หากใครเป็นแฟนรายการ ‘เดอะโกสต์เรดิโอ (The Ghost Radio)’ ทั้งฟังสดและฟังแห้งคงรู้จักเรื่องผีสุดหลอนอย่าง ‘ข้างบ้าน’ เรื่องเล่าของ ‘คุณหนวด’ ซึ่งเป็นตำนานของเดอะโกสต์ฯ ที่มียอดผู้เข้าฟังอย่างล้นหลาม และในที่สุดเดอะโกสต์ฯ ก็นำเรื่องข้างบ้านมาสร้างเป็นภาพยนตร์ร่วมกับฉายแสง แอด.เวนเจอร์ โดยได้ โขม-ก้องเกียรติ โขมศิริ มากำกับ และพร้อมเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ 4 ธันวาคมนี้

ส่วนผู้ที่มารับบทเป็น ‘วิน’ พระเอกของเรื่องคือ ‘อาเล็ก-ธีรเดช เมธาวรายุทธ’ เขากล่าวกับ The Momentum ว่า บทบาทนี้ท้าทายอยู่ไม่น้อย เพราะต้องเล่นเป็นผู้ชายธรรมดาทั่วไป ซึ่งหลายคนอาจยังไม่ชิน ที่ต้องเห็นเขาเป็นมนุษย์เงินเดือนทั่วไป เพราะก่อนหน้านี้บทบาทที่เขาได้รับส่วนใหญ่มักเป็นคนที่ไม่ธรรมดา

“คาแรกเตอร์ของวิน เขาเป็นผู้ชายธรรมดาทำงานออฟฟิศและมีครอบครัว สิ่งที่ท้าทายคือทำอย่างไรให้คนดูวินแล้วรู้สึกว่าเป็นคนธรรมดาจริงๆ เพราะถ้าสังเกตบทบาทจากละครหรือซีรีส์ที่เคยได้รับ มันจะไม่ใช่คนธรรมดา เป็นมาเฟียบ้าง เป็นเจ้าของบริษัทบ้าง ซึ่งมันดูแฟนตาซีประมาณหนึ่ง”

อีกหนึ่งความท้าทายหนีไม่พ้นตัวตนของอาเล็กที่เป็นคนกลัวผีมาก จึงอดตั้งคำถามไม่ได้ว่า อะไรที่ทำให้เขาตัดสินใจเล่นหนังผี นอกจากนี้ยังชวนคุยเรื่องบ้าน และเรื่องหัวใจของพระเอกหนุ่มตี๋คนนี้อีกด้วย

อาเล็กในบทผู้ชายธรรมดา

ข้างบ้าน เป็นเรื่องราวของครอบครัวหนึ่งที่มองหาบ้าน เพื่อสร้างครอบครัวเล็กๆ แสนอบอุ่น ทว่าบ้านที่พวกเขาเลือกอาจไม่ใช่บ้านแสนสุขที่ใฝ่ฝัน และเมื่ออาเล็กต้องมารับบทนี้ เขามีวิธีแสดงอย่างไรให้คนดูเชื่อว่า เขาเป็นหัวหน้าครอบครัวธรรมดาคนหนึ่ง 

“ต้องบอกว่าปกติตัวเราเป็นคนชิลๆ อยู่แล้ว แต่เราก็ต้องทำการบ้านเรื่องบุคลิกด้วย เพื่อให้ตัวละครนี้ไม่ดูติดหล่อ ติดเท่ ท่าเดินท่านั่งไม่ให้มันสมาร์ตจนเกินไป เพราะเขาเป็นผู้ชายธรรมดาอยู่ที่บ้าน” อาเล็กเล่า

แม้ต้องทำการบ้านเรื่องคาแรกเตอร์ตัวละครหนักเป็นพิเศษ แต่อาเล็กเล่าให้ฟังว่า ตัวตนของเขาสมัยก่อนตอนยังไม่เป็นนักแสดงก็มีความใกล้เคียงกับวิน

“วินเป็นคนที่ไม่ได้มีเสน่ห์ ไม่ได้มีความน่าสนใจอะไรเลย จืดๆ เลยก็ได้ ซึ่งตอนสมัยมัธยมเราเป็นคนแบบนั้น ไม่มีแสง ไม่มีสีสัน ไม่ได้มีความน่าสนใจใดๆ ไม่ได้เก่งด้านใดด้านหนึ่ง ไม่ได้เป็นนักกีฬา เลยรู้สึกว่าจริงๆ แค่ไม่ได้ทำอะไร ก็เป็นผู้ชายที่ใช้ชีวิตไป”

