เจ้านายจอมหักหลัง เพื่อนร่วมงานสุด Toxic ที่พยายามสร้างปัญหาให้กับงานของคุณ ความสัมพันธ์ และโครงสร้างทางอำนาจที่ถักทอแน่นหนาในที่ทำงาน พนักงานจำนวนไม่น้อยต่างเคยได้รับผลกระทบจาก ‘การเมืองในที่ทำงาน’ ณ จุดใดจุดหนึ่ง

ผลสำรวจจากเดอะการ์เดียน (The Guardian) ระบุว่า พนักงานประมาณ 3 ใน 4 มองว่า ‘หัวหน้างาน’ คือสิ่งที่เครียดที่สุดในงานของพวกเขา ขณะที่ 1 ใน 3 หวาดหวั่นที่จะต้องไปทำงานเพราะ ‘เพื่อนร่วมงาน’

ในสังคมที่ ‘สถานที่ทำงาน’ ล้วนได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอก ทั้งข่าวสารบ้านเมือง การเมือง เศรษฐกิจ ยิ่งเจอปัจจัยภายในอย่างเรื่องการเมืองในที่ทำงานอีก เป็นเรื่องปกติที่ความตึงเครียดของพนักงานจะพุ่งสูงขึ้น

หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ต้องรับมือกับเพื่อนร่วมงานหรือเจ้านายจอมป่วน ที่คอยแต่จะสร้างการเมืองในที่ทำงาน คุณจะมีวิธีจัดการกับสถานการณ์เหล่านี้อย่างไร?

1. หาเพื่อนและสร้างกลุ่ม

การแก้ไขวัฒนธรรมการทำงานที่ ‘เป็นพิษ’ คุณจำเป็นต้องมีส่วนร่วมใน ‘ความสัมพันธ์’ ในที่ทำงาน มีเคสการศึกษาที่แสดงให้เห็นว่า เมื่อผู้คนรู้สึกว่าพวกเขาไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่ม สุขภาพร่างกายและความผาสุกของพวกเขาจะดิ่งลง ดังนั้น หากคุณรู้สึกโดดเดี่ยวหรือถูกกีดกันจากสาเหตุของการเมืองในที่ทำงาน สิ่งที่คุณควรพยายามทำ คือการสร้างสัมพันธ์กับเพื่อนใหม่ๆ

ดร.แมรี ลาเมีย (Dr. Mary Lamia) นักจิตวิทยาจากสหรัฐอเมริกา กล่าวว่า หาก ‘บางคน’ ในที่ทำงานคือสาเหตุหลักของความขัดแย้ง วิธีที่ดีที่สุดในการจัดการกับพวกเขาคือ ‘การรวมกลุ่ม’ กับเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ ของคุณ

เธอยกตัวอย่างว่า การรวมกลุ่มต่อต้าน ‘ตัวปัญหา’ เหล่านั้น จะช่วยสนับสนุนความรู้สึกของผู้ที่ตกเป็นเหยื่อ เนื่องจากเหยื่อของการถูกกลั่นแกล้งทางการเมืองในที่ทำงาน เสี่ยงที่จะถูกโดดเดี่ยว นอกจากนี้ การพยายามรวมกลุ่มกันและพูดคุยถึงพฤติกรรมของตัวปัญหาในที่ทำงาน เปรียบเหมือนการ ‘เปิดเผย’ พฤติกรรมของคนเหล่านั้น ซึ่งจะทำให้พวกเขาสูญเสียอำนาจการสร้างปัญหา และกลายเป็นผู้ที่ต้องเผชิญกับความโดดเดี่ยวเสียเอง

ยิ่งคุณมีคนอยู่เคียงข้างคุณมากเท่าไร โอกาสถูกเอาเปรียบในที่ทำงานก็จะน้อยลงเท่านั้น

2. บันทึกการทำงานให้ละเอียด

เมื่อคุณตกอยู่ภายใต้เกมการเมืองของเพื่อนร่วมงานหรือหัวหน้างาน เช่น ถูกแย่งเครดิตจากงานที่คุณเป็นคนทำ สิ่งสำคัญคืออย่าตอบโต้ เพราะแม้การเปิดเผยความจริงจะเป็นสิ่งที่น่าทำ แต่สิ่งนี้อาจส่งผลย้อนกลับได้

