“หนูรู้สึกเหมือนว่าแฟนไม่รักหนูเลย”

“ทำไมเธอไม่ลงรูปเราบ้างเลย”

“แฟนซื้อสร้อยมาให้ แต่มันไม่ใช่แบบที่ชอบเลย ทำไมแฟนไม่เข้าใจเราเลย”

หลายครั้งที่เราไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในความสัมพันธ์ ทั้งที่เขาก็ปกติทุกอย่าง ไม่ได้นอกใจ หรือทำความผิด เพียงแต่เขาไม่ได้ให้ในสิ่งที่เราต้องการก็เท่านั้น 

บ่อยครั้งที่กรณีเหล่านี้ถูกอธิบายด้วยแนวคิด ‘ภาษารัก’ ว่าด้วยวิธีการแสดงออกทางความรักที่ต่างกัน เช่น บางทีคุณอาจจะชอบบอกรัก แต่แฟนของคุณมักนิ่งเฉย เลือกแสดงออกทางการกระทำแทน ขณะที่คุณคาดหวังให้เขาป่าวประกาศว่า คุณทั้งคู่เป็นอะไรกัน แต่แฟนของคุณอาจไม่อยากเปิดเผย หรือโพสต์เรื่องราวส่วนตัวในโซเชียลฯ

แต่ในความเป็นจริง การอธิบายเรื่องราวทุกอย่าง โดยใช้เหตุผลว่า แต่ละฝ่ายแค่มีภาษารักที่ไม่ตรงกันนั้น เห็นจะกลายเป็นกับดักให้มนุษย์เรายึดติดอยู่กับสูตรสำเร็จ จนหลงลืมไปว่า ความรักไม่ได้มีเพียงองค์ประกอบเดียวที่จะสามารถชี้วัดความสัมพันธ์ได้เสมอไป

เป็นเพราะเราพูดกันคนละภาษาหรือเปล่า

ภาษารัก (Love Language) ถือกำเนิดมาจาก แกรี แชปแมน (Gary Chapman) ผู้เขียนหนังสือ The Five Love Languages: How to Express Heartfelt Commitment to Your Mate ที่บอกเล่าเรื่องราวว่า ผู้คนต่างให้และรับความรักในรูปแบบที่แตกต่างกัน กล่าวคือ มนุษย์มีวิธีแสดงออกทางความรักที่ต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นภาษาพูดหรือภาษากาย คู่รักจึงมักเข้าใจผิดกันด้วยการนิยามความรักที่ต่างกัน โดยแชปแมนนิยามภาษารักเอาไว้ 5 รูปแบบ ได้แก่

1. รักกันด้วยคำพูด (Words of Affirmation) เพราะสำหรับบางคน การกระทำไม่ชัดเจนเท่าคำพูดเสมอไป ดังนั้นการแสดงออกผ่านคำพูด เช่น การบอกรักหรือคำชมเชย ยังคงเป็นสิ่งสำคัญอยู่ เพราะการได้ยินถ้อยคำหวานซึ้งย่อมทำให้คนเรารู้สึกดีเสมอ

2. ใช้เวลาอยู่ร่วมกันเป็นอย่างดี (Quality Time) อย่างการเอาใจใส่ ให้เวลา และเคียงข้างกัน ไม่ว่าจะเป็นการใช้เวลาโดยไม่มีใครรบกวน หรือทำกิจกรรมร่วมกันเพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้น

3. ของขวัญแทนใจ (Receiving Gifts) เป็นอีกหนึ่งวิธีการแสดงความเอาใจใส่ เพราะของขวัญคือสัญลักษณ์จากใจจริง ที่แสดงถึงความรักและความเสน่หาที่มีต่อกัน

4. ใส่ใจด้วยการกระทำ (Act of Service) การแสดงความรักด้วยการช่วยแบ่งเบาความรับผิดชอบของอีกฝ่ายในยามเหนื่อยล้า ไม่ว่าจะเป็นการช่วยทำงานบ้าน หรือช่วยดูแลโดยที่เราไม่ได้ร้องขอ

5. สัมผัสร่างกาย (Physical Touch) เช่น การกอด การตบไหล่ หรือการจูงมือ ซึ่งล้วนแต่เป็นวิธีแสดงความรัก หรือความเอาใจใส่ เพราะการสัมผัสร่างกายก็ทำให้รู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยได้เช่นกัน

