ความทันสมัยในกรุงริยาดแตกต่างจากเมืองหลวงอื่นๆ ของประเทศในโลกตะวันตก และความแตกต่างนั้นเป็นความตั้งใจของ ‘ผู้บริหารความทันสมัย‘ ในซาอุดิอาระเบีย

โมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน อัล-ซาอูด (Mohammed bin Salman al-Saud) มกุฎราชกุมารพระองค์ใหม่ ได้รับการสถาปนาโดยกษัตริย์ซัลมานแห่งซาอุดิอาระเบียเมื่อช่วงกลางปีที่ผ่านมา อีกทั้งยังทรงได้รับมอบหมายหน้าที่รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม ดูแลด้านการลงทุนทั้งหมดของซาอุดิอาระเบียในประเทศเยเมน ดูแลกิจการน้ำมันอารามโค (Aramco) ที่เป็นของรัฐ และล่าสุด เข้ามาดูแลงานด้านเศรษฐกิจและการพัฒนาเพื่อรังสรรค์ความทันสมัยให้กับประเทศด้วย

จุดเปลี่ยนของซาอุดิอาระเบียไม่ได้เกิดขึ้นโดยความสมัครใจ หากแต่เกิดจากราคาน้ำมันตกต่ำ และสงครามราคาแพงในเยเมน ส่งผลให้เกิดวิกฤตการเงินในประเทศ

โมฮัมเหม็ด บิน ซัลมานต้องว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษาจากตะวันตกเพื่อร่วมคิดร่วมปั้น Vision 2030 อันเป็นนโยบายหนึ่งของการพัฒนาซาอุดิอาระเบียไปสู่ยุคสมัยใหม่ โดยคาดหวังให้นโยบายนี้จะทำให้ประเทศเป็นอิสระจากน้ำมัน สร้างเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ รวมทั้งสร้างงานใหม่ๆ เนื่องจากกว่าครึ่งหนึ่งของจำนวนประชากรเป็นคนวัยต่ำกว่า 25 ปี ทุกปีมีคนรุ่นใหม่ราว 300,000 คนมุ่งเข้าตลาดแรงงาน ในจำนวนนั้นส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง

‘นิอุม’ (Neom) เป็นบันไดขั้นแรกของโปรเจ็กต์ใหญ่ยักษ์ และเป็นแกนหลักในนโยบาย Vision 2030 ที่มกุฎราชกุมารโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมานเพิ่งเปิดตัวด้วยผังงานก่อสร้างเมืองใหม่ ซึ่งใช้อาณาบริเวณรวมกันสามประเทศ เป็นพื้นที่ 26,500 ตารางกิโลเมตรทางตะวันตกเฉียงเหนือของซาอุดิอาระเบีย ครอบคลุมพื้นที่ไปถึงอียิปต์และจอร์แดน มีทะเลทราย ภูเขา ทะเลแดง และมีความยาวตลอดแนวชายฝั่ง 465 กิโลเมตร ใช้งบลงทุนก่อสร้างราว 5 แสนล้านดอลลาร์

‘นิอุม’ เป็นคำผสม อักษร 3 ตัวแรกคือ neo ที่แปลว่า ใหม่ ส่วน m อักษรตัวที่ 4 เป็นอักษรตัวแรกของ mustaqbal (مستقبل) ในภาษาอาหรับแปลว่า อนาคต
เมืองอนาคตแห่งใหม่ ไฮเทค เป็นเขตปกครองพิเศษ ประกอบไปด้วยเขตอุตสาหกรรมดิจิทัลที่ทุกสิ่งอย่างควบคุมด้วยระบบคอมพิวเตอร์และหุ่นยนต์ พลังงานที่ใช้ในเมืองผลิตจากลมและแสงอาทิตย์ การเงินและการลงทุนทั้งหมดมาจากกองคลังของประเทศ (หลักๆ จากธุรกิจน้ำมัน) นักลงทุนจากภาคเอกชนทั้งในและต่างประเทศ

“เราจะกลับไปยังจุดที่เราเคยเป็น คืออิสลามสายกลางที่เปิดกว้างต่อโลกและทุกศาสนา ซึ่งจะเป็นหัวใจหลักที่จะนำพาซาอุดิอาระเบียไปสู่ความเป็นสมัยใหม่” – โมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน อัล-ซาอูด

