อ้างอิงจากงานเขียนของ สตีฟ เทเลอร์ (Steve Taylor) นักวิจัยด้านจิตวิทยาผู้เขียนหนังสือ Extraordinary Awakenings ได้เปิดเผยว่า ผู้ที่มีประสบการณ์ใกล้ตาย และผู้ที่ใช้ยาที่ส่งผลต่อระบบประสาท จะประสบสภาวะจิตใจที่สงบหลังผ่านความวุ่นวาย (Transformation Through Turmoil) อย่างน่าประหลาด

ในหนังสือ Extraordinary Awakenings สตีฟได้เขียนถึงอาการหลังสภาวะใกล้ตาย (Near-Death Experience หรือ NDE) ซึ่งเกิดขึ้นหลังจากผู้ป่วยมีอาการค่อนข้างย่ำแย่ เช่น อาการโคม่า การเป็นมะเร็ง หรือประสบอุบัติเหตุที่รุนแรง แต่สามารถรอดพ้นความเจ็บป่วยครั้งนั้นมาได้ สมองจะเกิดการเปลี่ยนแปลง ซึ่งอ้างอิงจากงานวิจัยที่ชื่อ Near-death experience in survivors of cardiac arrest: a prospective study in the Netherlands ของ เพิร์น วาน ลอมเมลส์ (Pirn van Lommel) ระบุว่า กว่า 20% ของผู้ป่วยโรคหัวใจที่หมดสติ จะมองเห็นอวกาศ เห็นแสงสว่าง เห็นชีวิตที่ผ่านมาในอดีต ในระหว่างปั๊มหัวใจ ก่อนที่จะฟื้นขึ้นมา ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นไม่กี่วินาทีเท่านั้น

ที่น่าสนใจคือ หลังจากนั้น ผู้ป่วยจะระบุว่า มุมมองในการใช้ชีวิตเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง โดยพวกเขาเริ่มรู้จักปล่อยวาง ไม่เห็นแก่ตัว และเข้าอกเข้าใจคนอื่นมากยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่ไม่เคยเป็นมาก่อนที่จะเกิดสภาวะ NDE

งานวิจัยได้พยายามหาสาเหตุของสิ่งที่เกิดขึ้น และได้ให้น้ำหนักไปที่เรื่องของการที่สมองขาดออกซิเจนไปชั่วขณะ อย่างไรก็ดี คำอธิบายนี้ยังไม่หนักแน่นเพียงพอนัก

กระทั่งเดือนสิงหาคม 2565 ที่ผ่านมา มีงานวิจัยอีกชิ้นที่ชื่อ Comparison of psychedelic and near-death or other non-ordinary experiences in changing attitudes about death and dying โดย แมรี เอ็ม สวีนี (Mary M. Sweeney) ซึ่งเปรียบเทียบสภาวะ NDE และการใช้ยาหลอนประสาทของมนุษย์ว่ามีความใกล้เคียงกัน และช่วยให้อาการสงบสุขหลังเฉียดตายมาแล้ว ดูมีเหตุผลรองรับมากยิ่งขึ้น

งานวิจัยดังกล่าวได้พูดคุยกับผู้ทดลองกว่า 3,000 ที่เคยทั้งใช้ยาหลอนประสาท (LSD, psilocybin, DMT และ ayahuasca) รวมไปถึงเคยผ่านประสบการณ์เฉียดตายมาแล้ว หรืออย่างใดอย่างหนึ่งในสองเหตุการณ์นี้ โดยส่วนใหญ่ระบุว่าทั้งสองเหตุการณ์นำมาซึ่งทัศนคติเชิงบวก ยอมรับต่อความตายมากขึ้น และมีความกลัวน้อยลง โดยมีความแตกต่างเล็กน้อย คือในผู้ที่ใช้ยาหลอนประสาทจะมองเรื่องความกลัวที่น้อยลง และความกล้าที่มากขึ้นเป็นสำคัญ แต่ในกลุ่มที่ผ่าน NDE จะให้ความสำคัญกับชีวิต การมีอยู่ของตัวเอง และผู้อื่นมากกว่า

ส่วนประเด็นว่าทั้งสองสถานการณ์มีความเชื่อมโยงอย่างไร สตีฟ เทเลอร์ มองว่าประสบการณ์ทั้งสองทำให้มนุษย์ก้าวข้ามขีดจำกัดของการตระหนักรู้ตามปกติที่เคยเป็นมา ซึ่งปัจจุบันมนุษย์ยังมองตัวเองเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ และส่วนหนึ่งของโลก แต่สำหรับคนกลุ่มที่ได้ผ่านประสบการณ์ที่แตกต่างออกไป ทำให้พวกเขาไม่ได้รู้สึกว่าเป็นมนุษย์ในชั่วขณะ และเป็นสิ่งมีชีวิตที่อยู่คนละโลกกับที่ตนเคยอยู่ สิ่งเหล่านี้จึงอาจทำให้พวกเขาได้ตระหนักรู้ถึงการมีตัวตนและมีชีวิตอยู่บนโลกในปัจจุบัน ซึ่งทำให้พวกเขารัก หวงแหน และเข้าใจความเป็นมนุษย์ได้มากยิ่งขึ้น

 

ที่มา

https://www.psychologytoday.com/us/blog/out-the-darkness/202209/why-do-near-death-experiences-and-psychedelics-have-transformational

https://www.thelancet.com/journals/lancet/article/PIIS0140673601071008/fulltext

https://journals.plos.org/plosone/article?id=10.1371/journal.pone.0271926

Tags: , , ,