะเลิศที่ไม่ว่าใครชนะก็เหมาะสมกับตำแหน่งทั้งนั้นเพราะต่างฝ่ายต่างก็จัดเต็มในทางของตัวเอง

ก่อนหน้านี้ทั้งคู่เคยลิปซิงก์แข่งกันมาก่อนในตอนที่ 8 ของรายการ ความเต็มที่ของทั้งสองคนจบลงที่ไม่มีใครต้องออกจากรายการ ซึ่งน้อยครั้งมากที่มาม่ารูฯ จะตัดสินแบบนี้ และทั้งสองคนยังได้ฉายา lip sync assassin จากการลิปซิงก์ในเพลง Sorry Not Sorry ในวันนั้น ในสายตาคนดูจำนวนมากแล้ว น่าจะถือเป็นลิปซิงก์ที่ดีที่สุดในซีซันนี้ถ้าไม่นับรอบชิงมงกุฎ

เมื่อเพลง The Edge of Glory ของเลดี้ กาก้า ซึ่งเป็นเพลงที่ใช้ในการตัดสินจบลง และรูพอลประกาศชื่ออีวีเป็นผู้ชนะ สำหรับอีวีแล้ว เท่ากับเป็นการพิสูจน์ว่า ในวงการแดร็กมีพื้นที่ให้กับความแตกต่าง และความแปลกก็ไม่ใช่เรื่องผิดแต่อย่างใด

หลังประกาศผล MTV สัมภาษณ์อีวีเกี่ยวกับการแข่งขัน พร้อมตั้งข้อสังเกตว่าชัยชนะของอีวีครั้งนี้ น่าจะมีความสำคัญตรงที่ทำให้แดร็กควีนอีกมากรู้สึกมีกำลังใจที่จะมาออดิชันในรายการนี้ โดยเฉพาะแดร็กควีนที่ไม่ได้มองว่าตัวเองเป็นแดร็กสายแมส อีวีพูดถึงเรื่องนี้ว่า

“นั่นคือเหตุผลหนึ่งที่ฉันอยากจะชนะ และฉันก็หวังด้วยว่าชัยชนะของฉันในครั้งนี้จะเป็นชัยชนะที่จะช่วยเติมความเป็นมนุษย์กลับสู่โลกของแดร็ก เป็นชัยชนะที่จะเตือนให้คนอื่นๆ ได้รู้ว่า วงการนี้ไม่ได้มีพื้นที่ให้แต่เฉพาะแดร็กควีนที่สวยเนี้ยบ แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าดีไซเนอร์ราคาแพง และมีคอนเน็กชันกว้างขวางเท่านั้น แต่ยังเป็นพื้นที่สำหรับแดร็กควีนที่เป็นคนธรรมดาทั่วไป ที่ไม่ได้มีเงินพอซื้อเสื้อผ้าสวยๆ แต่ก็พยายามที่จะพัฒนาศิลปะแขนงนี้ในแบบของตัวเอง”

อ้างอิง:

http://www.mtv.com/news/3126109/yvie-oddly-rupaul-drag-race-season-11-interview/

https://www.youtube.com/watch?v=ALQ5tydsZoE

Fact Box

อีวี ออดลีย์ หรือ โจวาน บริดเจส เกิดเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม ปี 1993 ความสนุกของอีวีในวัยเด็กก็คือการได้แต่งหน้าโดยใช้เครื่องสำอางของแม่และใส่เสื้อผ้าของพี่สาว แต่ไม่ได้แต่งแดร็กอย่างจริงจังจนกระทั่งเข้ามหาวิทยาลัย

ในปี 2015 สื่อในเดนเวอร์เริ่มให้ความสนใจกับอีวี หลังจากที่เธอเป็นผู้ชนะในการประกวด Ultimate Queen ของที่นั่น ก่อนจะกลายเป็นผู้ชนะของ Rupaul’s Drag Race ซีซัน 11 ในอีก 4 ปีต่อมา

อีวีสนุกกับการเซอร์ไพรส์หรือทำให้คนดูตกใจกับลุคต่างๆ ของเธอ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วมักจะเป็นสิ่งที่คนดูไม่เคยเห็นมาก่อน ส่วนแรงบันดาลใจของเธอนั้นมีทั้งแรงบันดาลใจจากสายไฮแฟชันอย่าง เธรี มักเลอร์ (Thierry Mugler) และ คริสทีนน์ (Christeene) แดร็กควีนเจ้าของฉายา terrorist drag

ติดตามอินสตาแกรมและความเวียร์ดของเธอได้ที่ @oddlyyvie

Tags: , ,