“ผมเป็นคนกลัวคนหน้าอกใหญ่แบบต้องใหญ่มากๆ ก็จินตนาการอีกแหละ กลัวโดนฆ่า ไม่ได้ทะลึ่งหรือลามก คือสมมติเราไปเที่ยวแล้วเราต้องพักกับเขา เผื่อเขาไม่ชอบขี้หน้าเรา หรืออยากได้อะไรจากเรา เอานมมาปิดหน้าเรา เราตายแล้วมันสืบสาเหตุยากนะ ชันสูตรยังไงอะ หลักฐานก็ไม่มี” 

ผ่านไป 1 ปีแล้ว สำหรับกรณีนักแสดงวัยรุ่นชายคนหนึ่งเล่าถึง ‘ความกลัวที่มีต่อผู้หญิงหน้าอกใหญ่’ ผ่านทางรายการออนไลน์ เหตุเพราะกลัวว่าจะโดนฆ่าด้วยหน้าอก จนทำให้บทสนทนาดังกล่าวเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์จำนวนมาก

จากกรณีข้างต้น เจ (นามสมมติ) พยาบาลสาววัย 24 ปี ผู้มีหน้าอกใหญ่จากพันธุกรรม มีความเห็นว่า หากมันเป็นความกลัวของเขาจริงๆ ก็ไม่ใช่เรื่องผิด แต่ถ้านักแสดงคนนั้นพูดเพื่อทำให้รายการสนุก การกระทำดังกล่าวถือเป็นการกระทำที่ใจร้ายต่อผู้หญิงหน้าอกใหญ่ เพราะอยู่ดีๆ พวกเธอก็โดนแปะป้ายว่าอาจจะเป็นฆาตกร เพียงเพราะมีหน้าอกใหญ่

“ถ้าพูดในหลักความเป็นจริง หน้าอกเป็นแค่ก้อนไขมันก้อนหนึ่ง ซึ่งไม่ได้แข็งมากพอจะอุดรูจมูกใครจนทำให้ตายได้ โอกาสที่ผู้ชายจะตายเพราะโดนเอานมปิดหน้า มันเกิดขึ้นได้น้อยมาก แต่ปัญหาที่ผู้หญิงหน้าอกใหญ่โดน Sexual Harassment ด้วยคำพูดของผู้ชาย สามารถเกิดขึ้นได้ทุกวันในชีวิตจริง” คำกล่าวของเจ ผู้หญิงที่มีหน้าอกใหญ่ตามกรรมพันธุ์

ด้าน พันตำรวจโท แพทย์หญิงลักขณา จักกะพาก สูตินรีแพทย์ ประจำโรงพยาบาลตำรวจ กล่าวว่า จำเป็นต้องพิจารณาบริบทและสถานการณ์ในการสื่อสาร รวมทั้งนักแสดงชายคนนั้นพูดถึงประเด็นเรื่องเพศอย่างเหมาะสมหรือไม่ นอกจากนี้ยังไม่สามารถตัดสินได้ว่า เขากลัวผู้หญิงหน้าอกใหญ่จริงไหม เพราะความกลัวแบบนี้อาจเกิดขึ้นได้จริง หากเขามีภาพจำที่ฝังใจในอดีต เช่น เคยได้รับความทุกข์ใจจากการดูหนังโป๊ ซึ่งมีฉากที่นักแสดงหญิงเอาหน้าอกมาทับหน้านักแสดงชาย เพื่อทำให้ออกซิเจนในร่างกายต่ำลง และนำไปสู่การถึงจุดสุดยอด 