ความคล้ายคลึงระหว่างอาเล็กกับวินอีกอย่างหนึ่งคือ ลักษณะนิสัยเฉพาะในการจัดการปัญหาที่กลายเป็นปมของหนังเรื่องนี้ 

“วินเป็นคนดีคนหนึ่ง มีตรรกะความคิดทั่วไป แต่มีสิ่งเดียวที่เป็นนิสัยเสียของเขาคือ เวลาเจอปัญหาอะไรที่ไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตาย ไม่ใช่เรื่องด่วน หรือจำเป็นต้องจัดทันที เขาจะข้ามไป อาจจะกลับมาแก้ทีหลังหรือไม่กลับมาแก้ทีหลัง ทำให้จากปัญหาเล็กก็กลายเป็นปัญหาใหญ่ ซึ่งตัวเราเมื่อก่อนก็เป็นแบบนั้น แต่พอมันสร้างปัญหาในอนาคต แล้วเรามีบทเรียนจากสิ่งเหล่านั้น มันเลยทำให้ทุกวันนี้ ถ้าเกิดเราเจอปัญหาอะไร แล้วมีแรงที่จะโฟกัสกับมัน ไม่ได้เหนื่อยยากอะไร เราจะพยายามแก้ปัญหาทันที แต่วินก็อาจจะยังนะ”

เมื่อถามถึงอีกพาร์ตหนึ่งของชีวิตนักแสดงที่ต้องทำงานร่วมกับผู้กำกับ อาเล็กกล่าวว่า นี่เป็นครั้งแรกที่มีโอกาสได้ร่วมงานกับ ก้องเกียรติ โขมศิริ ซึ่งเขากล่าวว่าการทำงานในกองถ่ายข้างบ้าน ทำให้เขาทั้งสนุกและเหนื่อยในเวลาเดียวกัน

“เราเคยได้ยินชื่อพี่โขมมาตั้งแต่เราอายุ 15-16 ปี เคยดูหนังที่พี่โขมกำกับ แต่ยังไม่เคยร่วมงานกัน เรื่องนี้จึงเป็นการร่วมงานกันครั้งแรก ด้วยความที่เราไม่ค่อยเล่นหนัง ก็จะไม่รู้ว่าวิธีการทำงานของพี่โขมว่าเป็นอย่างไร แล้วเราไม่รู้ว่าทำงานกับพี่โขมจะเหนื่อยที่สุดในชีวิต (หัวเราะ) ซึ่งมันเป็นความเหนื่อยที่ดีนะ เราเจอผู้กำกับสไตล์พี่โขมครั้งแรก แล้วตัวเราก็เล่นหนังผีครั้งแรก เรื่องนี้มีความเลอะ เปรอะเปื้อน เลือดด้วย” อาเล็กขยายความถึงความเหนื่อยที่สนุกและคุ้มค่า

เขาเล่าต่อไปความเหนื่อยอีกอย่างหนึ่งในการทำงานกับผู้กำกับคนนี้ อยู่ที่การอิมโพรไวซ์หรือแสดงสดหน้ากล้อง สำหรับนักแสดงอย่างเขาเป็นสถานการณ์น่าตื่นเต้นไม่น้อย

“ปกติแล้วเวลาเราถ่ายงานละคร เราก็จะทำการบ้านกับบทไปก่อนประมาณหนึ่ง แล้วก็ไปเพิ่มเติมหน้าเซ็ตกับผู้กำกับ แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องแรกที่เรารู้สึกว่า หน้าเซ็ตมันไม่เหมือนกับการบ้านที่เราทำไปเลย เพราะว่าตอนถ่าย พี่โขมจะสร้างสรรค์สิ่งใหม่ขึ้นมาเยอะมาก โดยที่เราจินตนาการไม่ถึงด้วยซ้ำ”

“พี่โขมไม่ได้ดูแค่อารมณ์ของตัวละคร แกดูถึงเอฟเฟกต์ สิ่งประกอบฉากต่างๆ รวมถึงภาพที่ออกมาจากกล้องด้วย พอมันเป็นหนังจอใหญ่ องค์ประกอบในฉากเลยสำคัญมาก แล้วทีมพร็อพ ทีมไฟ ทีมแสง ทีมกล้องเขาทำดีมาก คนดูจะได้เห็นความเนี้ยบ ความสวยงามของภาพ แล้วรู้สึกว่านี่แหละคุณภาพ”

นอกจากนี้อาเล็กยังเน้นย้ำว่า ควรไปดูหนังเรื่องข้างบ้านในโรงภาพยนตร์ เนื่องจากจะได้เห็นองค์ประกอบของฉากโดยละเอียด ซึ่งจะส่งผลต่ออารมณ์ร่วมของผู้ชมอีกด้วย

