“แม่ติ๋มเชียงใหม่ แม่ใหญ่ลำปาง แม่ฟางพิจิตร แม่ทิพย์เมืองจันท์ แม่จรัญเพชรบูรณ์ แม่จรูญสงขลา แม่บุหงาหนองคาย”

มุขตลกสุดคลาสสิกดังขึ้นมาจากด้านในร้านบาร์ Do You Ever Social Club ย่านซอยศิริมังคลาจารย์ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ แน่นอนว่าเราไม่ได้มานั่งทอดน่องร่ำสุราตามประสานักท่องเที่ยวยามราตรี เพราะจุดประสงค์แท้จริงนั้นก็เพื่อนัดสนทนากับกลุ่มคนหนุ่ม ที่เรียกตัวเอง ‘คณะเชิญยู๊ด’ (ChernYouth) 

ภาพจำของเชียงใหม่ในสายตาคนนอก ย่อมหนีไม่พ้นเมืองที่เต็มไปด้วยศิลปะและวัฒนธรรมสุดแสนวิจิตร ซึ่งไม่ได้ผิดแปลกสักเท่าไรหากจะคิดเช่นนั้น อย่างไรก็ดี ชายหนุ่มทั้ง 7 คน ได้แก่ ไบรท์-วิษณุ เส้นแก้วใส, จา-จามิกร ใบงิ้ว, ฟุ้ง-ทศพร หมีแก้ว, เจี๊ยบ-เจริญพงศ์ เยี่ยงอย่าง, น้าหมี-นิรันดร์ พุทธสอน, โตโต้-จิรวัฒน์ นาวาจักร และแฟรงค์-ศิวกร กาวิเต กลับนึกต่างออกไปว่าเมืองศูนย์กลางแห่งดินแดนล้านนานี้ยังขาดทั้ง ‘รอยยิ้ม’ และ ‘เสียงหัวเราะ’ 

ดังนั้น พวกเขาจึงก่อตั้งกลุ่มที่มีชื่อว่า คณะเชิญยู๊ด พร้อมปัดฝุ่นนำวิธีการแสดงรูปแบบ ‘ตลกคาเฟ่’ ที่ปัจจุบันแทบจะสูญหายไปตามกาลเวลามาใช้อีกครั้ง โดยพัฒนาการละเล่นมุขให้มีความสดใหม่ทันกระแส ภายใต้การเล่าประเด็นผ่านเหตุการณ์สังคม การเมือง และคงเอกลักษณ์วัฒนธรรมภาษาถิ่นหรือที่เรียกว่า ‘คำเมือง’ ร่วมได้อย่างเพลิดเพลิน

เกริ่นนำพอหอมปากหอมคอ เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาขอเชิญพับกบ เอ้ย! พบกับ อภิมหาคณะตลกดาวรุ่งพุ่งกระฉูด ที่ใครได้ดูก็ต้องหัวเราะไหล่สั่น กรามค้าง เชิญยู๊ด (เสียงไมค์ก้อง) ในคอลัมน์ The Frame ซีรีส์พิเศษ Chiang Mai Cityscape: Decentralized ได้นับตั้งแต่บัดนี้ 

หมายเหตุ: โตโต้หนึ่งในสมาชิกติดภารกิจส่วนตัวจึงไม่สามารถร่วมพูดคุยได้

จุดเริ่มต้นของ ‘เชิญยู๊ด’ คณะตลกที่นำวัฒนธรรมการแสดงตลกตามคาเฟ่ยุค 80s-90s กลับมาอีกครั้ง

พวกคุณรวมตัวกันได้อย่างไร?