อย่างไรก็ตาม แพทย์หญิงลักขณาเผยว่า การฆาตกรรมโดยเอาหน้าอกของผู้หญิงมาปิดหน้าเป็นเรื่องที่ ‘เป็นไปไม่ได้’ และ ‘ไม่สามารถทำได้’ เนื่องจากมนุษย์ทุกคนมีสัญชาตญาณในการเอาตัวรอด อีกทั้ง ‘นมของผู้หญิง’ ไม่ได้เหลวมากพอที่จะเข้าไปอุดในรูจมูก จนอีกฝ่ายขาดอากาศหายใจ และสันจมูกยังแข็งแรงกว่าเต้านมด้วย ดังนั้น ต่อให้โดนผู้หญิงเอานมปิดหน้าก็ยังมีช่องให้หายใจอยู่ดี

ไม่ว่ามันจะเป็นความกลัวของนักแสดงชายคนนั้นจริงๆ หรือไม่ แต่การหยิบยกสรีระของผู้อื่นมาเล่าอย่างตลกขบขันเช่นนี้ เปรียบเสมือน ‘การสร้างบาดแผลให้แก่ผู้หญิงที่มีหน้าอกใหญ่ ผ่านการกล่าวโทษสรีระร่างกายที่พวกเธอเลือกไม่ได้’ เนื่องจากเขาไม่ได้ตระหนักถึงปัญหาความยากลำบากในการใช้ชีวิตของผู้หญิงหน้าอกใหญ่ ทั้งยังทำให้หน้าอกของผู้หญิงกลายเป็นเรื่องตลกหรือสนุก อย่างไรก็ตาม แม้จะมีผู้หญิงบางส่วนเลือกศัลยกรรมเพิ่มขนาดหน้าอก แต่พวกเธอก็ทำเพื่อเพิ่มความมั่นใจให้แก่ตัวเอง ไม่ได้ศัลยกรรมเพื่อเอาหน้าอกไปฆ่าใคร 

หลายคนอาจมองว่าการมีหน้าอกใหญ่เป็นเรื่องที่ดีสำหรับผู้หญิง แต่ซีรีส์ ‘ผู้หญิงถึงทุกคน’ (Women’s Letters) ขอฉายภาพความจริงอีกด้านหนึ่งของผู้หญิงหน้าอกใหญ่ ซึ่งซ่อนความเจ็บปวดที่คนอื่นไม่มีวันเข้าใจ รวมถึงนำเสนอสาเหตุของปัญหา และแนวทางแก้ไขที่จะทำให้สังคมไทยกลายเป็นพื้นที่ปลอดภัยสำหรับผู้หญิงมากยิ่งขึ้น

เสี่ยงโดนคุกคามตั้งแต่เด็ก เพียงเพราะมีหน้าอกใหญ่ นำไปสู่การเกลียดหน้าอกตัวเอง และบาดแผลในใจตลอดกาล

“เราเริ่มถูกคุกคามในช่วงมัธยมต้น เพราะเราเป็นคนหน้าอกใหญ่โดยกำเนิด และหน้าอกใหญ่มาตั้งแต่เด็กๆ ซึ่งตอนนั้นเราโดนกลุ่มรุ่นพี่ผู้ชายแซวว่า อุ๊ย นมเด้งๆ ขณะที่กำลังวิ่งรอบสนามฟุตบอลในวิชาพละ

“เพราะคนหน้าอกใหญ่ เวลาวิ่งเร็วๆ หน้าอกจะเคลื่อนไหวขึ้น-ลง หรือกระเพื่อมไปมาอย่างชัดเจน และที่แย่ที่สุดคือ ผู้ชายกลุ่มนั้นย้ายมานั่งตรงขอบสนามฟุตบอลเพื่อดูเราวิ่ง พร้อมเรียกเพื่อนผู้ชายคนอื่นให้มานั่งดูด้วย เหตุการณ์แบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นแค่ครั้งเดียว แต่เราโดนคุกคามทุกครั้งที่เรียนวิชาพละ ทำให้ตอนนั้นเราไม่อยากเรียนวิชานี้เลย และกังวลทุกครั้งที่จะต้องเรียนวิชานี้ เพราะเราไม่อยากได้รับสายตาและคำพูดเหล่านั้นจากคนอื่น” 