ที่น่าสนใจเป็นพิเศษในแง่การเมืองของนิอุม คือ พื้นที่เกาะในจำนวนกว่า 50 เกาะที่จะถูกใช้เป็นแหล่งดึงดูดนักท่องเที่ยวในอนาคตนั้น มีเกาะติรานและซานาฟีร์ ตั้งอยู่บริเวณทางเข้าอ่าวอะกาบา ที่อียิปต์ได้รับสิทธิ์ถือครองจากซาอุดิอาระเบียตั้งแต่ปี 1950 เพื่อปิดกั้นอิสราเอลไม่ให้เข้าถึงทะเลแดง เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา รัฐบาลในกรุงไคโรได้ส่งมอบเกาะทั้ง 2 คืนให้กับซาอุดิอาระเบียแล้ว ส่วนหนึ่งของโปรเจ็กต์นี้รวมถึงสะพานที่จะสร้างข้ามทะเลแดง ผ่านเกาะติราน ไปยังอียิปต์ สะพานนี้เป็นเสมือนตัวเชื่อมเอเชียและแอฟริกาเข้าด้วยกัน

นอกจากนั้น ทางตอนเหนือของคาบสมุทรไซนายยังจะถูกเชื่อมกันด้วยเขตการค้าเสรีระหว่างอียิปต์และซาอุดิอาระเบียของนิอุม ที่ตราบถึงปัจจุบัน ในพื้นที่แถบนั้นยังมีอิทธิพลของกลุ่มไอเอส (Islamic State) แผ่กระจายอยู่

โปรเจ็กต์จากจินตนาการของเจ้าชายกลายเป็นรูปเป็นร่าง มีผังงานชัดเจน มีการก่อสร้าง มีการลงทุน รวมถึงมีคลิปโฆษณา

 

แต่คำถามยังเปิดกว้างอยู่ว่า จะมีใครบ้างที่จะอยากไปใช้ชีวิตทันสมัยสมบูรณ์แบบในนิอุม ที่ซึ่งมีกฎหมายและการเรียกเก็บภาษีแบบพิเศษ โมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน ยังทรงให้สัมภาษณ์กับบลูมเบิร์กเพิ่มเติม และชัดเจนด้วยว่า นิอุมจะเป็นเมืองซึ่งปลอดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

ในด้านการลงทุนจากภาคเอกชนต่างๆ ก็ยังต้องรอลุ้นอยู่เช่นกันว่า บริษัทไหนจะเข้าร่วมเพื่อเติมเต็มโปรเจ็กต์ให้เป็นจริง เท่าที่มีการเปิดเผย ตอนนี้มีนักธุรกิจชาวบริติช ริชาร์ด แบรนสัน (Richard Branson) ผู้ก่อตั้งเวอร์จินกรุ๊ปที่รับปากมั่นเหมาะ ส่วนที่ยังอยู่ในระหว่างการเจรจา ได้แก่ แอมะซอนจากสหรัฐ และอาลีบาบาจากจีน

และที่เป็นคำถามสำคัญกว่าอย่างอื่นทั้งหมดก็คือ เงินรายได้จากบริษัทน้ำมันอารามโค (Aramco) ของรัฐนั้นมากพอที่จะหล่อเลี้ยงโปรเจ็กต์ในฝันให้กลายเป็นจริงได้หรือไม่

“เราจะกลับไปยังจุดที่เราเคยเป็น คืออิสลามสายกลางที่เปิดกว้างต่อโลกและทุกศาสนา ซึ่งจะเป็นหัวใจหลักที่จะนำพาซาอุดิอาระเบียไปสู่ความเป็นสมัยใหม่” มกุฎราชกุมารเจ้าของไอเดีย Vision 2030 ทรงตรัสกับสื่อจากบลูมเบิร์ก

ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา มีการปฏิรูปเกิดขึ้นในซาอุดิอาระเบีย เช่น ในปี 2015 มีการให้สิทธิผู้หญิงในการเลือกตั้งสมาชิกสภาหมู่บ้าน ในเดือนพฤษภาคมปีนี้ กษัตริย์ซัลมานทรงเปิดศูนย์ต่อต้านความรุนแรงในกรุงริยาด ระหว่างการเดินทางไปเยือนของประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา-โดนัลด์ ทรัมป์

และนับตั้งแต่โมฮัมเหม็ด บิน ซัลมานทรงได้รับการสถาปนาเป็นมกุฎราชกุมารเมื่อเดือนมิถุนายน ความเปลี่ยนแปลงหลายอย่างได้เกิดขึ้น ภายหลังข่าวการแถลงนโยบาย Vision 2030 ของพระองค์ด้วย อาทิ

  • ในเดือนกรกฎาคม เป็นครั้งแรกที่หนังสือการ์ตูนของซาอุดิอาระเบียมีซูเปอร์ฮีโร่เป็นเพศหญิง
  • ในเดือนกันยายน ซาอุดิอาระเบีย-ประเทศสุดท้ายของโลก-อนุญาตให้ผู้หญิงขับรถได้
  • 23 กันยายน 2017 ทางการอนุญาตให้ผู้หญิงเข้าร่วมฉลองวันชาติภายในสนามกีฬาของกรุงริยาดได้ และในช่วงต้นปีหน้าเป็นต้นไป จะเปิดให้ประชาชนเข้าชมเกมการแข่งขันกีฬาได้ ‘ทั้งครอบครัว’ หมายถึงมีผู้หญิงรวมอยู่ด้วย โดยอนุญาตในสนามกีฬาหลักของสามเมืองใหญ่ คือ กรุงริยาด นครเจดดาห์ และเมืองดัมมาม ซึ่งก่อนหน้านี้ สนามกีฬาทั่วประเทศจัดเป็นสถานที่เฉพาะสำหรับผู้ชายเท่านั้น