ผมเปิดฉากถามแก๊งตลกเลือดใหม่ทันที ขณะที่สายตาเหลือบไปเห็นสารพัดอุปกรณ์ประกอบการแสดง ทั้งถาดอะลูมิเนียม พัดยักษ์ทำจากฟิวเจอร์บอร์ด ท่อแอร์ ปืนแก๊ป ฯลฯ ที่สภาพผ่านการใช้งานมาอย่างโชกโชน นั่นพอจะคาดเดาได้ว่าพวกเขารวมตัวกันมาได้นานพอสมควร ไม่กี่อึดใจไบรท์ผู้เป็นหัวหน้าจึงเริ่มเล่าถึงที่มาของการก่อตั้งคณะเชิญยู๊ด 

ไบรท์: ย้อนกลับไปเมื่อสองปีก่อน (2563) มีสถานบันเทิงในเชียงใหม่ชื่อว่า YOUTH SK8 CLUB เจ้าของ โตโต้ (จิรวัฒน์ นาวาจักร) ได้ประกาศรับสมัครนักแสดงตลกหรือสแตนด์อัพคอเมดีมาโชว์ในร้าน แต่เปิดรับสมัครอยู่นานเป็นเดือนก็ไม่มีใครมาสักที ผมที่ไปดื่มกินที่ร้านเป็นประจำทุกคืนก็คุยกับ จา (จามิกร ใบงิ้ว) ว่าร้านคนเยอะแต่ทำไมบรรยากาศมันเงียบเหงาจังวะ ถ้างั้นเรามาเล่นตลกกันดีกว่า ก็เลยขอโตโต้ขึ้นไปแสดง

จา: ส่วนตัวผมกับพี่ไบรท์เราสนิทกันอยู่แล้ว ครั้งแรกที่เราเล่นตรงกับวันที่ร้านมีจัดเคานต์ดาวน์ปีใหม่พอดี จริงๆ ต้องบอกว่าเราขึ้นไปพูดเรื่อยเปื่อยออกแนวสแตนด์อัพคอเมดีมากกว่า แต่ก็อยู่ในกรอบของมุขตลกคาเฟ่ ชงมุขไปพี่เขาก็ตบกลับมาได้ เพราะเราต่างโตมากับการดูตลกคาเฟ่อยู่แล้ว และคนที่มาดูวันนั้นส่วนใหญ่เป็นเพื่อน เป็นคนรู้จัก เลยไม่ค่อยเกร็ง

ไบรท์: โตโต้เขาถ่ายคลิปที่เราแสดงเก็บไว้โปรโมตร้าน พอมาดูย้อนหลังก็รู้สึกเราแม่งตลกใช้ได้นี่หว่า (หัวเราะ) ผมกับท็อปเลยคุยกัน ว่าในเชียงใหม่ยังไม่มีใครทำคณะตลกคาเฟ่ Old School ยุค 80s-90s งั้นเราลองมาตั้งทีมกันแล้วไปโชว์ตามร้านต่างๆ ในนามคู่หูดูโอ้ไบรท์จาสไลด์ฮาสไลด์ สัปดาห์แรกที่เล่นยังพอไหวแต่พออาทิตย์ที่สองคนดูเริ่มเยอะ เล่นกันชั่วโมงครึ่งแค่สองคนชักจะไม่ไหว เลยต้องหาสมาชิกเพิ่มก็ได้ฟุ้ง เจี๊ยบ น้าหมี มาช่วยเล่น และได้โตโต้กับแฟรงค์มาเล่นดนตรีแบ็กอัปสร้างสีสัน สร้างมิติให้ตอนแสดงไม่แห้งเกิน

น้าหมี: ของน้านี่กว่าจะได้เป็นสมาชิกยากหน่อย เรามีโอกาสได้ดูน้องๆ เขาแสดงที่ร้าน YOUTH SK8 CLUB ก็เลยเดินไปบอกโตโต้ว่า เฮ้ย! น้าขอร่วมวงเล่นด้วยคนได้ไหม ตื๊ออยู่ 3-4 รอบ จนได้โอกาสไปออดิชัน น้องเขาก็ยังเกร็งๆ ด้วยความที่ผมอายุมากกว่า แล้วเป็นใครมาจากไหนไม่รู้ เลยต้องบอกน้องว่าเรามืออาชีพ ขึ้นไปบนเวทีเต็มที่เลย จากนั้นแหละพวกมันก็ฟาดหัวผมทั้งคืน (หัวเราะ) 

