สีม่วง Ultra Violet สีประจำปี 2018 ที่ประกาศโดยบริษัท Pantone เป็นสีที่ขมวดรวมภาพสะท้อนของสังคมในปีนี้ แสดงถึงความซับซ้อน ลึกซึ้ง ลึกลับน่าค้นหา ซึ่งในปีนี้ จะเป็นปีที่ทัศนคติของผู้คนต่างใฝ่หาจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ ต้องการสิ่งใหม่ๆ ทั้งเรื่องเทคโนโลยี วิทยาการต่างๆ ไปจนถึงการแสดงออกผ่านงานศิลป์ และพัฒนาจิตวิญญาณ

ดีไซเนอร์เสื้อผ้าหลากหลายแบรนด์ต่างทยอยนำสีม่วง Ultra Violet มาเฉิดฉายบนรันเวย์ และเตรียมครองตลาดในช่วง A/W 2018 นี้ หลังจากที่ไตรมาศแรกของปีเป็นพื้นที่ของสีสดแม่สีอย่างแดง น้ำเงิน และเหลือง และในอีกไม่กี่อึดใจ เราก็คงจะได้เห็น Ultra Violet เข้ามาครอบครองพื้นที่บนราวแขวนเสื้อทีละนิด

เทรนด์สีอาจไม่ได้ครอบคลุมอยู่แค่ภายในแวดวงแฟชั่นและอุตสาหกรรมเท่านั้น แต่อาจมีอิทธิพลคาบเกี่ยวกับอาหารอีกด้วย แม้อาจจะไม่ได้ระบุอย่างแน่ชัดว่าสีแห่งปีเกี่ยวข้องกับเทรนด์สีของอาหาร แต่เราก็น่าจะพอเห็นภาพอยู่บ้างว่า สีสันของอาหารและขนมในท้องตลาดก็นิยมทำตามกันเป็นทอดๆ เช่นยุคหนึ่งที่ทุกร้านเต็มไปด้วยสีแดงของเค้กเรด เวลเว็ต และในช่วงเวลาที่นิยมอาหารและขนมสีรุ้งและพาสเทล หรือสีที่ไม่เคยหนีไปจากอาหารก็คือโทนสีเหลือง ที่พิสูจน์กันแล้วว่าช่วยทำให้เจริญอาหาร แต่สีฟ้ากลับไม่เป็นที่นิยมเพราะทำให้อาหารดูไม่อร่อย

สีม่วงทำให้อาหารน่าไลก์

ในปี 2017 ที่ผ่านมา เริ่มเห็นชัดว่าสีม่วงเข้ามามีบทบาทในอาหารเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นสีม่วงจากเผือก มันม่วง บีทรูท และอื่นๆ ที่นำสีม่วงมาเป็นส่วนประกอบของจานอาหารและขนมหวาน สิ่งเหล่านี้อาจไม่ได้ชี้นำทัศนคติทางการเมืองหรือความมุ่งหวังทางอุตสาหกรรมสักเท่าไร แต่สิ่งที่สีม่วงเข้ามาเป็นเทรนด์ในช่วงปี 2017 และยังคงต่อเนื่องมาจนถึงปี 2018 ก็คือภาพสะท้อนของสังคม พฤติกรรมของผู้บริโภค ที่คาบเกี่ยวไปยังพัฒนาการทางเทคโนโลยีอีกด้วย

สีม่วงเป็นสีที่มักใช้แทนสิ่งที่ดูผิดแปลก ประหลาด ลึกลับน่าค้นหา ส่งเสริมจินตนาการ และยังเป็นสีที่โดดเด่นบนจานอาหาร โดยส่วนตัวแล้ว ผู้เขียนคิดว่าสีม่วงคือสีที่ทำให้อาหารบนจานนั้นดูสะดุดตากว่า เมื่อเทียบสีสดสีอื่นๆ

สีม่วงเป็นได้ทั้งสีโทนร้อนและเย็น สามารถเข้ากันกับผักหลากสี ทั้งเขียว ส้ม และแดงได้ รวมถึงยังเป็นสีคู่ตรงข้ามของสีเหลือง ที่เป็นสีส่วนมากของอาหารประเภทแป้งและขนม อีกทั้งยังเป็นสีที่เห็นไม่บ่อย เพราะวัตถุดิบที่มีสีม่วงก็มีสัดส่วนน้อยกว่าวัตถุดิบจากธรรมชาติสีอื่นๆ ทำให้เมื่อนำสีม่วงมาใช้บนจานอาหารก็ดึงดูดสายตาผู้คนได้เป็นอย่างดี

ความเด่นดึงดูดตาของสีม่วงบนจานอาหาร จึงเกี่ยวข้องกับพฤติกรรมบนโลกโซเชียลของผู้คนในยุคนี้ที่อยากจะแชร์สิ่งต่างๆ บนโซเชียลมีเดียให้เพื่อนๆ ได้รับรู้ และกลายเป็นหนึ่งในพิธีกรรมบนโต๊ะอาหารเสียแล้ว ที่ทุกคนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายภาพอาหารก่อนจะลงมือกิน บางครั้งใช้เวลาถ่ายรูปนานกว่ากินอาหารจานนั้นเสียอีก

