ในช่วงหลายปีที่ผ่านมามีการพูดถึงคำศัพท์ทางจิตวิทยาที่ใช้อธิบายบุคลิกภาพและลักษณะของผู้คนมากขึ้น ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะการตระหนักเห็นถึงความสำคัญของความป่วยไข้ทางใจ ที่นับวันยิ่งเป็นปัญหาที่ทวีความรุนแรงและไม่ควรมองข้าม ซึ่งหนึ่งในคำที่ถูกพูดถึงมากที่สุดคงหนีไม่พ้นคำว่า ‘Empathy’ หรือความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น ที่นักจิตวิทยาและผู้เชี่ยวชาญด้านการสื่อสารหลายคนมองว่า เป็นกลไกสำคัญในการอยู่ร่วมกันในสังคม เพราะความเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน จะช่วยให้มนุษย์เข้าใจมุมมองและคำนึงถึงความรู้สึกของผู้อื่นมากขึ้น
ด้วยเหตุนี้ Empathy จึงมักถูกนำไปบรรจุไว้ในหลักการการทำงานร่วมกันอย่างมีความสุข แน่นอนว่า การแก้ไขปัญหาด้วยการเข้าอกเข้าใจและรับฟังผู้อื่น ดูเหมือนจะเป็นวิธีที่สวยหรูและประนีประนอม แต่ประเด็นมันอยู่ตรงที่มนุษย์ดันเป็นสิ่งมีชีวิตที่ซับซ้อนและยากแท้หยั่งถึง เพราะในความเป็นจริงแล้วยังมีบุคลิกภาพแบบ Dark Empath ซึ่งเป็นขั้วตรงข้ามของ Empathy ที่บางคนอาจแยกไม่ออก
บทความในเว็บไซต์ BetterUp ที่เขียนโดย ดร.มาริโซล คาเปลลัน (Dr. Marisol Capellan) ผู้เชี่ยวชาญด้านกิจกรรมและพฤติกรรมองค์กร เขียนอธิบายลักษณะบุคลิกภาพแบบ Dark Empath ไว้ว่า เป็นลักษณะของบุคคลที่ดูมีความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น แต่กลับใช้ความไว้วางใจที่ได้รับ แสวงหาประโยชน์ส่วนตนและบงการผู้อื่น พวกเขามักแสร้งทำเป็นเข้าใจและรับฟังคนรอบข้าง แต่ไม่ได้รู้สึกมีอารมณ์ร่วมหรืออยากช่วยเหลือจริงๆ ซึ่งหลายครั้งพวกเขารู้ว่า สิ่งที่กำลังทำเป็นเรื่องที่ผิดแต่ยังคงทำต่อไป เพื่อความได้เปรียบและผลประโยชน์ของตนเอง
หากใครนึกภาพไม่ออกว่าลักษณะคนแบบ Dark Empath เป็นอย่างไร ให้นึกถึงตัวละครเออร์ซูลา (Ursula) ในแอนิเมชันเรื่อง The Little Mermaid เงือกน้อยผจญภัย (1989) แม่มดกอเทล (Gothel) จากแอนิเมชันเรื่อง Tangled ราพันเซล เจ้าหญิงผมยาวกับโจรซ่าจอมแสบ (2010) หรือแม่กระทั่งแม่มดแปลงกายในเรื่องสโนว์ไวต์ (Snow White) เนื่องจากจุดร่วมของตัวละครเหล่านี้คือ การสร้างความไว้ใจให้กับคนที่กำลังมีปัญหาหรือรู้สึกอ่อนไหว จากนั้นล่อลวงพวกเขาให้ติดกับหรือทำในสิ่งที่พวกมันต้องการ โดยใช้คำพูดหว่านล้อมด้วยเล่ห์ร้าย ซึ่งถึงแม้ในชีวิตจริงจะไม่มีการร่ายมนตร์จากแม่มดเหมือนในนิยาย แต่กลุ่มคนแบบ Dark Empath นั้นอยู่รอบตัวเรา