ฟุ้ง: ช่วงแรกที่เราไปเล่นต้องให้ผู้จ้างช่วยแจ้งประชาสัมพันธ์ลูกค้าพอสมควร มีคืนหนึ่งเราถูกเรียกไปเล่นคั่นกลางงานแสดงดนตรี ทีนี้มีคู่รักนักท่องเที่ยวต่างชาติชาวญี่ปุ่นลักษณะน่าจะกรึ่มได้ที่ เดินมาหน้าเวทีตะโกนเสียงดังว่า Get out Get out พูดเป็นภาษาญี่ปุ่นใจความประมาณพวกมึงคุยกันเยอะแล้วเมื่อไรจะร้องเพลงสักที จนมีคนไปอธิบายเขาถึงเย็นลง นักดนตรีเขาก็ตะโกนให้กำลังใจเราถึงเล่นต่อได้ อีกมุมหนึ่งก็มีกลุ่มคนที่ให้ความสนใจมาดูเราโดยเฉพาะเหมือนกัน

คลิปการแสดงส่วนหนึ่งของคณะเชิญยู๊ด 

‘เชิญยิ้ม’ บรมครูด้านเสียงฮา ที่เป็นแรงบันดาลใจให้แก่ ‘เชิญยู๊ด’

เชื่อว่าหลายท่านคงเอะใจกับชื่อคณะเชิญยู๊ด ที่ช่างละม้ายคล้ายกับชื่อของคณะตลกอันดับหนึ่ของประเทศไทยอย่างเชิญยิ้ม ที่อุดมณ์ด้วยนักแสดงตลกระดับประเทศนับไม่ถ้วน อาทิ โน้ต เชิญยิ้ม (บำเรอ ผ่องอินทรกุล), เป็ด เชิญยิ้ม (ธัญญา โพธิ์วิจิตร), ถั่วแระ เชิญยิ้ม (ศรสุทธา กลั่นมาลี) ฯลฯ

แน่นอนว่าเหตุผลสำคัญมาจากการที่คณะเชิญยิ้ม มีส่วนเป็นแรงบันดาลใจให้พวกเขาหันมาสนใจการแสดงตลก เพื่อเป็นการให้เกียรติจึงได้นำคำว่า ‘เชิญ’ มาใช้นำหน้า ไปจนถึงแนวทางการเล่นมุขต่างๆ ที่ยังแฝงกลิ่นอายความเป็นตลกคาเฟ่

ไบรท์: ผมใช้คำว่า ‘เชิญ’ เพื่อเป็นการบูชาถึงคณะเชิญยิ้มที่เราดูเขาแสดงมาตั้งแต่เด็ก ส่วนยู๊ด (Youth) ก็มาจากชื่อของร้าน YOUTH SK8 CLUB ที่เป็นจุดกำเนิดของพวกเรา 

สมาชิกเชิญยู๊ดส่วนใหญ่โตมากับการดูวิดีโอตลกคาเฟ่ อย่างพ่อผมเวลาไปร้านวิดีโอเขาก็จะเช่าหนัง การ์ตูน แล้วก็ตลกกลับมา ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการแสดงของคณะป๋าโน้ต เชิญยิ้ม หลังจากนั้นก็จะมาตามพวกรายการก่อนบ่ายคลายเครียด ชิงร้อยชิงล้าน หม่ำเท่งโหน่ง เรียกว่าชีวิตอยู่กับตลกมาตลอด

เจี๊ยบ: เด็กๆ ผมคลุกคลีมากับการดูวิดีโอ ดูซีดีตลกคาเฟ่อยู่แล้ว ไม่ใช่แค่คณะเชิญยิ้ม ก็มีเอาไปแลกสลับกับเพื่อนดู 

ฟุ้ง: แต่ที่แลกกลับมาเป็นซีดีน้องแนทนะ ไม่ใช่ซีดีตลก 

เจี๊ยบ: สอดไส้ข้างใน ใช่ที่ไหนล่ะ 

(ทุกคนหัวเราะพร้อมกัน) 