คำกล่าวของเจ ผู้หญิงที่มีหน้าอกใหญ่ตามกรรมพันธุ์

เจเล่าว่า เมื่อเข้าสู่ช่วงวัยมัธยม หน้าอกของเธอก็เริ่มขยายใหญ่ขึ้นอย่างชัดเจน ในขณะที่เพื่อนๆ ส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีหน้าอก การที่คนอื่นมองหรือสนใจหน้าอกของเธอ ทำให้เธอรู้สึกแตกต่างจากเพื่อนผู้หญิงคนอื่น ทั้งๆ ที่ความเป็นจริงแล้ว เธอแค่หน้าอกใหญ่กว่าคนอื่นเท่านั้นเอง

ครั้งหนึ่งเพื่อนผู้ชายเคยนิยามตัวตนและชื่อของเธอด้วยขนาดหน้าอก โดยการเรียกเธอว่า ‘เจนม’ เพราะมีเพื่อนผู้หญิงอีกคนในห้องชื่อเจเหมือนกัน ซึ่งถูกเรียกว่า ‘เจแบน’ ขนาดหน้าอกของเธอกลายเป็นข้อแตกต่างในการแบ่งแยก เหตุการณ์ครั้งนี้เปรียบเสมือนบาดแผลหนึ่งของชีวิต ซึ่งตอกย้ำเหตุการณ์ที่เธอเคยโดนคุกคามในอดีต กลายเป็นปมที่ทำให้เธอไม่กล้าไว้ใจและสนิทกับเพื่อนผู้ชายคนอื่นอีกเลย 

“เราเคยไม่ชอบหน้าอกของตัวเอง เพราะมีขนาดใหญ่เกินตัว ซึ่งนอกจากจะหาเสื้อผ้าใส่ยากแล้ว ยังต้องทนกับสายตาและคำพูดของคนอื่น การมีหน้าอกใหญ่คือปัญหาและความยากลำบากในชีวิต มากกว่าเป็นเรื่องดีหรือความสวยงาม” 

ผลกระทบทางจิตใจที่เกิดขึ้นคือ เธอยังคงรู้สึกไม่สบายใจอยู่ตลอดเวลา ช่วงตอนมัธยมต้น เธอตัดสินใจซื้อเสื้อชั้นในสำหรับทอม เพราะต้องการรัดหน้าอกไม่ให้เคลื่อนไหวเวลาวิ่ง แต่เนื่องด้วยขนาดหน้าอกที่ใหญ่กว่าไซซ์เสื้อชั้นใน ส่งผลให้รู้สึกเจ็บเมื่อสวมใส่ เธอจึงเลิกใช้วิธีนี้แล้วเปลี่ยนมาใส่เสื้อตัวใหญ่แบบโอเวอร์ไซซ์และเดินหลังค่อมแทน เพื่อปกปิดหน้าอกไม่ให้คนอื่นมองเห็น 

“ในยุคนั้น การพูดคุยเรื่องที่ส่อไปทางเพศยังเป็นเรื่องน่าอาย เราที่เป็นเด็กจึงไม่กล้าเอาเรื่องนี้ไปบอกผู้ใหญ่ และอีกเหตุผลหนึ่งคือ คุณครูวิชาพละเป็นผู้ชาย เราจึงไม่มั่นใจว่า ครูจะเข้าใจสิ่งที่เราต้องการสื่อสารมากแค่ไหน กลัวครูจะบอกว่า ไม่ต้องคิดมาก รุ่นพี่แค่ล้อเล่น กลัวจะได้ยินคำตอบแบบนั้น” 

การโดนคุกคามเรื่องหน้าอกส่งผลกระทบหนักถึงขั้นที่ช่วงมัธยมปลาย เธอค้นหาในอินเทอร์เน็ตว่า มีคลินิกศัลยกรรมลดขนาดหน้าอกที่ไหนบ้าง แต่สุดท้ายเธอก็ไม่ได้ตัดสินใจผ่าตัดลดขนาดหน้าอก เพราะหลังจากปรึกษาเรื่องนี้กับแม่ คำแนะนำที่ได้รับทำให้เธอเริ่มเข้าใจว่า การโดนคุกคามไม่ใช่ปัญหาที่เธอจะต้องเป็นฝ่ายแก้ไข แต่เป็นปัญหาที่ขึ้นอยู่กับคนภายนอก

