พอจะคุ้นหน้าคุ้นตาสมาชิกวง GYMV (จิมวี) ในรูปกันไหม เพราะหากคุณเคยรู้จักวง Gym and Swim มาก่อน คงต้องเฉลยว่า ในวันนี้วง GYMV จากค่าย Parinam Music ก็คืออดีตสมาชิกวง Gym and Swim ทั้ง 4 คน ได้แก่ เฉลิม-เฉลิมพล สูงศักดิ์ (ร้องนำ), ปกป้อง จิตดี (กีตาร์), ฮ็อบ-พัทธดนย์ เงาเบญจกุล (เบส) และมือกลอง มัดหมี่-สุภารัศมิ์ จันทรโชติ แสงเล็ก ที่กลับมารวมตัวกันอีกครั้งเพื่อทำวงใหม่หลังจากหายไป 3 ปี พร้อมปล่อยเพลงใหม่ออกมาให้ได้ฟังกันแล้วคือเพลง Tallinn และ Night On Earth 

วันนี้ GYMV กลับมาพร้อมเรื่องราวมากมายให้แฟนเพลงได้ติดตาม The Momentum จึงชวน GYMV มาพูดคุยถึงเบื้องหลังการกลับมาในครั้งนี้ สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปนอกจากชื่อวง ความหมายของการรวมตัวกันในนาม GYMV และสิ่งที่พวกเขาอยากให้ทุกคนจดจำ

ชื่อวง GYMV มีที่มาอย่างไร ในขณะที่คนเข้าใจว่า V หมายถึงเลข 5 แต่พวกคุณมีกัน 4 คน

เฉลิม: เริ่มจากคำว่า Gym (จิม) พวกเรามาเจอกันเพราะชวนกันเข้ายิม ไปๆ มาๆ ก็เลยชวนกันทำเพลงดีกว่า ส่วนตัว V (วี) เราตั้งเพื่อให้คนฉุกคิดเล่นๆ เลยว่า ทำไมเลข 5 แต่สมาชิกมี 4 คน

เพราะอะไรถึงชวนเพื่อนนักดนตรีเข้ายิมก่อนที่จะชวนกันทำเพลง

เฉลิม: ตอนช่วงโควิดจนถึงหลังโควิด จนกระทั่งเราทำงานประจำ ชีวิตเราตอนนั้นก็มีแค่ทำงานกับกิน เรากินเยอะมากจนน้ำหนักขึ้น ร่างกายเริ่มแย่ ประกอบกับตอนนั้นรู้ตัวว่า อายุใกล้ 40 ปี แล้ว การเป็นนักดนตรีก็เป็นการทำงานที่หากร่างกายไม่แข็งแรงจริง แล้วต้องขึ้นแสดง 1 ชั่วโมง มันแทบเป็นไปไม่ได้เลย สภาพเราแบบนี้คงเล่นคอนเสิร์ตไม่รอดแน่ อีกอย่างคือสมมติเรารวมตัวกันเพื่อทำเพลงสักเพลง มีไอเดียพลุ่งพล่าน แต่สังขารมันเล่นไม่ไหว เลยคุยกับพี่ฮ็อบว่า เราควรเริ่มออกกำลังกายอย่างไรดี

จุดไหนที่ทำให้อยากกลับมาทำเพลง เล่นดนตรีด้วยกันอีกครั้ง

เฉลิม: จริงๆ เรามีคุยแชตกันตลอด นัดไปกินข้าวกัน แต่เราไม่ได้รวมตัวเล่นดนตรีวันเสาร์-อาทิตย์ที่บ้านปกป้องกันมาประมาณ 3 ปี เพราะแต่ละคนก็มีงานของตัวเอง อย่างปกป้องก็เป็นโปรดิวเซอร์ มัดหมี่ก็ไปเล่นแบ็กอัปให้วง KIKI แล้วพวกเราก็มีโอกาสได้ขึ้นไปเล่นแจมกับ KIKI หลังจากนั้นเรารู้สึกว่าอยากลองทำเพลงอีก ก็แชตคุยกันว่าช่วงนี้ว่างไหม อยากนัดมาเจอกันวันเสาร์-อาทิตย์ มาคุยเล่นกันก่อน ยังไม่ต้องลงมือทำเลย