หลังจากนั้นก็จะดูตามรายการโทรทัศน์ จนมาถึงยุคออนไลน์บนยูทูบ

แฟรงค์: สำหรับผมโตมากับการดูตลกคณะพี่สีหนุ่ม เชิญยิ้ม ผมรู้สึกว่าเขาเป็นตลกหัวไว ลูกเล่นแพรวพราว พอโตขึ้นมาหน่อยก็จะตามรายการชวนชื่นคาเฟ่ ที่ฉายช่องไอทีวี ตอนเย็น และเคยไปดูสดที่คณะชวนชื่นเขาไปสัญจรตามมหาวิทยาลัย 

น้าหมี: สมัยน้า ใครมีเครื่องเล่นวิดีโอถือว่ามีฐานะพอสมควร น้าก็จะไปดูตลกตามบ้านเพื่อนที่เขามีเครื่องเล่น ที่ชอบก็จะเป็นคณะจุ๋มจิ๋ม เข็มเล็ก กับเชิญยิ้ม แต่ไอ้เพื่อนตัวแสบก็ชอบกรอไปตอนท้ายเพราะมันแทรกหนังโป๊เอาไว้ (หัวเราะ) พอหมดจากยุคนั้นตลกคาเฟ่ก็เริ่มมีให้ดูตามช่องโทรทัศน์มากขึ้น

จา: ผมจะคล้ายกับพี่ไบรท์ตรงที่ชอบตลกคณะโน้ตเชิญยิ้ม แต่ที่โชคดีคือที่บ้านผมเป็นคณะลิเกเลยมีโอกาสได้คลุกคลีกับตลกชั้นครู อย่าง วิฑูรย์ ใจพรหม ที่ร้องเพลงตลกคำเมืองก็เป็นเพื่อนกับพ่อและตาของผม เวลาตอนเย็นเขามาสังสรรค์ มาซ้อมมุข เราก็ลักจำมุขตลกคำเมืองไปใช้บ้าง

ฟุ้ง: มุขแรกในชีวิตที่ผมจำได้เป็นของคณะดู๋ ดอกกระโดน ที่เอาเพลง Holidays ของวง Scorpions มาแปลง จากนั้นก็มาดูพวกวิดีโอมิสเตอร์บีน พากย์อีสาน และฟังเพลงตลกคำเมืองของ วิฑูรย์ ใจพรหม แต่ที่พีกสุดคงเป็นหนังเรื่องแสบสนิท ศิษย์ส่ายหน้า ถ้านับยอดวิวคงเป็นของผมประมาณหนึ่งล้าน ก็จะตามน้าค่อม โก๊ะตี๋ จตุรงค์ ม๊กจ๊ก เป็นหลัก

จา: ด้วยความที่พวกเรามีรสนิยมและพื้นฐานการดูตลกคาเฟ่ค่อนข้างจะใกล้เคียง เลยทำให้เข้าขากันเวลารับส่งมุข 

สังคม การเมือง และวัฒนธรรมภาษาถิ่น ปัจจัยสำคัญที่ต้องปรับตามเพื่อให้ตลกคาเฟ่ไม่สูญพันธุ์ แม้อยู่ในยุค 4.0

คณะตลกที่ดีย่อมต้องมีการแบ่งหน้าที่ ตัวชงมุข ตัวตบมุข ตัวโดน ตัวขยี้ อย่างไรก็ดี ณ ยุคสมัยที่คนมองคนเท่ากัน แค่ซักซ้อมให้ได้ตามแผนคงไม่พอ คณะตลกสมัยนี้ต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบการละเล่นเสียใหม่ให้มีความทันสมัยต่อเหตุการณ์ในสังคม ทั้งยังมีเรื่องต้องให้ระมัดระวังมากมายโดยเฉพาะการใช้คำ ที่อาจกระทบจิตใจคนดู ซึ่งเป็นสิ่งที่เชิญยู๊ดให้ความใส่ใจเป็นอันดับต้นๆ 

นอกจากนี้ พวกเขายังหาจุดเด่นด้วยการนำอัตลักษณ์ภาษาถิ่นภาคเหนือ หรือ ‘คำเมือง’ มาใช้ โดยมีศิลปินชั้นครูล้านนาอย่าง วิฑูรย์ ใจพรหม, บุญศรี รัตนัง, เหินฟ้า หน้าเลื่อม, จรัล มโนเพ็ชร ฯลฯ เป็นต้นแบบ