ข้างบ้าน กับ อนงค์ (2567) หนังผีไทย ในดวงใจอาเล็ก

ตัวตนหนึ่งของอาเล็กที่หลายคนทราบคือ อาเล็กเป็นกลัวผีมาก เมื่อได้เห็นอาเล็กเป็นพระเอกหนังผี หลายคนจึงอดสงสัยไม่ได้ว่า อะไรที่ทำให้อาเล็กตัดสินใจเล่นข้างบ้าน ซึ่งอาเล็กตอบว่า อยากร่วมงานกับผู้กำกับ

หากคนกลัวผีต้องเข้าฉากถ่ายทำที่บรรยากาศเร่งเร้าให้ขนหัวลุก คงกลัวว่าจะมีผีออกมาจริงๆ แล้วพระเอกที่แสนกลัวผีคนนี้ได้เจอเหตุการณ์อะไรแปลกๆ บ้างหรือไม่

“ตอนเข้าฉากก็ไม่ได้เจอเหตุการณ์แปลกๆ แต่เพิ่งมารู้ตอนวันเลี้ยงปิดกล้องว่ามีคนเจอ แต่ทุกคนห้ามไว้ว่าห้ามเล่าให้อาเล็ก ฟังเพราะเรากลัวมาก ซึ่งดีแล้ว จนตอนนี้เราก็ยังไม่รู้ แต่ไม่อยากรู้นะ (หัวเราะ)”

อาเล็กเสริมว่าระดับความกลัวผีของเขา เรียกได้ว่ากลัวมาก และไม่สามารถนอนโรงแรมที่ไหนแล้วปิดไฟนอนได้อย่างสบายใจ

“กลัวมาก เวลาไปนอนโรงแรมต่างจังหวัด หรือต่างประเทศคนเดียว ต่อให้เป็นโรงแรมหรูแค่ไหนก็กลัว ต้องเปิดไฟนอน เปิดทีวีช่องกีฬาด้วย เพราะช่องกีฬาเป็นช่องที่จะไม่มีอะไรแปลกๆ ออกมา เพราะว่าเคยไปนอนโรงแรมต่างประเทศคนเดียว เปิดไฟ เปิดทีวี ก่อนนอนเป็นหนังตลก ตื่นมากลางดึกเป็นหนังผีจูออน แล้วเป็นผีที่เรากลัวที่สุดเลย เรานอนไม่หลับเลยทั้งคืน คิดว่าต้องทำอะไรสักอย่าง เลยลองเปลี่ยนช่องไปเรื่อยๆ ก็ไปเจอช่องกีฬา โฆษณาก็เป็นกีฬา ตื่นมาไม่เจออะไรแปลกปลอมแน่นอน”

เชื่อว่าทริคในการเปิดทีวีช่องกีฬาทิ้งไว้ คนกลัวผีต้องลองทำตามอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม ในชีวิตจริงอาเล็กยังไม่เคยเจอผีเลยแม้แต่ครั้งเดียว แต่สิ่งที่ขัดแย้งกันเล็กน้อยคือเขาชอบดูหนังผี เคล็ดลับของอาเล็กคือต้องดูหนังผีในโรงภาพยนตร์เท่านั้น โดยเรื่องโปรดของเขาคือ The Devil Inside (2555) 

ชอบดูหนังผีมาก มันเหมือนเล่นรถไฟเหาะ เราแค่รู้สึกว่าเวลาดูหนังผีมันกระตุ้นเราให้สนุก ดูหนังผีตกใจ แล้วอะดรีนาลีนหลั่งเหมือนเล่นรถไฟเหาะ มันเลยเป็นความบันเทิงรูปแบบหนึ่ง แต่ต้องดูในโรงหนัง ออกจากโรงก็จบ แต่ถ้าดูในบ้านไม่จบ เพราะกลัว”

แม้จะชอบดูหนังผี ทว่าหนังผีไทยๆ เป็นหนังผีที่เขาไม่กล้าดู ยกเว้นเพียงหนังผีแนวตลกอย่างอนงค์ที่ โบว์-เมลดา สุศรี เล่นเป็นนางเอก

“ผีไทยไม่ค่อยกล้าดู เราว่าผีไทยน่ากลัวที่สุดแล้ว เพราะมันใกล้ตัวเกินไปอย่างผีนางรำ ไม่กล้าดูจริงๆ แต่มีหนังผีเรื่องเดียวที่ดูคืออนงค์ อันนี้ไม่น่ากลัวเลย น่ารัก น่าจะมีแค่อนงค์กับข้างบ้าน หนังผีไทย 2 เรื่องที่ดู” ตอบพร้อมรอยยิ้ม