ทว่านอกเหนือจากนั้น ผู้หญิงทั่วไปในซาอุดิอาระเบียยังใช้ชีวิตภายใต้กฎระเบียบที่เข้มงวดตามแนวทางวะฮาบีย์ของนิกายซุนนีเช่นเดิม ที่ต้องสวมเครื่องแต่งกายปิดคลุมร่างกายอย่างมิดชิดทุกส่วน ต้องไม่พูดคุยคบหากับชายที่ไม่ใช่ญาติ ต้องมีผู้ปกครองที่เป็นชายคอยเฝ้าระวังทุกครั้งเมื่อเดินทาง และต้องได้รับอนุญาตจากผู้ปกครองเป็นลายลักษณ์อักษรก่อนจะเดินทางไปไหนมาไหนตามลำพัง

ตราบถึงตอนนี้ โมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน ยังทรงไม่ตัดสินใจแน่ชัดว่าจะมีวิธีปราบปรามกลุ่มหัวรุนแรงทางศาสนาอย่างไร พระองค์เคยตรัสอย่างคลุมเครือว่า ประเทศของพระองค์เคยแตกต่างกว่านี้ เมื่อก่อนปี 1979 ปีที่อิสลามชีอะห์หัวรุนแรงบุกยึดมัสยิดใหญ่ในนครมักกะห์ จนนำไปสู่การปิดล้อมและมีผู้เสียชีวิตนับร้อยคน ความรุนแรงครั้งนั้นคือจุดเริ่มของขบวนการก่อการร้ายในซาอุดิอาระเบีย

เหตุการณ์ในปี 1979 ถูกโยงไปถึงอิหร่าน ประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งต่อมาทั้งสองประเทศนี้กลายเป็นศัตรู พร้อมจะฆ่าฟันกันด้วยความเกลียดชัง และส่งผลให้ผู้ครองอำนาจในริยาดกดดันไปถึงอิสลามชีอะห์ ซึ่งมีอยู่ราว 15 เปอร์เซ็นต์ของจำนวนประชากรทั้งหมด และส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ใกล้บ่อน้ำมันทางฟากตะวันออก อิสลามชีอะห์ในซาอุดิอาระเบียราว 2 ล้านคนได้รับการปฏิบัติแตกต่างจากอิสลามซุนนีที่เป็นชนกลุ่มใหญ่ของประเทศ

ซาอุดิอาระเบียในอนาคต อาจจะปราศจากความขัดแย้งหรือความรุนแรงในสังคม ภาพลักษณ์ของอิสลามชีอะห์ หรืออิสลามฝ่ายเสรีนิยมอาจถูกมองด้วยสายตาที่แตกต่างไปจากเดิม

ถึงวันนั้น Vision 2030 ก็จะเผยให้เห็นเป็นภาพเหมือนฝัน ที่มีเมืองไฮเทครองรับโลกอนาคต และผู้คนสุขสงบตามวิถีของสังคมอิสลามสายกลาง

 

FACT BOX:

  • มกุฎราชกุมารโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน วัย 32 พรรษา ทรงสำเร็จการศึกษาด้านกฎหมายจากมหาวิทยาลัยคิงซาอูด และทรงประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานอย่างรวดเร็ว ปี 2009 ระหว่างยังทรงเป็นผู้ว่าราชการกรุงริยาด กษัตริย์ซัลมานผู้เป็นพระบิดาทรงแต่งตั้งพระองค์เป็นที่ปรึกษาพิเศษ ปี 2014 ทรงได้รับตำแหน่งประธานหอการค้าและหน่วยพัฒนาเศรษฐกิจประเทศทะเลทราย และทรงมีอำนาจควบคุมดูแลกิจการบริษัทน้ำมันอารามโค
  • พระองค์ทรงอภิเษกสมรสแล้ว มีรัชทายาทเป็นพระธิดา 2 พระองค์ พระโอรส 2 พระองค์ และทรงใช้ชีวิตคู่แตกต่างจากชายทั่วไปในซาอุดิอาระเบีย นั่นคือ ทรงมีพระชายาเพียงองค์เดียว

 

ภาพประกอบโดย กรมัยพล สิริมงคลรุจิกุล

Tags: , , , ,