สิ่งที่คุณต้องทำคือมองให้ฉลาดกว่านั้น นั่นคือการตรวจสอบให้แน่ใจว่า คุณได้จดบันทึกการทำงานของคุณอย่างละเอียดถี่ถ้วนดีแล้ว และค่อยให้เพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ หรือหัวหน้าในระดับที่สูงกว่าได้รับรู้ว่าคุณกำลังทำอะไรและทำอะไรไปแล้วบ้าง สิ่งนี้จะเป็นเครื่องพิสูจน์การทำงานและประสิทธิภาพการทำงานของคุณได้

3. อย่าลงไปอยู่ระดับเดียวกับคนเหล่านั้น

เมื่อเพื่อนร่วมงานพยายามเล่นเกมการเมือง ทำให้คุณดูแย่หรือบั่นทอนคุณ ‘การแก้แค้น’ ด้วยวิธีเดียวกันอาจเป็นสิ่งที่เย้ายวนใจให้คุณลงมือ อย่างไรก็ดี สิ่งเหล่านี้สามารถย้อนกลับมาทำลายคุณได้ เช่น คุณอาจถูกมองว่าเป็นคนขี้น้อยใจ และท้ายที่สุดอาจไม่สามารถจัดการเพื่อนร่วมงานเหล่านั้นได้

วิธีที่ดีกว่าในการจัดการกับเพื่อนร่วมงานนักเล่นเกมการเมืองเหล่านั้น คือการหาเวลาพูดคุยกับพวกเขาเป็นการส่วนตัว แทนที่จะกล่าวหาพวกเขา ก็เปลี่ยนเป็นการถามอย่างใจเย็นและมีอารยะว่า ‘ทำไมถึงทำอย่างนั้น’ วิธีนี้มักเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมฝ่ายตรงข้าม เพราะจะทำให้พวกเขาได้สะท้อนการกระทำของตนเอง

4. เปลี่ยนวัฒนธรรมจากภายใน

หากมองในแง่ดีขึ้นอีกนิด เรื่องการเมืองในที่ทำงานอาจเป็นสิ่งที่ปรับเปลี่ยนให้เป็นแง่บวกได้ สิ่งที่คุณต้องทำคือ ทำงานร่วมกันในทีมเพื่อสนับสนุนวัฒนธรรมในบริษัทที่ให้คุณค่ากับผู้คน และกีดกันการข่มเหงทุกรูปแบบ วิธีที่ดีที่สุดของการทำเช่นนี้ คือ การยกย่องเชิดชูผู้อื่น ส่งเสริมการทำงานเป็นทีม และเห็นอกเห็นใจเพื่อนร่วมงาน ด้วยความพยายามที่จะเปลี่ยนวัฒนธรรมในที่ทำงานไปสู่การมีความกรุณาและความซื่อสัตย์เหล่านี้ สภาพแวดล้อมที่ดีขึ้นสำหรับพนักงานทุกคนก็จะสามารถเกิดขึ้นได้

5. ลาเธอได้สักที

แม้ทุกวิธีที่กล่าวไปอาจช่วยแก้ไขปัญหาการเมืองในที่ทำงานได้ไม่มากก็น้อยสำหรับบางคนหรือที่ทำงานบางแห่ง แต่ก็ไม่ใช่สำหรับทุกคน

ความพยายามที่จะหาทางแก้ไขหรือกระทั่งเปลี่ยนแปลงการเมืองในที่ทำงานจากองค์กรหรือบริษัทสุดแสนย่ำแย่จากภายในนั้น เป็นการต่อสู้ที่ยากเย็นแสนเข็ญอย่างยิ่ง ดังนั้น หากคุณลองทำตามคำแนะนำข้างต้น แล้วยังพบว่าที่ทำงานของคุณเป็นเหมือนฝันร้าย มีตัวเลือกที่น่าลองพิจารณาอีกข้อ

ทิ้งหัวหน้าและเพื่อนร่วมงานทั้งหมด แล้วลาออกมาเพื่อตัวคุณเอง

Tags: , , ,