แม้วิธีเหล่านี้ฟังดูเรียบง่ายและใช้การได้ดี แต่คำถามก็คือ มันใช้ได้จริงเสมอไปจริงหรือ

ภาษารักใช้ไม่ได้เสมอไป

แม้ว่าภาษารักจะเป็นแนวคิดที่ถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายทั้งในไทยและต่างประเทศ ทว่าทฤษฎีนี้ไม่ได้ถูกยอมรับในทางวิทยาศาสตร์ โดยมีงานวิจัยชี้ว่า ภาษารักไม่ได้จำกัดอยู่แค่ 5 รูปแบบ ตลอดจนวิธีการดังกล่าวไม่สามารถประคับประคองความสัมพันธ์ระหว่างคู่รักได้ตลอดรอดฝั่ง

บทความ The Problem With Believing in “Love Languages” โดย สตีเวน อิง (Steven Ing) นักบำบัดด้านการสมรสและครอบครัว กล่าวว่า ปัญหาแนวคิดภาษารักมีความคลุมเครือและกว้างเกินไป เหมือนเวลาแนะนำใครสักคนว่า “ทำตัวให้มันดีๆ หน่อยสิ” จนอีกฝ่ายไม่รู้ว่า การทำตัวดีๆ หมายถึงอะไรกันแน่

ขณะเดียวกันภาษารักทั้ง 5 แบบยังเป็นการจัดประเภทแบบกว้างๆ ที่ไม่สามารถเจาะลึกหรืออธิบายพฤติกรรมเฉพาะได้จริง เช่น การช่วยแฟนทำงานบ้าน ไม่ได้แปลว่า คนนั้นพูดภาษารักแบบ Act of Service เสมอไป แต่เพราะรู้สึกว่า อีกฝ่ายแบ่งเบาภาระชีวิตไม่ดีร่วมกัน

หรือการบอกว่า “เราอยากให้เธอใช้เวลากับเรามากกว่านี้” ก็อาจไม่ได้หมายถึงการต้องการความรักในแง่ของ Quality Time เสมอไป หากมองลงไปให้ลึกอาจค้นพบถึงความรู้สึกไม่มั่นคงในความสัมพันธ์ จนอีกฝ่ายเรียกร้องหาความใกล้ชิด ตามหาเครื่องยืนยันความสำคัญในความสัมพันธ์นี้ ซึ่งเป็นมากกว่าแค่ ‘เรื่องของเวลา’

ความรักไม่ใช่การบังคับกันตามสูตรสำเร็จ

อินดิโก สเตรย์ คอนเกอร์ (Indigo Stray Conger) นักบำบัดความสัมพันธ์ บอกว่า การยึดติดกับภาษารักมากเกินไป โดยไม่ใส่ใจการสื่อสารตรงๆ ก็อาจทำให้คู่รักเข้าใจกันผิด ไปจนถึงรู้สึกผิดที่ไม่สามารถเป็นในสิ่งที่อีกคนต้องการได้ จนบางครั้งก็เผลอบังคับให้คนรักทำในสิ่งที่ตนต้องการ โดยไม่สนใจว่า อีกฝ่ายคิดเห็นอย่างไร เช่น เมื่อการแสดงความรักของเราคือการมีเซ็กซ์ แต่อีกฝ่ายไม่ได้ต้องการด้วยเหตุผลอะไรหลายอย่าง ก็ไม่ได้หมายความว่า เราไม่รักกันเสมอไป 

หรือต้องตั้งคำถามกลับว่า บางครั้งปัญหาคือเราเอง เพราะมีคนรักเรา แต่กลับไม่รู้สึกถึงมัน

ดังนั้นภาษารักไม่ใช่คำตอบของทุกอย่าง แต่เป็นจุดเริ่มต้นที่ดี อย่าให้ความรักต้องแปลผิดไปเพียงเพราะพูดคนละภาษา

ที่มา:

https://www.psychologytoday.com/us/blog/sexual-futurist/202401/the-problem-with-believing-in-love-languages 

https://www.scarymommy.com/lifestyle/can-love-languages-sabotage-relationship 

https://5lovelanguages.com/

Tags: , , , , , , ,