เราต่างรู้กันดีว่า มนุษย์เป็นสัตว์สังคมตามที่ อริสโตเติล (Aristotle) นักปราชญ์ชาวกรีก กล่าวเอาไว้ ในปัจจุบันเราดำรงอยู่ด้วยการรวมกันเป็นกลุ่มและเชื่อมโยงผ่านเครือข่ายทางสังคม ดังนั้น ‘ความเหงา’ จึงถือเป็นศัตรูตัวฉกาจ ที่เร่งเร้าให้เราหาใครสักคนมาเคียงข้างอยู่เสมอ และมันง่ายมาโดยตลอด ก่อนการมาถึงของบริบททางสังคมสมัยใหม่ ที่มนุษย์ทุกคนล้วนถูกจัดวางในตำแหน่งหน้าที่ ที่บางครั้งเรียกร้องให้เราจำเป็นต้องอยู่คนเดียวอย่างเลี่ยงไม่ได้

นักศึกษาที่เข้าเรียนในมหาวิทยาลัยไกลบ้าน หนุ่มสาวจากต่างจังหวัดที่เดินทางเข้ามาทำงานในเมืองใหญ่ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยในตอนกลางคืน รวมถึงผู้คนอีกนับหมื่นที่พักอาศัยอยู่เพียงลำพัง ล้วนมีความโดดเดี่ยวในแบบเฉพาะของตัวเอง ที่สำคัญในหลายครั้งเราไม่สามารถเดินหนีสถานการณ์นี้ได้ เพราะบริบททางสังคมและความจำเป็นบีบบังคับให้เราต้องเปลี่ยวเหงาในบางเวลา 

แต่อย่างไรก็ตาม การได้ใช้เวลาอยู่กับตัวเองคนเดียวบ้าง บางทีอาจไม่ได้แย่อย่างที่คิด

ในงานวิจัย Balance between solitude and socializing: everyday solitude time both benefits and harms well-being ที่เผยแพร่ในปี 2023 เกี่ยวกับประโยชน์และโทษระหว่างการใช้เวลาอยู่คนเดียวและการเข้าสังคม ระบุว่า ความโดดเดี่ยวที่มากเกินไปสร้างความทุกข์ใจและสุขภาพจิตในเชิงลบจริง แต่การเข้าสังคมและพบปะผู้คนมากเกินไปก็มีผลเสียเช่นกัน หนทางที่ดีสุดคือการสร้างสมดุลที่ดี ระหว่างการอยู่ตัวคนเดียวกับการเข้าสังคมร่วมกับผู้อื่น

นอกจากนี้ในงานวิจัยยังระบุอีกว่า กลุ่มคนที่ใช้ชีวิตอยู่คนเดียวเป็นปกติอยู่แล้ว รู้สึกเหงาน้อยกว่ากลุ่มคนที่อยู่คนเดียวเป็นครั้งคราว อีกทั้งการอยู่คนเดียวในบางครั้งช่วยให้พวกเขารู้สึกเครียดน้อยลง รู้สึกอิสระ และเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น เนื่องจากพวกเขาได้รับแรงกดดันจากความสัมพันธ์และสังคมรอบข้างน้อย ถึงแม้การอยู่คนเดียวจะมีผลเสียบางอย่าง แต่ก็มีข้อดีที่สนับสนุนสุขภาพจิตในด้านอื่น ๆ 

การพูดคุยและมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคมร่วมกับคนอื่นๆ เป็นสิ่งที่ดี แต่ก็ไม่ได้แย่ถ้าคุณหันมามีเวลาอยู่กับตัวเองบ้าง เพราะประโยชน์หลักๆ ของการอยู่คนเดียว คือคุณภาพในการพักผ่อนจะดีขึ้น ผ่านการนอนหลับในสภาพแวดล้อมที่เงียบและไร้สิ่งรบกวน ซึ่งจะช่วยให้การผ่อนคลายของเราในช่วงนั้นมีประสิทธิภาพมากที่สุด ประกอบกับการกีดกันตัวเองออกจากสื่อโซเชียลมีเดียและหน้าจอที่ปล่อยแสงสีฟ้า ก็จะส่งผลดีต่อสุขภาพจิตและดวงตา

อีกทั้งประโยชน์ของการพาตัวเองออกจากสังคมเป็นบางครั้งบางคราว ยังช่วยลดความเครียดที่เกิดจากปัญหาในเชิงของความสัมพันธ์ และการแบกรับความกดดันเกี่ยวกับบรรทัดฐานในสังคมนั้นๆ รวมถึงช่วยให้เราตระหนักรู้ในตนเอง เนื่องจากมีเวลาที่จะทบทวนการกระทำและความคิดอยู่เสมอ โดยไม่ถูกชักจูงหรือเปลี่ยนแปลงจากความเป็นไปในกลุ่มสังคม

นอกเหนือจากการตัดมลภาวะทางความคิดออกไป การใช้เวลาจดจ่ออยู่กับตัวเองยังทำให้เราได้ค้นพบตัวเองในมุมอื่นๆ ด้วย โดยเฉพาะหากทำงานที่ต้องอาศัยความคิดสร้างสรรค์ การได้อยู่กับตัวเองอาจทำให้เราผลิตชิ้นงานในรูปแบบใหม่ๆ ออกมา เพราะจินตนาการเรียกร้องความเป็นอิสระสูง

ดังนั้นการอยู่คนเดียวบ้างบางเวลาก็ไม่ได้แย่อย่างที่คิด ในทางกลับกันยังมอบช่วงเวลาพิเศษไปพร้อมกับการพักผ่อนทางจิตใจ แต่ถึงกระนั้นการออกไปพบปะพูดคุยกับคนอื่นๆ ก็ยังเป็นเรื่องที่จำเป็นอยู่ พยายามหาสมดุลระหว่างการเก็บตัวกับการเข้าสังคม เพราะแต่ละสิ่งมีข้อดีของมัน ขึ้นอยู่กับว่า จะประยุกต์ใช้ให้เข้ากับชีวิตประจำวันเราอย่างไร

ที่มา

https://www.nature.com/articles/s41598-023-44507-7

https://www.choosingtherapy.com/benefits-of-being-alone/

Tags: , , ,