พอนัดรวมตัวกันแล้วเกิดอะไรขึ้นบ้าง

ปกป้อง: เวลาขยับไป 3 ปี เหมือนเริ่มคุยกันใหม่ 

เฉลิม: ใช่ พอกลับมาอีกที ทั้ง 4 คน ก็มีความชอบ ความสนใจในดนตรีหลากหลายขึ้น ต้องมานั่งคุยกันใหม่ว่า ‘พวกคุณชอบเพลงแบบไหนกันเหรอ’ เหมือนไม่รู้จักกันมาก่อน (หัวเราะ)

เวลาผ่านไป 3 ปี ความชอบของแต่ละคนมันเปลี่ยนแปลงไปเยอะแค่ไหน

เฉลิม: เปลี่ยนไปเยอะ เพราะพวกเราก็ชอบฟังเพลงกันอยู่แล้ว ชอบศึกษาด้านนี้ อีกอย่างคือในช่วงเวลา 3 ปีที่ผ่านมา ไม่ใช่แค่วงเราที่เปลี่ยน แต่วงการเพลงไทยหลังโควิดก็มีวงดนตรีแนวทางใหม่ๆ เกิดขึ้นเยอะมาก วงการเพลงมันถึงจุดที่ระเบิดความแปลกใหม่ออกมา ฉะนั้นเราเองก็ไม่อยากทำเพลงออกมาแล้วคนบอก ‘พี่ไม่มีอะไรใหม่เลยเหรอ’

ฮ็อบ: เราก็อยากเป็นคนแก่ที่ตามยุคตามสมัย 

สมาชิกในวงเดิมเป็นสมาชิก Gym and Swim ทั้งหมด แล้วการเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น GYMV สะท้อนอะไรเกี่ยวกับตัวตนที่เปลี่ยนไปไหม

เฉลิม: อย่างที่บอกว่าความสนใจในดนตรีของแต่ละคนเปลี่ยน เราเองก็อยากทำอะไรใหม่ๆ เราเลยคุยกันว่า ถ้าเราอยากทำอะไรร่วมกันอีกก็น่าจะนับหนึ่งใหม่ไปเลย การเปลี่ยนชื่อวงมันเหมือนทำให้นับหนึ่งใหม่จริงๆ เรื่องของดนตรีด้วยก็เหมือน

ทั้ง 4 คนเห็นตรงกันไหมว่า เมื่อถึงเวลาลงมือทำเพลง ควรลองทำอะไรใหม่ๆ หรือทำเพลงแนวทางใหม่ๆ

ฮ็อบ: ไม่มีทางครับ ในทุกๆ อย่าง ไม่มีทางที่จะเห็นด้วยตรงกันทั้ง 4 คน เพียงแต่ว่าเราเบลนด์กันได้ดีมากกว่า อย่างเฉลิมอาจจะชอบแบบนี้ แต่ป้องชอบอีกแบบหนึ่ง หรือมัดหมี่อยากได้แบบนี้ แต่ส่วนใหญ่เราจะค่อนข้างยอมรับซึ่งกันและกัน ต่อให้จะไม่ได้ชอบเหมือนกัน

มัดหมี่: ไม่ได้ชอบ 100% ก็ไม่เป็นไร 

ฮ็อบ: อย่างปกป้องเองพอมาทำตอนนี้ก็ต้องลดทอนความเนี้ยบของตัวเอง

ปกป้อง: จริงๆ เหมือนเราไม่ได้คิดหลายรอบ เราเอาไอเดียแรกเลย

ฮ็อบ: ในแง่ของโปรดักชัน มันไม่ได้ถูกคัดกรองมาหลายๆ ครั้งเพื่อลดความผิดพลาด ถ้ามันข้อผิดพลาด เราอาจจะยอมรับได้เพราะมันคืองานเพลงที่เราชอบ ก็เหมือนเป็นงานศิลปะ

