“เมื่อชั้นของแฟลต ไม่ได้เป็นแค่ตัวเลข แต่คือระยะห่างของชีวิต ความสัมพันธ์ และความฝัน”
เมื่อพูดถึงหนัง Coming of Age ที่เล่าเรื่องราวการเติบโตของวัยรุ่น หนึ่งในภาพยนตร์ที่น่าจับตามองในปีนี้คงหนีไม่พ้น แฟลตเกิร์ล ชั้นห่างระหว่าง เ ร า ภาพยนตร์แซฟฟิกเรื่องแรกจาก GDH ที่ไม่ได้พูดถึงแค่ความสัมพันธ์ของเด็กสาว 2 คน แต่ยังสะท้อนถึงชีวิตในชุมชนแฟลต การเปลี่ยนผ่านของวัย และเส้นทางที่เต็มไปด้วยความฝัน ความหวัง และความแตกต่างของชนชั้น
The Momentum มีโอกาสได้พูดคุยกับ 2 นักแสดงนำ เอินเอิน-ฟาติมา เดชะวลีกุล และแฟร์รี่-กิรณา พิพิธยากร เกี่ยวกับประสบการณ์การรับบท ‘แอน’ และ ‘เจน’ ตัวละครที่เติบโตมาด้วยกันในพื้นที่เดียวกัน แต่มีเส้นทางชีวิตที่แตกต่างกัน
ตลอดการสนทนา เอินเอินและแฟร์รี่จะสะท้อนให้เห็นถึงมุมมองต่อการแสดง เส้นทางของพวกเธอในฐานะนักแสดง และความหมายที่แท้จริงของ แฟลตเกิร์ล ชั้นห่างระหว่าง เ ร า ที่ไม่ใช่แค่เรื่องของเด็กผู้หญิง 2 คน แต่คือเรื่องราวของชีวิต ความสัมพันธ์ และการเปลี่ยนผ่านของวัยที่ทุกคนต้องเคยสัมผัส เราจะพาทุกคนไปรู้จักกับเบื้องหลังของภาพยนตร์เรื่องนี้ ผ่านสายตาของ 2 นักแสดงที่ทุ่มเทให้กับบทบาทของพวกเขา
เส้นทางของแฟร์รี่และเอินเอินในแฟลตเกิร์ล
การได้รับบทบาทใน แฟลตเกิร์ล ชั้นห่างระหว่าง เ ร า ของแฟร์รี่เริ่มต้นจากโอกาสที่เข้ามาโดยไม่คาดคิด มีคนติดต่อให้เธอไปแคสต์ พอได้อ่านทรีตเมนต์ของเรื่องก็รู้สึกว่าน่าสนใจและท้าทายอย่างมาก โดยเรื่องราวโฟกัสไปที่ 2 ตัวละครหลักคือ ‘แอน’ และ ‘เจน’ ซึ่งทีมงานจะคัดเลือกอีกครั้งว่าใครเหมาะกับบทไหน
“หนูแคสต์ในบทของน้องเจน แล้วก็ได้รับบทนี้เลย” แฟร์รี่เล่าถึงช่วงเวลาสำคัญที่เปลี่ยนจากการแคสต์ไปสู่การเป็นส่วนหนึ่งของโปรเจกต์
เส้นทางของเอินเอินแตกต่างออกไปเล็กน้อย เพราะเต็มไปด้วยหลายขั้นตอนและกระบวนการ แต่เพียงแค่เห็นชื่อ GDH ก็ทำให้เธอตัดสินใจทันทีว่า ‘ต้องเล่น’ เพราะเป็นโอกาสที่สำคัญสำหรับนักแสดงหน้าใหม่อย่างเธอ
