ในละครหลังข่าวเรามักเห็นตัวละครร้ายมีลักษณะคล้ายคาสโนวา ชอบมาโปรยเสน่ห์หลอกล่อนางเอกให้ตกหลุมพราง ด้วยการพยายามทำดีทุกวิถีทาง คอยเอาใจใส่ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนสำคัญ แต่เบื้องลึกนั้นแฝงเจตนาชั่วร้ายและเล่ห์เหลี่ยมเอาไว้
ความตลกของพล็อตเช่นนี้คือ เวลาเราเห็นคนที่มีพฤติกรรมลักษณะนี้ในละคร เรามักดูออกตั้งแต่การปรากฏตัวครั้งแรกๆ ของตัวละครเหล่านั้น แต่ในชีวิตจริงเราจะรู้ตัวว่าเจอคนลักษณะนี้ก็ต่อเมื่อตกเข้าไปอยู่ในเกมกลของเขาเรียบร้อยแล้ว เพราะในความเป็นจริงทุกอย่างมันแยบยลมากกว่านั้น
ในช่วงแรกเขาอาจส่งข้อความมาหาคุณทุกชั่วโมง ถามไถ่ถึงสิ่งที่ทำอยู่ พูดคุยแลกเปลี่ยนสารทุกข์สุกดิบ จากนั้นก็พ่นคำหวานดั่งน้ำตาล เพื่อหว่านล้อมให้คุณรู้สึกว่าเขาเป็นคนดี หลังจากเริ่มสนิทกันมากขึ้นเรื่อยๆ เขาจะเริ่มนัดเจอคุณ พาไปร้านอาหารดีๆ ขับรถมารับมาส่ง สร้างความประทับใจในระดับดีเยี่ยม แต่เมื่อใดที่เขารู้ว่าคุณเริ่มมีใจให้ มีความรู้สึกดี หรือมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งต่อกัน เขาจะเปลี่ยนไปแบบหน้ามือเป็นหลังมือ และหากคุณร้องขอมากเกินไป เขาจะประกาศยุติความสัมพันธ์ลงแบบงงๆ ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้เรียกว่า ‘Love Bombing’
Love Bombing หรือระเบิดเวลารัก คือพฤติกรรมที่ทำให้เขาคนนั้นรู้สึกเป็นคนพิเศษในช่วงแรกของความสัมพันธ์ ก่อนจะเผยธาตุแท้ออกมาในภายหลังว่า เป็นคนที่นิสัยไม่ได้ดีเลิศดั่งที่เป็นก่อนหน้า ในบางกรณีอาจมีพฤติกรรมหึงหวงจนมากเกินไป ควบคุมชีวิตคนรักจนเกินพอดี หรือด่าทอข่มขู่ให้อีกฝ่ายรู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเอง ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้ล้วนเป็นองค์ประกอบที่ทำให้ความสัมพันธ์นั้นๆ กลายเป็นความรักที่เปื้อนพิษ (Toxic Relationship) สุดท้ายแล้วส่วนใหญ่ความสัมพันธ์ก็จะจบลงแบบไม่ดีนัก เปรียบเสมือนระเบิดเวลานับถอยหลัง
โดยส่วนใหญ่แล้วพฤติกรรมแบบ Love Bombing จะถูกแบ่งออกเป็น 3 ระยะ ได้แก่ ระยะสร้างความประทับใจ ระยะลดทอนคุณค่า และระยะละทิ้งให้โดดเดี่ยว โดยระยะแรกผู้ที่มีพฤติกรรมแบบ Love Bombing จะพยายามทำดีกับอีกฝ่ายทุกวิถีทาง เพื่อสร้างความประทับใจจนอีกฝ่ายไม่สามารถถอนตัวออกจากความสัมพันธ์ได้ และเมื่อเหล่าผู้วางระเบิด Love Bombing รู้ตัวว่า อีกฝ่ายตกหลุมพรางเข้ามาอยู่กับตนแล้ว พฤติกรรมของพวกเขาจะเข้าสู่ระยะที่ 2 ในทันที พวกเขาจะเริ่มทำนิสัยแย่ๆ และกดดันให้อีกฝ่ายรู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเอง หากมีปัญหากันมาเรื่อยๆ เจ้าพวก Love Bombing จะทำการหนีปัญหา โดยการตีตัวออกห่างหรือยุติความสัมพันธ์ลง