มัดหมี่: ตอนทำเพลง เราทดลองไอเดียใหม่ๆ ลองเล่นแบบนั้นแบบนี้ ถ้าเจอที่ดีที่ชอบก็เอาเลย

สำหรับพวกคุณมันยากไหมที่จะเริ่มต้นทำอะไรใหม่ ทั้งวงใหม่ เพลงแนวใหม่ เพราะอย่างคนที่เคยเติบโตมาครั้งหนึ่งแล้ว อาจจะมีอีโก้อะไรบางอย่างที่ทำให้รู้สึกว่า ไม่อยากเริ่มนับหนึ่งใหม่

เฉลิม: ตอนที่เราเปิดเพจ GYMV ใน Facebook ประกาศว่าเราจะทำเพลง ก็มีคนเข้ามาถามว่าจะกลับมารียูเนียนเหรอ เราก็ตอบว่า ไม่ อันนี้วงใหม่ ยังไม่ได้เริ่มทำอะไรเลย ขอทำเพลงก่อนนะ เพราะเราอยากกลับไปเป็นคนที่เริ่มทำวงกันจริงๆ 

มัดหมี่: จริงๆ พอกลับมาครั้งนี้ เหมือนมันง่ายกว่าเดิมนะ เพราะเราโฟกัสแค่กับตัวเอง เราทำเพลงแบบนี้เพราะเราชอบและสนุก

ฮ็อบ: ตอนนี้เราไม่ได้คาดหวังกับคนฟังหรือคนอื่นเลย แค่เราหาตรงกลางของทั้ง 4 คนก็ใช้เวลาสักพักแล้ว 

ปกป้อง: เราไม่ได้คาดหวังแต่แรก พออายุเยอะขึ้น เราก็ปล่อยกันมากขึ้น แล้วอีโก้น้อยลงกว่าตอนเด็ก

มัดหมี่: พอทำงานกันตอนนี้ไม่มีทะเลาะกัน 

เฉลิม: พูดเรื่องความหวัง ถ้าเป็นเราในตอนเด็กมีความคาดหวังกับวงมาก แต่พอเราได้มีโอกาสไปเล่นดนตรีด้วยกันหลายๆ ที่ มันเริ่มเข้าใจว่าเราคาดหวังกับอะไรไม่ได้เลย สุดท้ายการทำเพลงจริงๆ มันคาดหวังกับตัวเองอย่างเดียว

ทำไมถึงเลือกเพลง Tallinn เป็นเพลงแรกในการเปิดตัวของ GYMV

มัดหมี่: ตอนนั้นอยากได้เพลงซิ่งๆ เลยบอกปกป้องว่า เรามาทำเพลงกันไหม ขอซิ่งๆ 

เฉลิม: ตอนทำเดโมตอนนั้นเราไม่อยู่ เราไปไต้หวัน ตอนฟังริฟฟ์ (Riff) ท่อนฮุกก็รู้สึกว่าสนุกดี เลือกเพลงนี้เป็นเพลงแรก เพราะเพลงนี้มันดูไม่ซ้ำรอยเดิมดี แปลกใหม่ เพลงมันก็มีความบ้าๆ บวมๆ แหละ คือโครงสร้างมันอาจจะแปลก แต่ความจริงตอนทำเราก็ไม่ได้ฟิกซ์มาก 

ฮ็อบ: ชื่อเพลง Tallinn มาได้อย่างไร

เฉลิม: เราอยากไปเมืองทาลลินน์ (Tallinn) ประเทศเอสโตเนีย เพราะเราชอบเปิด Youtube ช่องที่เดินเล่นไปตามเมืองต่างๆ ในโลก แล้วไปเจอเมืองนี้ก็รู้สึกว่าคาแรกเตอร์มันประหลาดดี มันเป็นยุโรปที่ผสมสแกนดิเนเวียผสมรัสเซีย เราก็จินตนาการว่าถ้าเราอยู่ในเมืองนี้ชีวิตเราจะเป็นอย่างไร เราจะทำอะไรบ้างเป็นตัวเองในอีกมัลติเวิร์สหนึ่ง ก็เขียนเพลงจากสตอรีที่สร้างในหัวตัวเอง แต่ยังไม่เคยไปเมืองนี้นะ