“หนูรู้สึกว่าโชคดีมากที่มีผู้ใหญ่เห็นศักยภาพและให้โอกาส พอได้อ่านบทแล้ว หนูตั้งเป้าเลยว่าจะเป็นพี่แอนให้ได้ ต่อให้ตัวละครจะห่างไกลจากตัวเองมากแค่ไหนก็ตาม เพราะหนูชอบตัวละครนี้ และรู้สึกผูกพันกับเรื่องราว” เอินเอินกล่าว พร้อมเผยว่า เธอไม่ได้คาดหวังเลยว่าจะได้รับบทนำตั้งแต่แรก
เอินเอินและแฟร์รี่กับการเติบโตในแฟลตเกิร์ล
“ตอนเล่นซีรีส์ หนูตั้งใจมาก บางทีอาจจะมากเกินไปด้วยซ้ำ ทุกประโยคที่พูดออกมา มันถูกคิดมาอย่างดี แต่มันไม่ได้ออกมาจากข้างในจริงๆ” เอินเอินเล่าถึงบทเรียนที่เธอได้จากประสบการณ์ก่อนหน้านี้
ทว่าสำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้เธอได้รับโอกาสในการเข้าร่วมเวิร์กช็อปอย่างเข้มข้น ซึ่งช่วยให้เธอค่อยๆ ซึมซับตัวละครแอนโดยไม่รู้ตัว
“มันเป็นกระบวนการที่ค่อยๆ เปลี่ยนเราไปเอง จนถึงจุดหนึ่ง หนูไม่ต้องแสดงเป็นพี่แอน แต่กลายเป็นพี่แอนไปแล้วจริงๆ”
ส่วนแฟร์รี่ การกลับมาสู่จอภาพยนตร์ครั้งนี้ แตกต่างจากประสบการณ์ครั้งแรกของเธอโดยสิ้นเชิง แฟร์รี่ย้อนความหลังถึงช่วงเวลาที่เธอต้องแบกรับความคาดหวังของตัวเอง เธอทุ่มเทให้กับการบ้านอย่างหนัก แต่กลับพบว่าผลลัพธ์ที่ออกมายังไม่เป็นธรรมชาติเช่นที่หวังไว้ แต่กับเรื่องนี้เธอเลือกวิธีที่แตกต่างออกไป ซึ่งทำให้เธอเข้าถึงตัวละครได้ลึกซึ้งขึ้น
“ตอนเล่นหนังเรื่องแรก หนูตื่นเต้นมาก แค่คิดว่าตัวเองจะได้ขึ้นจอใหญ่ก็รู้สึกกดดันไปหมด หนูคิดเยอะเกินไป จนมันดูแข็งๆ ไปหน่อย ครั้งนี้หนูไม่ได้โฟกัสแค่การท่องบทหรือการแสดง แต่ให้ความสำคัญกับรายละเอียดของตัวละครมากขึ้น เพื่อให้รู้สึกเชื่อมโยงกับมันจริงๆ พอถึงเวลาถ่ายทำ หนูรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นตัวละครนี้จริงๆ เหมือนได้ผ่านเรื่องราวเหล่านั้นมาเอง”
เอินเอินและแฟร์รี่กับบทบาทในแฟลตเกิร์ล
ถึงแม้ แอน ตัวละครในเรื่องอายุเพียง 18 ปี แต่จิตใจกลับโตเกินวัย จากการที่ต้องดูแลครอบครัว ทั้งแม่และน้องๆ ทำให้เธอแข็งแกร่งและเป็นผู้ใหญ่กว่าคนวัยเดียวกัน เอินเอินเล่าว่า เธอต้องใช้เวลาในการทำความเข้าใจตัวละครอย่างลึกซึ้ง ไม่ใช่แค่ปรับโทนเสียงหรือท่าทาง แต่ต้องเข้าใจความรู้สึกและประสบการณ์ที่แอนแบกรับมาทั้งหมด
