นับตั้งแต่เข้าสู่เดือนมีนาคมก็เท่ากับทั้งโลกก้าวเข้าสู่พายุใหญ่ที่มีชื่อว่า ‘โควิด-19’ อย่างเป็นทางการและดูเหมือนวิกฤตครั้งนี้ไม่มีทีท่าจะสิ้นสุดในเวลาอันใกล้ พร้อมทั้งส่งผลกระทบลามไปไม่สิ้นสุดในระดับที่ อันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการองค์การสหประชาชาติ เตือนว่า “โลกกำลังเผชิญกับวิกฤตที่ท้าทายที่สุดนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่สอง”
เลขาธิการองค์การสหประชาชาติ อธิบายว่า “ทั่วโลกจะต้องเผชิญหน้ากับการคุกคามของโรคระบาดที่จะนำมาซึ่งภาวะเศรษฐกิจถดถอย และเมื่อโรครวมเข้ากับผลกระทบทางเศรษฐกิจจะก่อให้เกิดความไม่มั่นคง ความไม่สงบ และความขัดแย้งที่เพิ่มขึ้น”
โดยรายงานจากองค์การสหประชาชาติยังอ้างข้อมูลจากองค์การแรงงานระหว่างประเทศที่คาดว่าในปี 2563 จะมีคนตกงานระหว่าง 5-25 ล้านตำแหน่ง และจะมีการสูญเสียรายได้ราว 860 ล้านเหรียญสหรัฐถึง 3.4 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ นอกจากนั้น องค์กรการค้าและการพัฒนาแห่งสหประชาชาติยังชี้ว่าอาจจะมีแรงกดดันขาลงสูงสุดถึง 40% ต่อการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ
เขาจึงเรียกร้องให้ทั่วโลกยกระดับการตอบสนองต่อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่และผลกระทบทางสังคมและเศรษฐกิจให้แข็งแกร่งและมีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น พร้อมเน้นย้ำว่าสิ่งนี้สามารถเป็นไปได้ “ถ้าทุกคนร่วมกัน ลืมเกมการเมือง และเข้าใจว่ามนุษย์กำลังอยู่ในความเสี่ยง”
“เรากำลังเผชิญวิกฤตสุขภาพระดับโลกที่แตกต่างจากในหน้าประวัติศาสตร์ 75 ปีของสหประชาชาติ เพราะนอกจากมันจะฆ่าคน กระจายความทุกข์ทรมาน และเปลี่ยนแปลงชีวิตของผู้คนแล้ว โควิด-19 กำลังโจมตีเข้าที่แก่นหลักของสังคม”
พร้อมอธิบายว่าการตอบสนองต่อโควิด-19 ที่มีประสิทธิภาพจะต้องมีขนาดเท่ากับวิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้นและพวกเราทั้งหมดยังอยู่ห่างไกลจุดที่ควรทำเพื่อต่อสู้กับเหตุการณ์นี้ ตอนนี้ยังมีอีกหลายประเทศที่ไม่ปฏิบัติตามแนวทางขององค์การอนามัยโลก (WHO) และเลือกแนวทางในการบริหารจัดการเอง แต่ทั่วทั้งโลกต้องรู้ว่าในโลกที่เชื่อมโยงกันนี้ เรากำลังเชื่อมต่อกับระบบสาธารณสุขที่อ่อนแอที่สุดของโลกอยู่เช่นกัน
ในประการต่อมา เขายังย้ำว่าโลกยังขาดจากแพ็คเกจช่วยเหลือระดับนานาชาติที่เพียงพอ สำหรับช่วยประเทศกำลังพัฒนาในการปราบปรามโรคและแก้ไขผลกระทบทางเศรษฐกิจที่นำมาสู่การตกงาน การล้มลงของบริษัทขนาดเล็ก และคนนอกระบบเศรษฐกิจที่ไร้โอกาสเอาชีวิตรอด โดยเงินที่มีอยู่ในขณะนี้มีเพียง 5.5 ล้านล้านเหรียญสหรัฐและส่วนใหญ่มาจากประเทศที่พัฒนาแล้ว
เลขาธิการสหประชาชาติจึงประกาศจัดตั้งกองทุนตอบสนองและฟื้นฟูผลกระทบจากโควิด-19 (a COVID-19 Response and Recovery Fund) เพื่อให้ประเทศรายได้ต่ำและรายได้ปานกลางสามารถรับมือกับวิกฤตได้อย่างรวดเร็ว โดยเขาหวังว่าจะมีการตอบรับอย่างดีจากประชาคมระหว่างประเทศในการช่วยเหลือผู้อ่อนแอ ผู้ลี้ภัย ผู้พลัดถิ่น และคนยากจนในประเทศรายได้ปานกลางและรายได้น้อย
ทั้งหวังว่าประเทศพัฒนาแล้วจะเพิ่มโอกาสให้ประเทศกำลังพัฒนาผ่านการขยายขีดความสามารถของ IMF ซึ่งจะนำไปสู่การอัดฉีดเงินให้ประเทศต่างๆ ผ่านทางสถาบันการเงิน และกล่าวว่าไอเดียนี้ได้รับการสนับสนุนจาก แอมานุแอล มาครง (Emmanuel Macron) ประธานาธิบดีฝรั่งเศส วลาดีมีร์ ปูติน (Vladimir Putin) ประธานาธิบดีรัสเซีย และ อังเกลา แมร์เคิล (Angela Merkel) นายกรัฐมนตรีเยอรมนี ในการประชุม G20 ครั้งที่ผ่านมา เพื่อช่วยเหลือแอฟริกาที่กำลังจะประสบปัญหาใหญ่หลวงถ้าต้องเผชิญกับโควิด-19
ที่มา
https://abcnews.go.com/US/wireStory/chief-covid-19-worst-crisis-world-war-ii-69905340
https://www.bbc.com/news/world-52114829
ภาพ: REUTERS/Mohammed Salem
Tags: โควิด-19