เพลงที่ 2 คือ Night On Earth เขียนเนื้อเพลงจากจินตนาการด้วยหรือเปล่า

เฉลิม: เราฟังเดโม Night On Earth แล้วก็นึกถึงหนังฟิล์มนัวร์ มันเหมือนขับรถอยู่ตอนกลางคืน มีไฟนีออนผ่านกระจกไปเรื่อยๆ เราก็คิดต่อยอดตรงนั้นว่า คนเราขับรถไปทำอะไร มันเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นก่อนหน้านั้นบ้าง นึกภาพเป็นคน 2 คนที่ก่อเหตุร้ายอะไรสักอย่าง แล้วพากันหนีขึ้นยานพาหนะไปที่ไหนสักที่หนึ่ง แล้วยังไม่รู้ว่าจะรอดไหม ผมเขียนเพลงมาจากภาพนี้ แต่ถ้าฟังเพลงเผินๆ จะรู้สึกเหมือนคน 2 คนที่กำลังจะออกจากชีวิตเดิมๆ กำลังก้าวผ่านชีวิตที่มันมีปัญหาไปสู้โลกที่เป็นความหวังว่าชีวิตจะดีขึ้นกว่าเดิม

ในแง่ของดนตรีมีการทดลองอะไรใหม่ๆ บ้าง

ปกป้อง: ทดลองเยอะนะ เพลงแรก Tallinn มีความดรัมแอนด์เบส (Drum & Bass) ประมาณหนึ่ง ซึ่งที่ผ่านมาเราไม่เคยทำชัดขนาดนี้ ก็ลองดู สนุกดี

ไม่กลัวแฟนเพลงเก่าๆ บอกว่าเปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิมเหรอ

เฉลิม: เพลงที่ 2 บางคนอาจจะฟังแล้วรู้สึกถึงลายเซ็นของพวกเราเยอะขึ้น มันเป็นกลิ่นที่คุ้นเคย ที่เราอยากให้มันต่างจากเดิม มันไม่ได้ต่างจากเดิมทั้งหมดขนาดนั้น เราทำเองทั้งหมดอย่างไรก็ไม่มีทางที่เราจะฉีกไปเป็นคนอื่นได้

ฮ็อบ: อย่างที่เฉลิมบอก สุดท้ายมันจะมีความเป็นตัวตนของเราอยู่ในเพลง ซึ่งมันหนียากมาก เพียงแต่ว่า องค์ประกอบหรือมิติอื่นๆ มันจะมีความใหม่เข้ามาตามรสนิยมที่เราเปลี่ยนไปในช่วงวัยที่โตขึ้น แต่ว่าตัวแกนหลักจริงๆ ก็ยังมีความเป็นเรานี่แหละ แต่มีสัดส่วนของความเป็นปกป้อง เป็นเฉลิม เป็นมัดหมี่มากน้อยต่างกัน

เฉลิม: มันมีลายเซ็นของเราอยู่แล้ว แต่เราตั้งเป้าให้ต่างจากเดิมเพื่อจะได้คิดอะไรใหม่ๆ บ้าง ซึ่งจริงๆ คนฟังเพลงพวกเราอาจไม่ได้รู้สึกต่างจากเดิมมากก็ได้ แต่ก็รู้สึกว่ามันไม่ได้ซ้ำรอยเดิมขนาดนั้น

ตอนนี้ถ้าให้นิยามจะเรียกว่าเป็นเพลงแนวไหน 

มัดหมี่: ยากเลย

เฉลิม: ที่ผ่านมาเราไม่เคยคุยกันเลยว่า GYMV คือเพลงแนวอะไร ความจริงไม่ได้อยากฟิกซ์มันด้วย 

ปกป้อง: จริงๆ ตอนนี้ เพลงแรกกับเพลงที่ 2 ก็ยังหาแนวทางกันอยู่นะ ลองทางนั้นทางนี้ แต่มีแก่นอยู่ว่า มันต้องสนุก เป็นความสนุกแบบ GYMV ที่อธิบายไม่ถูก