อีกทั้งค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดยังสูงมาก และอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนต่างๆ หลังการผ่าตัดได้อีกด้วย อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบัน เธอยังคงถูกคุกคามด้วยการจ้องมอง หากวันไหนใส่เสื้อผ้ารัดรูป เวลาเดินผ่านกลุ่มผู้ชาย เช่น วินมอเตอร์ไซต์ ก็จะโดนจ้องมองจนรู้สึกไม่ปลอดภัย

ด้านแพทย์หญิงลักขณายังกล่าวถึงผลกระทบจากการโดนคุกคามเกี่ยวกับหน้าอกไว้ว่า การลวนลามด้วยสายตาและการแซวด้วยคำพูด นับเป็นการล่วงละเมิดทางเพศ (Sexual Harassment) ที่อาจทำให้เหยื่อฝังใจกับเหตุการณ์นั้น จนส่งผลกระทบต่อภาวะสุขภาพจิต เช่น ทำให้เกิดความกังวล ความซึมเศร้า หรือความหวาดระแวง อีกทั้งยังส่งผลต่อสุขภาวะทางเพศในอนาคต เช่น รู้สึกถูกคุกคามอยู่ตลอดเวลา แม้ผู้อื่นไม่ได้ตั้งใจจ้องมองหน้าอก หวาดกลัวเพศตรงข้ามหรือเพศเดียวกัน โดยขึ้นอยู่กับว่า เหยื่อเคยถูกคุกคามจากเพศใด การวางตัวในความสัมพันธ์ซึ่งผิดเพี้ยนไป หรือรู้สึกกังวลใจเมื่อเริ่มต้นความสัมพันธ์กับใครสักคนหนึ่ง เพราะมองว่าตัวเองอาจจะตกเป็นเหยื่อทางเพศ รวมถึงอาจก่อให้เกิดปัญหาหวาดกลัวการมีเพศสัมพันธ์ในอนาคต

“เพราะฉะนั้นมันไม่ใช่ปัญหา ณ วันที่ถูกล้อ แต่มันคือปัญหาต่อเนื่องที่จําเป็นจะต้องได้รับการดูแล เยียวยา และแก้ไข”

‘หน้าอกใหญ่’ สรีระร่างกายที่ผู้หญิงเลือกไม่ได้ แต่งตัวแบบไหนก็ดูโป๊

ผู้หญิงหลายคนหน้าอกใหญ่เพราะพันธุกรรมตั้งแต่กำเนิด หรืออาจมีขนาดใหญ่ขึ้นเพราะการตั้งครรภ์และน้ำหนักตัวที่เพิ่มมากขึ้น โดยปัญหาของคนที่มีหน้าอกใหญ่คือ ไม่ว่าจะแต่งตัวหรือใส่เสื้อผ้าแบบไหนก็ยังคงดูโป๊ ทำให้เกิดความไม่มั่นใจในการแต่งกาย บางคนยอมใส่เสื้อตัวใหญ่เพื่ออำพรางสัดส่วนของตัวเอง อีกทั้งยังทำให้พวกเธอต้องระมัดระวังตัวมากขึ้น เพราะกลัวโดนลวนลามหรือคุกคามจากผู้อื่น นอกจากนี้ การมีหน้าอกใหญ่ยังทำให้เกิดปัญหาสุขภาพตามมาอีกด้วย เช่น ปวดหลัง หัวไหล่ หรือลำคอ สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นปัญหาที่คนหน้าอกใหญ่ต้องพบเจอในชีวิตประจำวัน