ความต้องการที่จะให้รูปของตัวเองเด่นออกมาจากรูปมากมายมหาศาลบนฟีด เรียกความสนใจจากเพื่อนฝูงและบุคคลอื่นๆ สีม่วงซึ่งเป็นสีสดสะดุดตา ก็เป็นสีที่ทำให้หน้าตาของอาหารดูคมชัดมากที่สุด ผู้เขียนก็ถูกดึงดูดด้วยสีม่วงอยู่หลายครั้ง ไม่ว่าจะกาแฟฟิวชั่นกับมันม่วง ชานมเผือก หรือซอสบีทรูทบดที่วางตกแต่งอยู่บนครัวซองไข่เบเนดิกต์ เพราะมันดูประหลาดแปลกตา เห็นไม่บ่อย และเมื่อถ่ายภาพอัพขึ้นบนโซเชียลมีเดียก็ต้องยอมรับว่าออกมาได้งดงามโดดเด่นจริงๆ

สีม่วง เทรนด์ของคนรักสุขภาพ

ปัจจัยนอกเหนือจากพฤติกรรมการชอบแชร์บนโซเชียลมีเดีย ก็คือเทรนด์เรื่องสุขภาพ เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า พืชผักผลไม้สีม่วงอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ทำให้เราดูเด็กลง ลดการอักเสบ และดีต่อหัวใจ มีงานวิจัยจากหลายแหล่งออกมายืนยันว่า การกินผักผลไม้สีม่วงเป็นประจำช่วยทำให้ระดับความดันปกติ และลดคอเรสเตอรอลตัวร้าย

ผู้คนในยุคนี้หันมาสนใจสุขภาพมากขึ้น ใส่ใจอาหารการกินมากขึ้น อาหารที่กินจึงไม่ใช่แค่หน้าตาสวยแต่ต้องมีประโยชน์ด้วย (ซึ่งสีม่วงทำหน้าตาอาหารดูสวย ทำให้รู้สึกอร่อยมากขึ้น) แม้ว่าจะไม่รู้ตัวหรือไม่ได้ตั้งใจ แต่สีเหลืองในจานอาหารกลับเป็นสีที่ทำให้นึกถึงความอ้วน ความมัน อย่างอาหารจำพวกของชุบแป้งทอด มันฝรั่งทอด ที่พวกเราล้วนรู้ดีว่าส่งผลต่อสุขภาพแค่ไหน ผู้คนกำลังพยายามหลีกหนีออกจากสีโทนเหลืองเบจบนจานอาหาร และการที่เห็นปริมาณของสีเหลืองน้อยลง และมีสีม่วงหรือผักสีสดที่มากขึ้น ทำให้ผู้บริโภครู้สึกสุขภาพดีขึ้น

ผู้เขียนจำได้ว่าในวัยเด็ก ผักสีม่วงที่เคยเห็นก็คงไม่พ้นกะหล่ำสีม่วง มะเขือม่วง และเผือก ซึ่งกินแล้วไม่อร่อยสุดๆ แต่เมื่อโตขึ้น การนำเข้าผักจากต่างประเทศ ทั้งประเทศใกล้เคียงอย่างญี่ปุ่น ที่ทำให้เมนูมันม่วงเกิดขึ้นมามากมายราวกับดอกเห็ด ไม่ว่าจะเป็นพายมันม่วง เครื่องดื่มมันม่วง หรือแม้แต่มันม่วงเผาเฉยๆ ก็ตาม หรือจากฝั่งตะวันตก อย่างเช่นผลไม้จำพวกเบอร์รี่ และบีทรูท ทำให้เรารับเมนูใหม่ๆ เข้ามา ซึ่งอร่อยและมีความหลากหลาย กินได้ทั้งคาวหวาน อย่างอาหารเช้าที่ใส่บลูเบอร์รี่ หรือของใหม่ที่เป็นที่นิยมอย่างอาซาอิ โบลว์ (Acai bowl) ก็ตาม

ความฮิตของพืชผักผลไม้สีม่วงนี้ยังส่งผลต่อไปยังการวิทยาการทางการเกษตรและเศรษฐกิจ ซูเปอร์มาร์เก็ตใหญ่ในอังกฤษอย่างเวทโทรส (Waitrose) มีข้อมูลว่า ล่าสุด ผักสีม่วงทำยอดขายได้ดี อย่างแครอทสีม่วงก็มียอดขายเพิ่มขึ้นกว่าปีก่อนหน้า 15 เปอร์เซ็นต์ บลูเบอร์รี่ก็กลายมาเป็นผลไม้ที่คนอังกฤษนิยมที่สุดในตอนนี้ เอาชนะสตรอว์เบอร์รี่ที่เคยครองใจคนมาอย่างยาวนาน นอกเหนือจากนั้น ก็ต้องมีการเร่งผลิตผักสีม่วง หรือทำให้ผักมีสีม่วง เพื่อเรียกความสนใจของผู้บริโภคให้มากขึ้นเช่นเดียวกัน

แม้ว่าอาหารประเภทแป้งและของทอด หรืออาหารสีเหลืองจะยังเป็นที่นิยมตลอดกาลแบบหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ก็ต้องยอมรับว่า สีม่วงเข้ามามีบทบาทบนจานอาหารเป็นอย่างมากในช่วงปีที่ผ่านมา ทำนายได้ว่าในปี 2018 นี้ สีม่วงบนจานอาหารก็ยังคงอยู่ แถมยังเป็นเรื่องดีถ้าหากว่าทุกคนจะลองเปลี่ยนมากินอาหารสีม่วงให้มากขึ้น ไม่ใช่แค่เพราะสีอันลึกลับนั้นกระทำกับความรู้สึกของเราซึ่งโหยหาสิ่งแปลกใหม่ และเต็มไปด้วยจินตนาการ แต่เพื่อทางเลือกที่ดีกว่าในการบริโภคอีกด้วย

 

 

อ้างอิง:

Tags: , , , ,