“ตอนแรกหนูคิดไม่ออกเลยว่าพี่แอนต้องเป็นคนแบบไหน ตอนเวิร์กช็อปหนูพยายามปรับเสียงให้ต่ำลงเพื่อให้ดูโตขึ้น แต่สุดท้ายมันกลับเป็นแค่การดัดเสียง ไม่ได้ออกมาจากอินเนอร์จริงๆ”
ในอีกมุมหนึ่ง เจนกลับมีอะไรที่คล้ายกับแฟร์รี่ แต่ถึงแม้จะมีความคล้ายกัน แฟร์รี่ก็ต้องเตรียมตัวอย่างจริงจัง เพื่อให้เข้าถึงตัวละครมากขึ้น ไม่ใช่แค่เรื่องน้ำหนักเท่านั้น เธอยังต้องตัดผม เพื่อให้เข้ากับลุคของเด็กสาววัยรุ่นที่กำลังค้นหาตัวเอง คนที่ยังไม่แน่ใจว่าชอบหรือไม่ชอบอะไร และกำลังเรียนรู้โลกใบนี้
“เรื่องนี้หนูต้องเพิ่มน้ำหนักเยอะมาก ถ้าดูในทีเซอร์หน้าหนูจะเหมือนลูกชิ้นเลย เพราะน้องเจนเป็นเด็กที่รักการกินสุดๆ น้องเจนเป็นเด็กที่ใช้ชีวิตไปเรื่อยๆ ไม่มีแผนอนาคต ชีวิตขับเคลื่อนด้วยความสุขเล็กๆ น้อยๆ แค่ได้แอบกินไอติมโดยที่แม่ไม่รู้ก็ถือเป็นความสุขมากๆ แล้ว”
จากเพื่อนร่วมงานสู่คู่หูแฟลตเกิร์ล
แฟร์รี่เล่าถึงความรู้สึกตอนแรก แต่หลังจากเวิร์กช็อปร่วมกับเอินเอิน เธอพบว่า เอินเอินมีอะไรหลายอย่างที่คล้ายกับตัวเอง นอกจากความสนิทสนม แฟร์รี่ยังได้เรียนรู้จากเอินเอินไม่น้อย
“เอินเอินเป็นคนที่ตั้งใจมาก เป้าหมายมีไว้พุ่งชน มีวินัย และพลังงานเหลือล้น สิ่งเหล่านี้กลายเป็นแรงผลักดันที่ทำให้หนูเองได้รับพลังบวกไปด้วย”
ในขณะที่แฟร์รี่ชื่นชมพลังงานของเธอ เอินเอินกลับประทับใจในทักษะการแสดงของแฟร์รี่ สิ่งที่เธอเห็นจากแฟร์รี่ไม่ใช่แค่การท่องบทและเล่นตามแผนที่วางไว้ แต่เป็นการรับส่งด้วยอารมณ์ของตัวละครในทุกซีน ก่อนหน้านี้เอินเอินเคยชินกับการเล่นซีรีส์ ซึ่งมีจังหวะและสไตล์ที่แตกต่างจากภาพยนตร์อย่างมาก และการได้สังเกตวิธีการแสดงของแฟร์รี่ก็ช่วยให้เธอเรียนรู้ และปรับตัวให้เข้ากับจังหวะของภาพยนตร์ได้ดียิ่งขึ้น
“แฟร์รี่เป็นคนที่แสดงได้เป็นธรรมชาติมาก และมีอะไรที่คาดไม่ถึงเยอะมาก มันเป็นการแสดงแบบใหม่ที่น่าทึ่งสำหรับหนู”
การทำความเข้าใจแฟลต เมื่อสถานที่กลายเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราว
แฟลตเกิร์ล ชั้นห่างระหว่าง เ ร า ไม่ใช่แค่เรื่องราวของแอนและเจน แต่ยังเป็นเรื่องราวของชุมชนในแฟลตด้วย ซึ่งเป็นโลกที่ตัวละครทั้งสองเติบโตขึ้นมา เพื่อให้เข้าถึงบทบาท ทีมงานจึงพานักแสดงไปยังสถานที่จริง เพื่อซึมซับบรรยากาศและเรียนรู้วิถีชีวิตของคนในชุมชน