บ้านของหัวใจ

หนังเรื่องข้างบ้านเป็นเรื่องของบ้านและครอบครัว โอกาสนี้จึงชวนอาเล็กคุยในประเด็นนี้ เมื่อพูดถึงบ้าน อาเล็กก็เริ่มกล่าวว่าทุกพื้นที่ในบ้านเป็นเซฟโซนของเขาทั้งหมด ตอนอยู่ในบ้านตัวเอง เขาไม่เคยกลัวอะไรเลย 

นอกจากบ้านที่เป็นพื้นที่ปลอดภัย อาเล็กยังมีบุคคลอีกคนหนึ่งที่เป็นเซฟโซนและเป็นเหมือนบ้านของหัวใจ

“โบว์คือความสบายใจ เหมือนที่เราสามารถนอนปิดไฟในบ้านตัวเองได้ เรารู้สึกปลอดภัย และเวลาที่เจอเรื่องเครียดหรืออะไรเหนื่อยๆ เวลาอยู่กับโบแล้วเราได้ผ่อนคลาย ในหัวเราอาจจะยังคิดเรื่องงานหรือทำงานอยู่ แต่ว่าเรารู้สึกสบายใจ ถ้าสมมติว่าเจอปัญหาอะไร เราหันไปหาเขาแล้วปรึกษาได้ทันที ขอความคิดเห็นเขาได้ อีกอย่างหนึ่งคือไม่ต้องมานั่งระแวงกัน มันเหมือนเราอยู่บ้าน มันสบายใจแบบนั้น เวลาอยู่บ้านเราก็สบายๆ” อาเล็กพูดถึงคนรัก

ก่อนหน้านี้ แฟนๆ ของอาเล็กกับโบว์คงได้ดูคลิปวิดีโอที่อาเล็กไปเยี่ยมบ้านโบว์ที่จังหวัดขอนแก่น วันนี้เจ้าตัวจึงได้เล่าถึงบรรยากาศแสนอบอุ่นในวันนั้นให้ฟัง

“เป็นบ้านฝั่งพ่อโบว์กับญาติๆ เขาจะเป็นเกษตรกรที่ดูแลสิ่งแวดล้อมด้วย บ้านเขามันมีเสน่ห์ ดูอยู่สบาย พ่อเขาสร้างบ้านจากดินแล้วข้างในมันเย็นเจี๊ยบ ทั้งที่ข้างนอกแดดเปรี้ยง เจ๊งมาก ตอบโจทย์ภูมิอากาศ ภูมิประเทศของพื้นที่”

เมื่อได้ไปเห็นบ้านของพ่อโบว์ ประกอบกับในเรื่องข้างบ้านก็ชัดเจนว่ามีความเกี่ยวกันในเรื่องบ้าน แล้วสำหรับบ้านในฝันของอาเล็ก หรือเรือนหอที่วาดไว้มีหน้าตาเป็นอย่างไร

เขานิ่งคิดก่อนตอบว่า คงยึดความเห็นของเขาคนเดียวไม่ได้

“ถามโบว์ได้ไหม (ยิ้ม) คือเราก็มีแบบบ้านที่ชอบ แต่สุดท้ายแล้วมันเป็นเรื่องของอนาคต เวลาจะสร้างอะไรมันไม่ได้สร้างตามใจเราคนเดียว เราก็ต้องคุยกับคนที่จะอยู่กับเราด้วยว่า ตรงกลางที่เราชอบทั้งคู่คืออะไร แต่แค่ตอนนี้ที่เรากับโบชอบเห็นตรงกันคือ ไม่ได้ชอบบ้านหลังใหญ่ๆ หรือมีห้องเยอะๆ เราชอบแบบพอดีๆ แล้วมีพื้นที่ข้างนอก ชอบเหมือนกัน” อาเล็กทิ้งท้ายถึงบ้านในฝัน

อย่างไรก็ตาม ภาพยนตร์เรื่องข้างบ้านได้สะท้อนภาพบ้านในฝันที่ไม่เป็นดั่งฝัน แต่เรื่องราวจะถูกปรับเปลี่ยนจากเรื่องเล่าในเดอะโกสต์ฯ ให้สนุกและหลอนมากขึ้นขนาดไหน จะได้รู้พร้อมกันในโรงภาพยนตร์ 4 ธันวาคมนี้

Tags: , , , , ,