ดร.อไลนา เทียนี (Alaina Tiani) นักจิตวิทยาด้านความสัมพันธ์ กล่าวว่า เป้าหมายสูงสุดของผู้ที่มีพฤติกรรมแบบ Love Bombing ไม่ใช่แค่การแสวงหาความรักเท่านั้น แต่เป็นการแสวงหา ‘การควบคุมผู้อื่น’ เพื่อทำให้อีกฝ่ายรู้สึกเป็นหนี้บุญคุณพวกเขา ซึ่งพฤติกรรมแบบ Love Bombing อาจเกิดจากทั้งความตั้งใจและไม่ได้ตั้งใจ ทว่าส่วนใหญ่พฤติกรรมลักษณะนี้มักเกิดจากประสบการณ์ที่ไม่ดีในอดีตและความป่วยไข้ส่วนตัว
ผู้ที่มีพฤติกรรมแบบ Love Bombing ส่วนใหญ่มีสาเหตุมาจากความรู้สึกไม่มั่นคงในความสัมพันธ์ หรือมีรูปแบบความสัมพันธ์แบบวิตกกังวล (Anxious attachment) ซึ่งเป็นผลพวงมาจากการวิธีการเลี้ยงดูตั้งแต่วัยเด็ก ที่พ่อแม่อาจมอบความรักให้ไม่เพียงพอ ส่งผลให้เมื่อเติบโตขึ้นคนเหล่านี้จึงรู้สึกวิตกกังวลเสมอ เวลาที่ได้ใช้ชีวิตผูกพันร่วมกับคนอื่น อีกปัจจัยหนึ่งคือ ผู้ที่มีพฤติกรรมแบบ Love Bombing บางส่วนมีความผิดปกติทางบุคลิกภาพแบบหลงตัวเอง (Narcissistic Personality Disorder) เนื่องจากมีภาวะขาดความเคารพในตนเอง (Low-self Esteem) ทำให้พวกเขาต้องการความสนใจ ความรัก และต้องการถูกมองว่าเป็นคนสำคัญในสายตาคนอื่น
วิธีการที่ดีที่สุดในการเยียวยาปัญหาทางความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นจาก Love Bombing คือการพูดคุยอย่างตรงไปตรงมาถึงเจตนาและขอบเขตของความสัมพันธ์ เพื่อสังเกตว่าผู้ที่มีพฤติกรรมแบบ Love Bombing จะสามารถเข้าใจ แก้ไข และปรับปรุงตัวเองได้หรือไม่ ถ้าการพูดคุยในครั้งนั้นเป็นไปในทิศทางที่ดี การประคับประคองความรักให้ผ่านพ้นช่วงวิกฤตไปได้ก็เป็นเรื่องสำคัญ แต่หากการพูดคุยไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้น กลับแย่ลงกว่าเดิมด้วยซ้ำ การพิจารณาจบความสัมพันธ์อย่างเข้าอกเข้าใจกันก็เป็นเรื่องที่สำคัญกว่า
อย่างไรก็ตามมีผู้คนอีกมากมายที่ต้องการเข้าหาคุณด้วยทั้งเจตนาดีและร้าย อย่าปล่อยให้อารมณ์ความรู้สึกเบี่ยงเบนเหตุผลในการพิจารณาบุคคลที่จะเข้ามาในชีวิต เพราะเราไม่รู้เลยว่า การถูกทำร้ายจิตใจแต่ละครั้ง ฝากบาดแผลแบบไหนเอาไว้บ้าง จดจำไว้ว่าบางครั้งความเจ็บปวดก็เป็นเพียงความเจ็บปวด มันไม่ได้สั่งสอน บอกกล่าว หรือเป็นบทเรียนอะไร นอกจากทำให้เรา ‘เจ็บ’ เพียงเท่านั้น
ที่มา
https://health.clevelandclinic.org/love-bombing
https://www.medparkhospital.com/lifestyles/love-bombing
Tags: ความรัก, ความสัมพันธ์, Wisdom, Love Bombing, หลอกให้รัก