“เราเดินสำรวจ พูดคุย สัมผัสทุกอย่างที่อยู่ตรงนั้น ให้รู้สึกเหมือนเราเป็นเด็กที่เติบโตและวิ่งเล่นอยู่ที่นี่มาตลอด และมันได้ผลจริงๆ พออยู่ไปเราก็เริ่มรู้สึกชิน มันเหมือนกับว่าเราเป็นส่วนหนึ่งของที่นั่นจริงๆ และเข้าใจตัวละครมากขึ้นโดยอัตโนมัติ”
แฟลตเกิร์ล: เรื่องราวของเด็กแฟลตที่สะท้อนชีวิต ความฝัน และโอกาส
“พี่แคลร์ ผู้กำกับโตมาในแฟลตตำรวจ เขาเห็นว่าเด็กแฟลตที่เคยสนิทกันมาก เมื่อโตขึ้นต่างต้องแยกย้ายไปคนละทิศทาง มันเลยกลายเป็นแรงบันดาลใจให้สร้างเรื่องนี้ขึ้นมา” เอินเอินเล่าถึงที่มาของหนัง
แฟลตเกิร์ล ชั้นห่างระหว่าง เ ร า ไม่ใช่แค่หนัง Coming of Age ทั่วไป แต่เป็นภาพสะท้อนของชีวิตใน ‘แฟลตตำรวจ’ พื้นที่ที่เด็กๆ เติบโตมาอย่างใกล้ชิดกัน ก่อนที่วันหนึ่งทุกคนจะต้องแยกย้ายไปตามเส้นทางของตัวเอง เป็นหนังที่เล่าเรื่องผ่านพื้นที่เดียว แต่เต็มไปด้วยรายละเอียดของชีวิตที่ซ่อนอยู่ภายในแฟลต จุดที่น่าสนใจคือ เด็กทุกคนในแฟลตโตมาในสภาพแวดล้อมเดียวกัน แต่ถูกเลี้ยงดูแตกต่างกัน พ่อแม่แต่ละครอบครัวมีวิธีสอนลูกที่ไม่เหมือนกัน ซึ่งส่งผลต่อเส้นทางชีวิตของพวกเขา
“บางทีดูเรื่องนี้อาจทำให้คนย้อนคิดว่า เรากำลังเลี้ยงลูกมาผิดวิธีหรือเปล่า หรือทำไมเด็กถึงอยากออกไปจากที่นี่ ในขณะที่อีกคนกลับอยากอยู่ต่อ คนภายนอกอาจมองว่า แฟลตเป็นแค่ที่อยู่อาศัย แต่ความจริงมันเป็นอีกโลกหนึ่งที่มีเรื่องราวมากมายรอให้ถูกเล่า” เอินเอินกล่าว
แฟร์รี่ซึ่งไม่เคยใช้ชีวิตในแฟลตมาก่อน ยอมรับว่าหนังเรื่องนี้ทำให้เธอได้เข้าใจวิถีชีวิตของผู้คนที่นี่มากขึ้น แต่ แฟลตเกิร์ล ชั้นห่างระหว่าง เ ร า ไม่ได้เล่าแค่ชีวิตในแฟลตเท่านั้น หนังยังพูดถึง ‘ความสัมพันธ์’ ในหลากหลายมิติ ทั้งมิตรภาพ ครอบครัว และความรัก
“ทุกคนเคยผ่านเรื่องราวเกี่ยวกับมิตรภาพและครอบครัว เป็นอะไรที่เชื่อมโยงกับผู้ชมได้ง่ายมาก แต่สิ่งที่พิเศษคือ เรื่องนี้ยังพูดถึงเรื่องชนชั้นและโอกาสด้วย” แฟร์รี่กล่าว
“มันไม่ใช่แค่ชั้นบนของแฟลตที่กำหนดฐานะของเรา แต่มันคือตัวเราเองที่ต้องกำหนดอนาคตของเราด้วย” เอินเอินเสริม