“ปัญหาแรกคือการเดินหลังค่อม หรือต้องเลือกใส่เสื้อผ้าตัวใหญ่ เพราะไม่อยากให้คนอื่นมองเห็นหน้าอก โดยการเดินหลังค่อมส่งผลให้มีอาการปวดหลัง ซึ่งเป็นปัญหาสุขภาพที่เรื้อรังมาจนถึงปัจจุบัน ปัญหาถัดไปคือความยากลำบากในการเลือกซื้อเสื้อผ้า เนื่องจากผู้หญิงหน้าอกใหญ่แต่งตัวอย่างไรก็ยังคงดูโป๊ ไม่ว่าจะพยายามแต่งตัวเรียบร้อยแค่ไหน สุดท้ายก็ดูโป๊อยู่ดี เช่น ถ้าเราใส่เสื้อนักศึกษาที่พอดีตัว กระดุมช่วงหน้าอกก็จะปริ บางทีเราแค่อยากใส่เสื้อกล้ามในวันที่อากาศร้อน แต่มันกลับดูรัดรูปและโป๊มาก แม้แต่เสื้อไหมพรมคอเต่าก็ยังดูโป๊ นอกจากนี้ เสื้อชั้นในคัพใหญ่ยังหายาก มีจำนวนน้อย และมีราคาค่อนข้างสูง” เจกล่าว

ในขณะเดียวกัน แพทย์หญิงลักขณาระบุว่า เมื่อผู้หญิงหน้าอกใหญ่โดนจ้องมอง โดนแซวด้วยคำพูด หรือถูกคุกคามบ่อยครั้งในช่วงเข้าสู่วัยรุ่น ส่งผลให้พวกเธอรู้สึกกลัว กังวล และอับอาย จึงต้องการปกปิดขนาดหน้าอกของตัวเอง โดยพยายามห่อไหล่หรือใส่เสื้อรัดหน้าอก เพื่อให้หน้าอกยื่นออกมาน้อยลง ปัญหาที่ตามมาคืออาการปวดบ่าและหลัง หรือนำไปสู่การใส่เสื้อชั้นในที่ไม่เหมาะสมกับขนาดหน้าอก

หน้าอกใคร คนนั้นควรเป็นคนตัดสิน

ในขณะที่ผู้หญิงหน้าอกใหญ่หลายคนมีปัญหาในการใช้ชีวิตประจำวัน ประสบปัญหาสุขภาพ เสี่ยงต่อการคุกคามทางเพศทั้งทางสายตา วาจาและการกระทำ แต่ผู้ชายบางคนกลับมองว่า การศัลยกรรมลดขนาดหน้าอกเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดของผู้หญิง

“เราเคยคุยเรื่องศัลยกรรมลดขนาดหน้าอกกับครอบครัว แต่น้าชายกลับพูดว่าจะไปทำทำไม ใหญ่ก็ดีแล้ว ผู้ชายชอบ เราไม่เข้าใจว่า ทำไมขนาดหน้าอกของเราต้องขึ้นอยู่กับความชอบของผู้ชาย ทำไมเราจะต้องทนอยู่กับปัญหาแบบนี้ต่อไป เพียงเพื่อให้ผู้ชายชอบ หน้าอกของเราก็ให้เรื่องของเรา ไม่ใช่เรื่องที่คนอื่นจะมาบอกว่าชอบหรือไม่ชอบ” เจเล่า

เจอธิบายว่า อาจจะมีผู้หญิงส่วนหนึ่งที่ยินยอมศัลยกรรมหน้าอกให้ใหญ่ขึ้น เพื่อทำให้แฟนพึงพอใจ หรือการมีหน้าอกใหญ่อาจจะเป็นเรื่องดีสำหรับบางคน แต่ไม่ใช่ผู้หญิงทุกคนจะชอบการมีหน้าอกใหญ่ บุคคลอื่นจึงไม่ควรพูดว่า “หน้าอกใหญ่แบบนี้ดีแล้ว ผู้ชายชอบ” ซึ่งไม่ต่างอะไรกับการแปะป้ายว่า ผู้หญิงควรทำเช่นไรกับหน้าอกของตัวเอง 