จา: มุขคาเฟ่ถ้าจะนำมาใช้ในยุคสมัยปัจจุบันค่อนข้างยาก พวกมุขใต้สะดือ เหยียดเชื้อชาติ เหยียดสีผิว เพศสภาพ เล่นกับความพิกลพิการ ทุกวันนี้มันถูกจัดอยู่ในหมวดหมู่การบูลลี่ เราจะไม่เล่นเลย แต่ถ้ามันหลีกเลี่ยงไม่ได้จริงๆ ยกตัวอย่างมุข ตรุษจีนขาวๆ ตรุษไทยจะลายๆ หน่อย (เล่นคำจากตูดเป็นตรุษ) เราจะรีบขอโทษคนดูทันทีไม่ปล่อยให้เลยเถิดเป็นดราม่า แต่ถ้าเป็นพวกมุขล้อเหตุการณ์บ้านเมือง ล้อรัฐบาล เราจะใส่เต็มที่ เรื่องสูงกว่านั้นก็มีบ้างประปราย

ใช่ไหมท่าน เหมือนล่าสุดที่ท่านโดนปลดจากการเป็นนายกฯ ชั่วคราว (มุขล้อเลียน พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา กรณีโดนศาลรัฐธรรมนูญพักหน้าที่ชั่วคราวหลังเข้าข่ายรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเกิน 8 ปี)

ไบรท์: ผมก็ต้องกลับบ้านนะน่ะ (เลียนเสียงพลเอกประยุทธ์)

จา: แค่นี้พอๆ (ยิ้ม)

เจี๊ยบ: แม้แต่คำหยาบเราก็ต้องระวัง ในยุคสมัยนี้การใช้คำเป็นเรื่องละเอียดอ่อน แม้แต่กับเพื่อนสนิทยังต้องระวังปาก หากเป็นสมัยวิดีโอตลกคาเฟ่นี่แซวกันยับ

อีกกรณีหนึ่ง คือเราเคยเตรียมงูปลอมไปเล่นกับลูกค้า พอเอาไปเล่นจริงบังเอิญลูกค้าท่านนั้นเขากลัวงูจริง กลัวจนตัวสั่นน้ำตาไหล พวกผมก็หน้าเสีย เสร็จงานต้องลงไปยกมือไหว้ขอโทษ กลายเป็นบทเรียนครั้งสำคัญว่า ถ้าจะเล่นอะไรให้คิดถี่ถ้วน 

ไบรท์: เรื่องการเมืองหรือเรื่องข้างบนเราเองก็เสียวๆ แต่มีปรึกษากันแล้วว่าพวกเราอยากแสดงจุดยืนทางการเมือง ก็มีข้อดีบ้างตรงที่กลุ่มคนดูส่วนใหญ่เป็นคนรุ่นใหม่ เขาก็จะอินกับจุดยืนทำนองนี้เหมือนกัน ทำให้มุขที่เราเล่นออกไปเขาเข้าใจได้ง่าย

จา: แต่จริงๆ เราขวาจัดเลยนะ 

(ทุกคนหัวเราะพร้อมกัน) 

ส่วนตัวเป็นคนที่ผลักดันเรื่องนี้อยู่แล้ว ผมมีวงดนตรีที่เล่นเพลงเกี่ยวกับการเมือง ก็พยายามจะนำเอาจุดยืนของผมมาใช้กับเชิญยู๊ด ตอนแรกมีเกรงใจเพื่อนบ้าง กลัวโยนไปแล้วเขาไม่กล้าเล่น มันมีความสุ่มเสี่ยง ขนาดแค่คุณออกไปเดินขบวน แต่งตัว ทำงานศิลปะ โพสต์สเตตัสยังโดนจับเข้าคุก ผมไม่ซีเรียสถ้าจะโดนจับเพราะคอลเอาต์เรื่องการเมือง แต่กับเพื่อนคนอื่นเขายังมีครอบครัวต้องดูแล ฉะนั้น เราจะไม่ทำให้กรอบการโชว์ของเราเป็นเหมือนการปราศรัย เน้นเป็นการสอดแทรกมากกว่า จาก 100% เหลือแค่ 10% หลังจบงานผมก็พยายามฟีดแบ็กถามเพื่อนว่าเล่นประมาณไหนได้บ้าง 