แฟลตเกิร์ล ชั้นห่างระหว่าง เ ร า กับการเป็นภาพยนตร์แซฟฟิกเรื่องแรกของ GDH
หนึ่งในจุดขายของ แฟลตเกิร์ล ชั้นห่างระหว่าง เ ร า คือการเป็นภาพยนตร์แนวแซฟฟิกเรื่องแรกของ GDH แต่สิ่งที่ทำให้หนังเรื่องนี้พิเศษ ไม่ใช่แค่การนำเสนอความสัมพันธ์ของตัวละครหญิง 2 คน แต่เป็นประเด็นที่ลึกกว่านั้น
“ความสัมพันธ์ของตัวละครเป็นเพียงส่วนหนึ่ง สิ่งที่เราอยากเล่าจริงๆ คือเรื่องชนชั้น ฐานะ ความฝัน และโอกาสของแต่ละคน” เอินเอินกล่าว
ขณะที่แฟร์รี่เสริมว่า แฟลตเกิร์ล ชั้นห่างระหว่าง เ ร า เป็นหนังที่นำเสนอความสัมพันธ์ในหลากหลายรูปแบบ
“เราจะเล่าเรื่องความสัมพันธ์ของเด็กผู้หญิง 2 คนยังไง มันเป็นอะไรที่ใหม่และท้าทาย แต่ที่แน่ๆ คือมันเป็นมากกว่าหนังรัก มันคือเรื่องราวของชีวิตที่มีความเป็นมนุษย์ และเราหวังว่าทุกคนจะเห็นสิ่งนั้นในหนังเรื่องนี้”
เส้นทางศิลปินและนักแสดงของเอินเอิน-แฟร์รี่ กับเป้าหมายที่ชัดเจนขึ้น
สำหรับเอินเอิน การเป็นนักแสดงและศิลปินไม่ใช่แค่ความฝัน แต่เป็นเป้าหมายที่เธอมุ่งมั่นมาตั้งแต่วัยเด็ก เป้าหมายของเธอชัดเจนมาตั้งแต่ต้น และเธอไม่เคยไขว้เขว เอินเอินไม่ได้มองแค่ความสำเร็จในระดับประเทศ แต่เธออยากก้าวไปถึงระดับอินเตอร์
“หนูโชคดีมากที่รู้ตัวเองตั้งแต่ 6 ขวบว่าหนูอยากทำอะไร มันยากมากที่เด็กผู้หญิงคนหนึ่งจะรู้ว่า ตัวเองต้องการอะไรไปตลอดชีวิต แต่หนูรู้ว่าหนูรักสิ่งนี้ และตั้งแต่นั้นมาหนูก็พยายามทำทุกอย่างเพื่อไปให้ถึงฝัน ไม่รู้ว่ามันจะเป็นไปได้ไหม แต่มันเป็นความฝันที่หนูจะไม่ล้มเลิกแน่นอน หนูจะทำมันไปเรื่อยๆ จนกว่าจะแก่”
นอกจากนี้เธอยังสะท้อนมุมมองของตัวละครแอนที่เธอแสดงใน แฟลตเกิร์ล ชั้นห่างระหว่าง เ ร า ว่า มีความคล้ายคลึงกับตัวเองในเรื่องของความมุ่งมั่น
“พี่แอนมีความฝันที่ชัดเจนเหมือนหนู แรงขับเคลื่อนของเขาไม่แพ้หนูเลย หรืออาจจะมากกว่าด้วยซ้ำ เขาไม่เคยคิดว่าตัวเองทำไม่ได้ แต่เขาคิดเสมอว่าเขาจะดิ้นรนไปถึงเป้าหมายได้อย่างไร จนกว่าวันหนึ่งเขาจะหมดแรงจริงๆ ถึงจะหยุด”
แฟร์รี่ต่างจากเอินเอินที่มีเป้าหมายชัดเจนตั้งแต่เด็ก เพราะเธอเริ่มต้นเส้นทางนี้โดยไม่ได้ตั้งใจ จนกระทั่งวันหนึ่ง เมื่อโอกาสมาถึงเธอเลือกที่จะคว้ามันไว้และตั้งใจจะทำให้ดีที่สุด