ถ้าผู้หญิงอยากศัลยกรรมลดขนาดหน้าอก เนื่องจากมองว่าหน้าอกไม่สมดุลกับขนาดตัว หรือหน้าอกใหญ่คือปัญหาที่ทำให้ใช้ชีวิตลำบาก ผู้หญิงก็ควรเป็นคนตัดสินใจด้วยตนเอง โดยไม่จำเป็นต้องสนใจว่า ใครจะชอบหรือไม่ชอบ เพราะหน้าอกคือเรือนร่างของพวกเธอ

‘เพศศึกษา’ บทเรียนสำคัญที่ควรปลูกฝังให้แก่เด็ก

“ไม่ใช่แค่ผู้หญิงหน้าอกใหญ่ที่ถูกล้อ แต่ผู้หญิงหน้าอกเล็กก็ถูกล้อเช่นเดียวกัน ทั้งๆ ที่ไม่มีใครควรถูกล้อเรื่องอวัยวะเลย เพราะขนาดหน้าอกเป็นสิ่งที่ควบคุมไม่ได้ ผู้หญิงไม่สามารถกดปุ่มให้หน้าอกยุบหรือขยายได้ตามที่ต้องการ ไม่สามารถทำให้หน้าอกใหญ่หรือเล็กลงได้ด้วยการออกกำลังกาย” แพทย์หญิงลักขณาเล่าถึงปัญหาของขนาดหน้าอก

ปัญหาเรื่องนี้ แพทย์หญิงลักขณามองว่า สาเหตุสำคัญมาจากการเรียนการสอนวิชาเพศศึกษา (Sex Education) ในระบบการศึกษาไทยไม่ได้มีรายละเอียดมากพอ และไม่ได้สอนให้เด็กรับมือกับปัญหาที่อาจเกิดขึ้น เช่น เด็กอาจจะรู้ว่าเมื่อเข้าสู่วัยรุ่นแล้วจะเริ่มมีหน้าอก แต่ไม่ได้เรียนรู้ว่าหน้าอกจะขยายใหญ่ขึ้นแค่ไหน และถ้าขนาดหน้าอกแตกต่างจากเพื่อนคนอื่นๆ แล้วจะเป็นอย่างไร ส่งผลให้เด็กผู้หญิงที่มีหน้าอกใหญ่โดยกรรมพันธุ์เกิดความกลัวและความอาย ซึ่งเรียกว่า ‘ความตื่นตระหนกในวัยรุ่น’ เนื่องจากหน้าอกของเด็กผู้หญิงจะเริ่มขยายใหญ่ขึ้นในช่วงเข้าสู่วัยรุ่น แต่เด็กแต่ละคนเข้าสู่วัยรุ่นไม่พร้อมกัน รวมถึงลักษณะหน้าอกของแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน จึงอาจทำให้เด็กผู้หญิงรู้สึกแตกต่างและแปลกแยกจากเพื่อนคนอื่นๆ อีกทั้งเต้านมยังเป็นสัญลักษณ์ที่สื่อถึงเรื่องทางเพศ

นอกจากนี้ ปัญหาการคุกคามเรื่องหน้าอกยังเกิดจากการที่คนไทยมองว่าการแซวเป็นเรื่องปกติ เนื่องจากการแซวเป็นสิ่งที่คนกลุ่มใหญ่ในสังคมสามารถกระทำได้ แต่ผู้ที่ได้รับผลกระทบนั้นเป็นคนส่วนน้อย ทั้งที่แท้จริงแล้ว กฎหมาย การศึกษา และบรรทัดฐานของสังคมไม่ควรสร้างขึ้นเพื่อคนส่วนใหญ่ แต่ต้องทําให้สังคมไทยปลอดภัยสำหรับทุกคน