ไบรท์: มีนะลูกค้าที่รีเควสต์มาเลยว่า ห้ามเล่นมุขล้อเลียนการเมือง

จา: พวกผมเคยมีความคิดอยากให้น้าหมีแต่งชุดครอปท็อปนะ แต่เขาไม่เอา ให้เปลี่ยนไปแต่งเป็นเคร้อยล้านก็ไม่เอา น้าบอกลูกน้ายังเล็ก (หัวเราะ) ผมว่าตลกยุคนี้เหมือนเป็นกระจกสะท้อนให้เห็นถึงความบิดเบี้ยวของสังคมยุคนี้ได้เหมือนกัน

ไบรท์: ส่วนที่เราหยิบภาษาถิ่น หยิบคำเมืองมาโชว์ในการแสดง จุดนี้เราไม่ได้แปลงหรือผวนเอาฮา แต่จะเป็นการซัพพอร์ตและสื่อให้คนต่างถิ่นเห็นถึงวัฒนธรรมบ้านเรา เช่น แนวดนตรี การกิน การใช้ชีวิต มุขแนวนี้ฟุ้งเขาจะเป็นคนถนัด 

ฟุ้ง: ผมเป็นคนจังหวัดลำพูน เขาก็จะมีภาษาคำเมืองท้องถิ่นที่เรียกว่า ‘ภาษายอง’ (ภาษาของชาวไทลื้อที่ส่วนหนึ่งอาศัยอยู่ในจังหวัดลำพูน เชียงราย และเชียงใหม่) เช่น ขนมจีนนี่เรียกว่า ขะหนุ๋มซิ่น, ตู้เย็นเรียกว่า ตู้ยิน, จะกินก็กินฮี ที่ภาคกลางหมายถึงจะกินก็กินสะ สำเนียงท้องถิ่นคนนอกฟังอาจจะคิดว่าสื่อไปทางสองแง่สองง่าม เหมือนภาษาอีสานที่ควายออกเสียงเป็นควย แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่

จา: แล้วคุณเป็นคนที่ไหน (ผายมือไปทางไบรท์)

ไบรท์: ผมเป็นคนพระประด๋อย เอ้ย แดง (หัวเราะ)

ตลกคาเฟ่ไม่มีวันตาย ความสุขที่ได้จากการเล่นตลก และความหวังที่อยากเห็นวงการตลกเฟื่องฟูในเชียงใหม่

“พูดได้เต็มปากไหมว่าตลกคาเฟ่ตายหมดแล้ว”

ผมถามพวกเขาต่อด้วยความสงสัยในฐานะเด็กกรุงเทพฯ ที่เป็นแผ่นดินแม่ของตลกคาเฟ่ยุค 80s-90s ลากยาวทั้งเส้นถนนรัชดาภิเษกจนถึงพระราม 9 แต่ปัจจุบันแทบไม่เหลือเค้าลางให้เห็น คาเฟ่ส่วนใหญ่ถูกรื้อทิ้งแปลงโฉมเป็นตึกแถว บ้างก็กลายเป็นคอนโดมิเนียม เป็นลานจอดรถ ส่วนตลกหน้าเก่าก็ผันตัวเป็นนักแสดงทางโทรทัศน์และช่องทางออนไลน์ 

เจี๊ยบ: ผมว่าไม่ได้ตาย อาจจะมีบ้างที่เสียชีวิต

ฟุ้ง: คนละตาย ไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น

ไบรท์: ตลกคาเฟ่เดี๋ยวนี้เขาย้ายไปเล่นในรายการโทรทัศน์เสียมากกว่า อย่างรายการบริษัทฮาไม่จำกัด หรือก็มาดิคร้าบ ก็ยังเอาแนวทางการเล่นของตลกคาเฟ่ไปสอดแทรกในบทอยู่ 