มัดหมี่: แบบเด้งๆ 

ฮ็อบ: มันเด้งๆ คือถ้าคนที่เขาไม่เคยฟังเรามาก่อน ถ้าเขาได้ฟังหรือได้เห็นเราเล่น เขาจะสนุกไปกับเราได้ เพราะว่าทุกครั้งเราสนุกกับเพลงของเรา

มัดหมี่: ถ้าเราอยู่บนเวทีแล้วสนุก คนดูข้างล่างเขาก็อาจจะสนุกไปด้วย เหมือนกฎแรงดึงดูด

เฉลิม: ถ้าไม่รู้จักเราเลย เดินอยู่ในงานที่เราเล่นอยู่ ได้ยินเพลงเราแล้วเขาจะไม่เดินหนีออกไปก่อนในเวลา 1 นาที หัวใจหลักคือเป็นเพลงที่เราเล่นด้วยกันแล้วสนุก เพราะถ้าเราต้องใช้เวลาวันเสาร์-อาทิตย์ ที่ควรจะเป็นวันหยุดอยู่บ้าน ออกมาทำเพลงด้วยกัน มันก็ควรเป็นสิ่งที่เราทำแล้วแฮปปี้ ทุกคนขึ้นไปเล่นบนเวทีแล้วแฮปปี้ เราโฟกัสตัวเองกันมากกว่า

ฮ็อบ: ขอเสริมว่าจริงๆ แล้ว ตั้งแต่ไหนแต่ไร เราทำวงนี้เพื่อเสิร์ฟพวกเราเองเป็นอันดับแรก เราแค่คิดว่าเราทำเพลงมาแล้วเราชอบไหม สนุกไหม เราแค่หวังว่าถ้าจะมีคนที่ชอบแบบเรามากขึ้นเรื่อยๆ แค่นี้เอง ยุคนี้เราก็ยังเป็นแบบนี้อยู่

ปกป้อง: เรายึดความสนุกเป็นที่ตั้ง ถ้าไม่สนุก ไม่มีความสุขก็ไม่ทำ

ถ้าแฟนเพลงเก่าของ Gym and Swim จะกลับมาฟัง GYMV อยากให้เขาเข้าใจอะไรเกี่ยวกับพวกคุณในวันนี้

เฉลิม: นี่คืองานใหม่ มันไม่ใช่แบบเดิมแล้ว เราไม่ได้อยากกำหนดให้เขารู้สึกอย่างไรเลย เขามาฟังด้วยความรู้สึกอย่างไรก็ได้ เพราะเรารู้สึกว่าแฟนเพลงตอนนี้มันไม่ใช่คำว่าแฟนเพลงของเราแล้ว คนฟังตอนนี้คือแฟนของซีนดนตรีไทย แล้วแฟนเพลงของเราก็คงจะชอบฟังอีกหลายๆ วง เขาชอบเพราะว่า มันมีอะไรให้ฟังหลากหลายในซีนดนตรีไทย ถ้าเขาจะแนะนำให้เพื่อนฟังแล้วเขายังนึกถึงเรา มีเพลงเราเป็นชอยซ์หนึ่ง แค่นั้นก็แฮปปี้แล้ว

ฮ็อบ: ทุกคนมีทางเลือก ปล่อยให้เพลงเราไปทำงานกับเขาเอง

มัดหมี่: สำหรับตัวเราเองไม่ได้คาดหวังว่า แฟนเพลงจะคิดอย่างไรกับเพลงใหม่ แต่ก็แคร์แฟนเพลงเดิมอยู่ เพราะเราจะได้รับข้อความจากแฟนเพลงเดิมๆ ของเราเยอะมาก เราก็ยังใส่ใจกันอยู่ ก็อยากให้ลองฟังนะ แต่ถ้าไม่ชอบก็ไม่เป็นไร