“การชอบผู้หญิงหน้าอกใหญ่ไม่ใช่เรื่องผิด ตราบใดที่ความชอบนั้นไม่ได้ทำร้ายผู้อื่น แต่เมื่อใดก็ตามที่คุณพูดแซวหรือจ้องมองหน้าอกของผู้หญิง ซึ่งทำให้เธอรู้สึกหวาดกลัวและไม่สบายใจ สิ่งเหล่านี้จะไม่ใช่แค่ความชอบอีกต่อไป แต่มันคือการคุกคามทางเพศผู้อื่น” 

การคุกคามหน้าอกผู้หญิง: ปัญหาที่สังคมไม่ควรหลับหูหลับตา

หากมองถึงวิธีแก้ปัญหา เจมองว่า ครอบครัวสามารถอบรมและปลูกฝังให้เด็กเข้าใจว่า การมีหน้าอกใหญ่คือเรื่องปกติของผู้หญิง ซึ่งเขาไม่ควรแซวหรือคุกคามผู้อื่น ในขณะที่สถานศึกษาควรสอนเรื่องเพศอย่างจริงจังว่า หน้าอกเป็นเพียงอวัยวะหนึ่งในร่างกายที่ผู้ชายและผู้หญิงมีเหมือนกัน หากครอบครัวและโรงเรียนปลูกฝังเรื่องนี้ให้แก่เด็กๆ ปัญหาคุกคามทางเพศอาจเกิดขึ้นน้อยลง

อย่างไรก็ตาม เนื่องด้วยสภาพสังคมซึ่งไม่ปลอดภัยสำหรับผู้หญิง สำหรับครอบครัวที่มีลูกสาวหน้าอกใหญ่ พ่อแม่จึงควรพยายามสังเกตและใส่ใจลูกสาวมากขึ้นในช่วงวัยเจริญพันธุ์ เพราะเมื่อร่างกายเริ่มมีการเปลี่ยนแปลง หรือหน้าอกเริ่มมีขนาดใหญ่ขึ้น เด็กผู้หญิงอาจโดนคุกคามแต่ไม่กล้าบอกใคร ในทางกลับกัน หากเด็กพูดคุยเรื่องนี้กับครอบครัว ผู้ปกครองควรเปิดใจรับฟัง โดยไม่ปล่อยผ่านปัญหานี้ และไม่มองว่าการคุกคามเป็นเพียงการหยอกล้อกัน เพราะเด็กที่ตกเป็นเหยื่อนั้น ต้องการความช่วยเหลือจากผู้ใหญ่จริงๆ ส่วนวิธีการแก้ไขปัญหาก็ขึ้นอยู่กับแต่ละครอบครัว อาจปลอบโยนให้รู้สึกดีขึ้น หรือเพิ่มความมั่นใจให้แก่เด็ก รวมถึงปรึกษาปัญหานี้กับคุณครู

ด้าน แพทย์หญิงลักขณาระบุว่า การสอนเรื่องเพศศึกษาควรเริ่มต้นตั้งแต่สถาบันครอบครัว เนื่องจากโดยปกติเด็กผู้หญิงที่มีหน้าอกใหญ่ขึ้น มักเป็นเรื่องของพันธุกรรม เพราะฉะนั้น ครอบครัวจึงควรรู้ว่า ปัญหานี้มีโอกาสที่จะเกิดขึ้นได้ และเตรียมความพร้อมให้กับลูกสาวตั้งแต่ก่อนเข้าสู่วัยรุ่น หรือก่อนที่หน้าอกจะขยายขนาด โดยการสอนเรื่องเพศศึกษาให้ถูกต้องตามวัย รวมถึงสอนวิธีการรับมือกับปัญหา เช่น สร้างสถานการณ์สมมติ และจำลองเหตุการณ์ว่า ถ้าเกิดปัญหาคุกคามทางเพศขึ้น ลูกสาวจะทำอย่างไร หรือจัดการปัญหานี้อย่างไร หากลูกสาวไม่สามารถจัดการได้ ผู้ปกครองจะช่วยเหลือได้อย่างไรบ้าง