จา: เลยเป็นความสงสัยที่ว่าทำไมร้านหมูกระทะ ร้านเหล้าเขาจ้างวงดนตรีไปเล่นได้ แต่ไม่จ้างคณะตลกไปบ้าง เราก็อยากจะทำให้เขาเห็นว่าตลกก็สามารถไปเล่นได้นะ ไม่ต้องยึดติดอยู่กับคาเฟ่ 

แฟรงค์: สมัยก่อนร้านหมูกระทะสุคนธาเขาก็มีจ้าง วิฑูรย์ ใจพรหม ไปเล่นประจำ

จา: ใช่ นั่นเป็นยุครุ่งเรืองของตลก ก็จะมีคณะตลกแวะเวียนไปเล่นตามร้านเหล้า ร้านทอง ร้านหมูกระทะ โต๊ะสนุกเกอร์ ฉะนั้น ไม่ว่าอยู่ที่ไหนตลกก็เล่นได้ ที่เขานิยามตลกคาเฟ่ว่าตาย อาจเป็นเพราะเขาไม่ปรับเปลี่ยนตามยุคสมัยหรือเปล่า 

ถึงกระนั้น พวกเขาทั้ง 6 คน กลับเห็นพ้องต้องกันว่า ขอโฟกัสอาชีพตลกเป็นอาชีพสำรอง ที่ทำด้วยความรักเสมือนงานอดิเรก และเพื่อผลักดันวงการตลกในเชียงใหม่ โดยไม่สนใจเรื่องของรายได้เท่าไรนัก เนื่องจากแต่ละคนต่างก็มีอาชีพหลักเป็นของตนเอง

ฟุ้ง: ผมทำอาชีพหลักเป็นเซลขายประกัน ครั้งแรกที่ไบรท์ชวนเราไปเล่น ไม่รู้เลยนะว่าจะได้ค่าตัวหรือเปล่าขอแค่มีเบียร์ให้ดื่มก็พอ จนทุกวันนี้แม่ผมถามแล้วว่าเดือนนี้มีรายได้เสริมไหม (หัวเราะ) ทุกวันนี้ท่านก็รับรู้ สนับสนุนเราให้มาเป็นตลก เพราะเห็นว่ามีความสุขกับตรงนี้

จา: ส่วนผมทำงานเป็นเซลขายเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ ที่มาทำอาชีพนี้มีเหตุผลเดียว คือเราได้เล่นตลกกับเพื่อน ไม่ได้คาดหวังว่าจะกลายเป็นอาชีพที่สร้างรายได้มหาศาลจนเป็นอาชีพหลัก 

น้าหมี: ก่อนหน้านี้ผมทำอาชีพเป็นคนขับรถตุ๊กตุ๊ก เป็นนายตัวเองก็มีเวลาเหลือเยอะ พอเราได้มาเจอกับน้องๆ เลยเป็นการสานฝันวัยเด็กที่อยากเป็นตลก ไม่ได้คาดหวังเหมือนกันว่าจะต้องได้เงินเท่าไร ขอแค่สนุกกับเพื่อนพอ

เจี๊ยบ: ตอนไบรท์ชวนผมมาร่วมทีม ผมยังทำอาชีพเดินขายถั่ว พอได้มาเล่นเลยเป็นการท้าทายตัวเอง ได้ทำสิ่งใหม่ที่เราไม่เคยทำ

แฟรงค์: ช่วงที่พี่เจี๊ยบชวนมาเล่นให้กับเชิญยู๊ด เป็นช่วงที่ผมหมดไฟโควิดทำให้เราไม่ได้เล่นดนตรี ประกอบกับผมตามเชิญยู๊ดมาสักพักแล้ว ถ้าจะให้เล่นดนตรีแบ็กอัพ หรือเล่นตลกตำแหน่งไหนผมยินดีหมด มีโดนเพื่อนอำบ้างว่ามึงเรียนดนตรีแจซ ละติน แต่มาเล่นตีกลองตบมุข ผมสวนกลับไปว่านี่แหละความสุขกู (ยิ้ม)

ไบรท์: เป้าหมายผมกับเพื่อนๆ คืออยากผลักดันวงการตลกในเชียงใหม่ ที่ตอนนี้ไม่มีคณะไหนเหลืออยู่ ถ้าเราทำได้นี่เรายืนหนึ่งคณะเดียวเลยนะ แต่ถ้าใครอยากจะมางัดกับพวกเราก็ยินดี