ในงานวิจัย The Dark Empath: Characterising dark traits in the presence of empathy ที่เผยแพร่ในปี 2021 โดยทำการสำรวจสภาวะทางอารมณ์และความคิดของอาสาสมัครจำนวน 991 คน เพื่อแยกแยะบุคลิกภาพที่มีความผิดปกติ พบว่า ในบรรดาอาสาสมัครทั้งหมดมีคนลักษณะแบบ Dark Empath สูงถึง 19.3% โดยผู้ชายมีแนวโน้มอยู่ในกลุ่ม Dark Empath มากกว่าผู้หญิง โดยพวกเขามีความฉลาดทางอารมณ์ในระดับดีเยี่ยม แต่ค่อนข้างวิตกกังวลมากกว่าคนกลุ่มอื่น ถึงแม้กลุ่มคนแบบ Dark Empath จะไม่แสดงท่าทีก้าวร้าวเมื่อเทียบกับกลุ่มคนที่มีบุคลิกภาพผิดปกติทั่วไป แต่ Dark Empath มักมีความคิดที่เป็นอันตรายและชอบสร้างความรู้สึกผิดให้กับผู้อื่น
ในส่วนของสาเหตุการเกิดบุคลิกภาพแบบ Dark Empath นั้นยังไม่ได้รับการพิสูจน์ทราบโดยแน่ชัด แต่นักวิจัยเชื่อว่า อาจเกิดจากปัจจัยด้านพันธุกรรมที่ส่งต่อกันมาจากบรรพบุรุษ หรือปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อมในวัยเด็กที่บีบคั้นให้ความคิดของพวกเขามีความผิดปกติ คล้ายกับสาเหตุของโรคความผิดปกติทางบุคลิกภาพอื่นๆ ซึ่งงานวิจัย Why Machiavellianism Matters in Childhood: The Relationship Between Children’s Machiavellian Traits and Their Peer Interactions in a Natural Setting ในปี 2015 ระบุว่า สิ่งแวดล้อมในวัยเด็กมีผลต่อการเจริญเติบโตทางความคิด หากเด็กถูกเลี้ยงดูโดยใช้เล่ห์เหลี่ยมและการโกหก มีแนวโน้มที่พวกเขาจะเติบโตมาด้วยลักษณะนิสัยในแบบเดียวกัน
ถ้าเจอคนแบบ Dark Empath ขึ้นมาจริงๆ จะรับมืออย่างไร
หากสงสัยว่า ในบรรดาคนใกล้ชิดมีนิสัยแบบ Dark Empath หรือไม่ สิ่งที่ต้องทำคือ กำหนดขอบเขตระหว่างเรากับเขาให้ชัดเจน พยายามรักษาระยะห่างเอาไว้ในระดับที่เหมาะสม ไม่ปล่อยให้เขาล้ำเส้นเข้ามากเกินไป ขณะที่ตัวเราเองต้องไม่ถลำลึกไปกับเขาด้วย อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญที่สุดคือ พยายามยืนหยัดและเข้าใจตัวเองให้ได้ เพราะถ้าเราสามารถพึ่งพาตัวเองได้ก็ ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องไปพึ่งพาคนอื่นมากขนาดนั้น หาเวลาอยู่กับตัวเองให้มาก เพื่อรักษาความสมดุลและความมั่นคงทางอารมณ์ จริงอยู่ที่บางปัญหาเราไม่สามารถผ่านมันไปได้ด้วยตัวคนเดียว แต่บางครั้งเราต้องเรียนรู้ที่จะดำรงอยู่ด้วยความเด็ดเดี่ยวบ้าง
ที่มา:
– https://www.betterup.com/blog/dark-empath
– https://www.sciencedirect.com/science/article/abs/pii/S0191886920303615
– https://www.mentalhealth.com/library/what-is-dark-empath
Tags: ความเห็นอกเห็นใจ, Dark Empath, ผู้บงการ, จิตวิทยา, Psychology, Knowledge and Wisdom, Wisdom