อีกทั้งสถาบันการศึกษาควรปูพื้นฐานเรื่องเพศศึกษา และปลูกฝังเรื่องความแตกต่างของร่างกาย ซึ่งถือเป็นบทเรียนที่สำคัญมาก เพราะการมีความรู้เรื่องเพศศึกษาที่เพียงพอ จะทำให้เด็กเข้าใจว่าการคุกคามผู้อื่นเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ ทั้งผิดกฎหมาย และไม่ได้รับการยอมรับจากสังคม ดังนั้น เด็กต้องรู้จักปกป้องสิทธิของตนเอง และไม่ละเมิดสิทธิในร่างกายของผู้อื่น เมื่อทุกคนเคารพร่างกายของผู้อื่นมากขึ้น การคุกคามก็จะเกิดขึ้นน้อยลง

ในขณะที่สังคมภายนอกโลกและสื่อมวลชนจำเป็นต้องสร้างบรรทัดฐานในทิศทางเดียวกัน คือไม่ก่อให้เกิดภาพจำที่ว่า การคุกคามเป็นเรื่องปกติ รวมถึงหลีกเลี่ยงการแซวหรือล้อเลียนเรื่องหน้าอกของผู้หญิง แน่นอนว่าเราห้ามการหยิบยก ‘หน้าอก’ มาเป็นส่วนหนึ่งของสื่อหรือเนื้อหาเรื่องเพศไม่ได้ แต่สิ่งที่เราทำได้คือการไม่สนับสนุนพฤติกรรมคุกคามทางเพศผู้อื่นทุกรูปแบบ 

ข่าวคุกคามทางเพศไม่เคยหายไป เพราะสังคมไทยไม่เคยปลอดภัยสำหรับผู้หญิง

“สาวเข้าแจ้งความ โดนจับหน้าอกขณะเล่นสงกรานต์”

“แม่ค้าสาวผวา ถูกลูกค้าหื่นจับหน้าอก หลังก่อเหตุอ้างทำเพราะหลงรัก”

“จับแล้วโจรขับรถจักรยานยนต์ จับหน้าอกนักศึกษาย่านพุทธมณฑล”

“หนุ่มหื่น จับหน้าอกนักศึกษาสาว บนรถตู้ ก่อนหนีลงจากรถ”

“เสื่อมเกินรับไหว วันเดอร์เฟรม เปิดใจ หื่นโซเชียลฯ โพสต์ลวนลาม หน้าอกใหญ่เต็มมือ”

“โดนอีกราย! สาวถูกวัยรุ่นคุกคาม ขี่รถจักรยานยนต์ตาม จับหน้าอก วอนตำรวจล่าตัว”

คนไทยอาจคุ้นเคยกับข่าวลวนลามจับหน้าอกและข่าวคุกคามทางเพศ แต่ไม่มีผู้หญิงคนไหนเคยชินกับการใช้ชีวิตอย่างหวาดระแวง ‘หน้าอกของผู้หญิง’ เป็นอวัยวะส่วนหนึ่งของร่างกาย มิใช่วัตถุทางเพศสำหรับปรนเปรอความต้องการของผู้ชาย เงยหน้าจากโลกจินตนาการ แล้วหันมามองความเป็นจริงว่า ‘มีผู้หญิงกี่คนที่ต้องเจ็บปวดและกลายเป็นเหยื่อเพียงเพราะหน้าอกใหญ่’

อ้างอิง

https://www.youtube.com/watch?v=EHE9Nqqk5lY 

https://www.thairath.co.th/news/local/northeast/2700240 

https://www.pptvhd36.com/news/ประเด็นร้อน/45682 

https://www.pptvhd36.com/news/อาชญากรรม/145102 

https://www.sanook.com/news/8019550/ 

https://www.khaosod.co.th/around-thailand/news_6158775

Tags: , , , , , , , ,