(ทุกคนหัวเราะพร้อมกัน)

นี่แหละครับ เราอยากทำให้เชียงใหม่มีคณะตลกประจำจังหวัด ทำให้คนกลางคืนมีอาชีพทางเลือกมากยิ่งขึ้น และเป็นไปได้ก็อยากไปเล่นที่กรุงเทพฯ ถิ่นกำเนิดของตลกคาเฟ่ยุคก่อน

 

ฝากอะไรถึงเด็กรุ่นใหม่ที่อยากก่อตั้งคณะตลกแบบพวกคุณหน่อย

ไบรท์: อยากชวนเขามาเล่นอีเวนต์เดียวกับเรา เหมือนที่สมัยก่อนหนึ่งคาเฟ่มีตลกเล่นหลายคณะ จะได้เป็นคอมมูนิตี้กว้างขึ้นจากเชียงใหม่เป็นทั่วประเทศ

จา: เด็กสมัยนี้เขาหันไปเล่นมุขเล่นตลกบนโซเชียลฯ กันเยอะ ไอจี เฟซบุ๊ก TikTok คิดเองบ้าง จำเขามาเล่นบ้าง แต่ถึงขั้นวงใหญ่แบบคณะของ แจ๊ส ชวนชื่น บอล เชิญยิ้ม ยังแทบไม่เคยเห็น 

น้าหมี: หรือเราเป็นพวกนิยมวิธีการแบบ Back to the Basic 

จา: เปล่า เราขี้เกียจ 

(ทุกคนหัวเราะพร้อมกัน)

หลังใช้เวลาสนทนาราว 1 ชั่วโมงเต็ม นอกจากรอยยิ้ม มิตรภาพ และเสียงหัวเราะ อีกนัยหนึ่งผมเห็นความมุ่งมั่นของกลุ่มคนรุ่นใหม่ ที่มีความมุ่งมั่นตั้งใจอยากผลักดันในสิ่งที่ตนเองรัก แม้ปัจจัย ทรัพยากร และคติความเชื่อ ที่ประเทศนี้มีอาจไม่เอื้ออำนวยเสียเท่าไร 

หวังว่าอนาคต คณะตลกที่ชื่อเชิญยู๊ดจะสามารถก้าวไปได้ในอีกระดับ จนทำให้จังหวัดเชียงใหม่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ และปลุกให้วัฒนธรรมตลกคาเฟ่ในประเทศไทยกลับมาอีกครั้งดังใจปรารถนา

Fact Box

  • ติดความเคลื่อนไหวของคณะเชิญยู๊ดได้ทางเฟซบุ๊ก คณะเชิญยู๊ด และ IG: @chernyouth รวมถึงติดต่อจ้างงานแสดงได้ที่เบอร์โทรศัพท์ 08-4482-3859 
  • นอกจากจะเป็นสมาชิกของคณะเชิญยู๊ด ไบรท์-วิษณุ เส้นแก้วใส ยังเป็นที่รู้จักในฐานะศิลปินแนวกราฟิตี้สะท้อนเรื่องราวการเมือง ที่มีนามแฝงว่า ‘Brightside’ รวมถึงเป็นหุ้นส่วนของ Do You Ever Social Club บาร์ย่านซอยศิริมังคลาจารย์ ที่หนุ่มสาวชาวเชียงใหม่และนักท่องเที่ยวขาจร นิยมแวะมาดื่มกินยามค่ำคืน
  • ร้าน YOUTH SK8 CLUB ที่เป็นจุดกำเนิดของคณะเชิญยู๊ด ถือเป็นแหล่งรวมตัวของวัยรุ่นที่นิยมเล่นสเก็ตบอร์ดในเชียงใหม่ โดยมี โตโต้-จิรวัฒน์ นาวาจักร ที่เคยคลุกคลีอยู่ในวงการสแตนด์อัพคอเมดีเป็นเจ้าของ ทว่าน่าเสียดายที่ปัจจุบันได้ปิดตัวลงไปแล้ว
Tags: , , , , , ,