การรวมตัวกันเล่นดนตรีด้วยกันกับสมาชิกในวงนี้ มันมีความหมายกับพวกคุณอย่างไร

มัดหมี่: เรารู้สึกว่าช่วงที่มันไม่ได้เล่นดนตรีด้วยกัน มันเหมือนชีวิตขาดอะไรไปเลย เพราะเคยเจอกันทุกสัปดาห์มานานมากเป็นสิบปีแล้ว ตั้งแต่ก่อนที่เราจะแต่งงานด้วย เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตไปแล้ว

ฮ็อบ: เราอยู่กับการเล่นดนตรีมานาน จำความได้ตั้งแต่ ป.1 เลย ก็เล่นดนตรีมาเรื่อยๆ พอเข้ามาเล่นกับกลุ่มนี้ เรารู้สึกว่ามันสนุก เพราะมันไม่มีใครแคร์ใครเลย อยากทำอะไรก็ทำ แต่ในแง่ดีนะ พอไปทัวร์ด้วยกัน มีประสบการณ์ร่วมกันมาเรื่อยๆ เราก็รู้สึกโชคดีที่วงเรามีมุมมองแบบนี้

มัดหมี่: เวลามีคนเล่นผิด วงอื่นอาจจะตำหนิว่าทำไมเล่นผิด แต่พวกเราก็คือขำกัน

ฮ็อบ: คัลเจอร์แบบนี้ถ้าย้อนไป 5-6 ปีที่แล้ว อาจไม่มีใครเล่นแบบนี้ ตอนนั้นมันอาจจะน้อยมากวงที่ปล่อยเบลอความเป็นมืออาชีพ

เฉลิม: ศิลปินต่อให้เก่งอย่างไรก็อาจมีจังหวะผิดพลาดเกิดขึ้นได้ แต่เราจะผ่านความพลาดนั้นไปอย่างไร โดยไม่ให้คนดูรู้สึกว่าเราเฟล เราก็มองเป็นเรื่องขำขันกันไป

ฮ็อบ: อีกอย่างคือพอเราได้ไปเล่นแจมกับ KIKI เราหายไปแล้ว 3 ปี แต่ก็ยังมีคนที่ตื่นเต้นกับเราอยู่ มีแฟนเพลงจากเกาหลีบินมาดูเราด้วย แล้วไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาบินมาดู เพราะเขาเคยบินจากเกาหลีไปดูเราที่ญี่ปุ่น เรามีกลุ่มแฟนที่รอเรา สำหรับเรามันไม่สามารถเลิกเล่นได้

เฉลิม: สำหรับเรารู้สึกว่าช่วงที่ไม่ได้เล่นกับวงนี้ เราก็ยังทำงานในซีนดนตรีอยู่ดี แต่เราคิดถึงช่วงเวลาวันเสาร์-อาทิตย์ ที่เรามีอะไรน่าตื่นเต้น อย่างการไปเล่นดนตรีในที่ที่ไม่เคยไป พอมองย้อนกลับไปมันเป็นประสบการณ์ที่เราหาจากงานอื่นไม่ได้ ดนตรีมันพาเราไปเจอสถานที่ ผู้คน เจอภาพที่เราไม่เคยเห็น เราเลยอยากกลับมาทำเพลง เพราะเรายังอยากเจอเรื่องน่าตื่นเต้นที่รออยู่ในอนาคต

ปกป้อง: เราก็ทำงานกับดนตรีตลอด ทำวง Plastic Plastic แล้วก็โปรดิวซ์ต่างๆ ซึ่งมันเป็นงานที่มีความคาดหวังมากมาย แต่พอเล่นดนตรีกับ GYMV มันได้ทำตามใจ ได้เล่นกีตาร์แล้วมันสนุกก็โอเคแล้ว

เนื่องจากสมาชิกแต่ละคนก็ทำวงอื่นๆ นอกจาก GYMV ด้วย พวกคุณเคยมีช่วงที่รู้สึกว่า ‘เราเป็นตัวเองมากกว่า’ ตอนอยู่ในอีกวงไหม 