“ตอนเด็กๆ หนูไม่ได้มีเป้าหมายว่าอยากเข้าวงการ แต่แม่จะพาไปถ่ายโปรไฟล์ตลอด พี่สาวหนูอยู่ในวงการมาก่อน หนูก็ได้ไปออกกองกับพี่บ่อยๆ มันเหมือนเป็นการซึมซับมาเรื่อยๆ พอหนูได้รับโอกาสก็เลยคว้าโอกาสนั้น หนูไม่ได้อยากทำแค่ผ่านๆ ไป แต่อยากให้ทุกคนเห็นว่า หนูก็เป็นนักแสดงคนหนึ่งเหมือนกัน หนูก็จะตั้งใจทำมันต่อไป ทั้งในฐานะนักแสดงและศิลปิน”
เธอเห็นว่า ตัวเองมีความคล้ายกับตัวละครเจนใน แฟลตเกิร์ล ชั้นห่างระหว่าง เ ร า ตรงที่เคยใช้ชีวิตแบบไม่คิดถึงอนาคตมากนัก แต่เมื่อเวลาผ่านไป เธอเริ่มเห็นเส้นทางของตัวเองชัดเจนขึ้น
“หนูเหมือนน้องเจนตรงที่ตอนเด็กๆ ไม่ได้คิดถึงอนาคตมากนัก แค่ใช้ชีวิตในแต่ละวันไปตามความสุข แต่ตอนนี้หนูเริ่มเห็นเป้าหมายของตัวเองชัดขึ้น และอยากได้รับรางวัลการันตีว่า เราเป็นนักแสดงที่ดีคนหนึ่ง”
แฟลตเกิร์ล ชั้นห่างระหว่าง เ ร า เรื่องราวที่เหมาะกับทุกคน
ไม่ว่าคุณจะอยู่ในช่วงวัยไหน แฟลตเกิร์ล ชั้นห่างระหว่าง เ ร า ก็สามารถมอบบางสิ่งให้คุณได้เสมอ สำหรับคนที่โตแล้ว นี่อาจเป็นภาพยนตร์ที่พาคุณย้อนกลับไปนึกถึงช่วงเวลาหนึ่งในชีวิต เมื่อคุณยังอยู่ในวัยที่กำลังค้นหาตัวเอง สำหรับคนที่อยู่ในช่วงกำลังเติบโต นี่คือเรื่องราวที่สะท้อนความรู้สึก ความสับสน และการเปลี่ยนแปลงของวัยหนุ่มสาว
“เราอยากให้ทุกคนได้ดูเรื่องนี้ มันไม่ได้เป็นแค่เรื่องของความสัมพันธ์ของเด็ก 2 คนในแฟลต แต่มันสะท้อนชีวิตในหลายแง่มุม ทั้งเรื่องครอบครัว เพื่อน และการค้นหาตัวเองในช่วงวัยที่กำลังเติบโต มันเป็นเรื่องราวที่ใครก็ดูได้ ไม่จำกัดเพศหรือวัย เพราะสุดท้ายแล้วมันพูดถึงความเป็นมนุษย์ที่เราทุกคนต้องเคยสัมผัส”
Fact Box
- แฟลตเกิร์ล ชั้นห่างระหว่าง เ ร า ภาพยนตร์แนว Drama Coming of Age เรื่องใหม่จาก GDH นำแสดงโดย เอินเอิน-ฟาติมา เดชะวลีกุล, แฟร์รี่-กิรณา พิพิธยากร, บอย-ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์ และอาโป-วชิรากร รักษาสุวรรณ มีกำหนดเข้าฉายวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2568 ในโรงภาพยนตร์