มัดหมี่: สำหรับเรามากกว่า เพราะการเล่นเป็น แบ็กอัปให้เขา ความคาดหวังของเขาคือ เราควรเล่นได้เป็นมืออาชีพ แต่พอเป็น GYMV มันก็คือเรา เราไม่ได้แบกชื่อเสียงใครอยู่ ถ้าเราเล่นผิดมันก็ยังเป็นวงเรา 

ฮ็อบ: เราเป็นแบ็กอัปให้วง Plastic Plastic ก็เครียดนะถ้าเราเล่นผิด ความต่างคือ GYMV มันไม่เครียด พอเรียกว่าก็เป็นตัวเองแหละ แต่ถ้าใครเยอะหรือล้นเกินไปเราก็ยังเตือนกันได้เสมอ

เฉลิม: เราทำ 2 วง ทั้ง GYMV กับ Seal Pillow มันเหมือนเป็นคนละด้านของเรา ไม่ได้คิดว่าอันไหนมันเป็นเราเยอะกว่า มันเป็นเราจริงๆ ทั้ง 2 อย่าง GYMV คือด้านที่เราอยากนำเสนอความบ้าๆ บอๆ บนเวที แต่ถ้าเป็น Seal Pillow มันก็คือเรา แต่ใช้คนละโหมดกัน

ปกป้อง: จริงๆ ก็คล้ายเฉลิมเลย ทำ GYMV ก็คือทำในมุมที่เราไม่ได้ทำใน Plastic Plastic ความเป็นตัวเองก็พอๆ กัน

ถ้าวันหนึ่ง GYMV จะต้องหายไปอีกครั้ง พวกคุณอยากให้ผู้ฟังจดจำอะไรเกี่ยวกับวงนี้มากที่สุด

ปกป้อง: จดจำแบบไหนก็ได้นะ

เฉลิม: เหมือนกัน ไม่ได้คิดว่าคนจะต้องโหยหาเรา แต่เราอยากให้มีใครสักคนที่อยู่ในอารมณ์แบบ ‘วันนี้ต้องฟัง GYMV’ เราอยากมีเพลงแบบนั้นให้คนฟังในบางโมเมนต์ มันเป็นเรื่องของเพลงมากกว่า ถ้าเกิดเรามีเพลงที่อยู่ในใจเขาจริงๆ ไม่ว่าวงเราจะแอ็กทีฟ หรือหายไปทำอะไรก็ตาม เพลงจะยังอยู่ในใจเขาอยู่ คนอาจจะไม่ต้องรู้จักพวกเราเลยก็ได้ 

ฮ็อบ: ขอยกตัวอย่างที่เจอ อย่างตอนนี้ก็เล่นอยู่กับวงหนึ่ง เราเล่นให้เขามานานเกือบสิบปี เขาก็ไม่ได้ทำเพลงแล้ว เพียงแต่ว่าทุกครั้งที่เขามีโอกาสไปเล่นสด เราไปเจอแฟนเพลงที่มาทุกครั้ง ก็รู้สึกดีใจกับพี่เขา ในขณะที่พี่เขาไม่ได้ทำเพลงมาหลายปี แต่ก็ยังมีคนฟังเพลง ยังตามมาดูเล่นสด ร้องเพลงกันดัง

มัดหมี่: คล้ายพี่ๆ เลย เราเลือกไม่ได้ว่าจะให้ใครคิดกับเรายังไง แต่ถ้าเลือกได้ก็อยากให้จดจำแต่สิ่งที่ดีๆ เกี่ยวกับพวกเราก็พอแล้ว

การกลับมาของ GYMV ไม่ใช่แค่การเริ่มต้นใหม่ในวงการดนตรี แต่ยังเป็นการสะท้อนถึงการเติบโตและทิศทางที่ชัดเจนยิ่งขึ้นของพวกเขา ด้วยบทเพลงที่จริงใจและไร้ซึ่งอีโก้ แม้จะอยู่ในวงการดนตรีมานาน เพราะการเริ่มต้นทำ GYMV หมายความว่าสมาชิกพร้อมสร้างสรรค์ผลงานที่แตกต่างและเป็นที่จดจำในวงการเพลงอีกครั้ง

Tags: , , , ,