มีคนเคยกล่าวไว้ว่าหากไม่นับปัจจัยสี่ ‘ฟุตบอล’ ก็เปรียบเสมือนสิ่งสำคัญในการดำรงชีวิต

ฟังผิวเผินอาจเวอร์เกินจริง แต่ในมุมมองของแฟนผู้คลั่งไคล้เกมลูกหนัง ผลการแข่งขันของทีมที่เชียร์ในค่ำคืนสุดสัปดาห์ ก็แทบมิต่างจากประกาศิตกำหนดชะตาชีวิตเช้าวันถัดไป ว่าจะไปทำงานหรือเรียนด้วยความสุขยามทีมชนะ หรือหงุดหงิดเศร้าหมองหากทีมปราชัย

จึงไม่แปลกใจหากจะมีแฟนบอลยอมเสียเงินเป็นแสน เพื่อดั้นด้นบินลัดฟ้าไปยังต้นกำเนิดทีมที่เชียร์ในอีกซีกโลกหนึ่ง ด้วยจุดประสงค์เดียว คือขอดูทีมรักให้เห็นกับตาข้างขอบสนามสักครั้ง ทว่าด้วยกำแพงวัฒนธรรมและภาษาอาจทำให้เกิดอาการใจฝ่อ จนตัดใจล้มเลิกปณิธานดังกล่าว

อย่างไรก็ดี มีคอบอลกลุ่มเล็กที่ทำตามความฝันนั้นสำเร็จ และอยากจูงมือพาคอบอลคนอื่นไปถึงจุดหมายด้วยกัน นั่นจึงเป็นที่มาของ ‘ไปดูบอล’ ธุรกิจทัวร์ดูฟุตบอลต่างประเทศ ที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการของ ‘คนบ้าบอล’ 

เนื่องในโอกาสที่การแข่งขันฟุตบอลทั่วโลกเพิ่งรูดม่านเปิดฉากได้ไม่นาน เราจึงชวน ก็อป-สันต์ สุวรรณไชยศรี, หวาน-พิรุณรัตน์ พิรกุลวานิช และเฟรนด์-อรรถพล กิตติธรรมสาร แห่ง ‘ไปดูบอล’ มาพูดคุยถึงจุดเริ่มต้นธุรกิจอันเปี่ยมด้วยแพสชันนี้ กลยุทธ์การทำทัวร์เพื่อแฟนบอล และโมเมนต์ประทับใจระหว่างเส้นทางทัวร์ดูฟุตบอลประเทศต่างๆ

ก่อนอื่นช่วยเล่าให้ฟังหน่อยว่าจุดเริ่มต้นของ ‘ไปดูบอล’ เกิดขึ้นได้อย่างไร 

ก็อป: จุดเริ่มต้นมาจากการที่ผมเคยแบ็กแพ็กบินไปดูฟุตบอลที่ต่างประเทศด้วยตัวเอง กระทั่งปี 2018 เราตัดสินใจเขียนกระทู้ในเว็บไซต์พันทิป (pantip.com) ถึงประสบการณ์การไปดูฟุตบอลต่างประเทศ แล้วก็แชร์ทริกต่างๆ ว่า ถ้าจะไปแบบเดียวกันต้องเตรียมตัวอะไรบ้าง ซื้อตั๋วที่ไหน วางแผนอย่างไร ไปกี่วันดี งบประมาณเท่าไรถึงพอ ก็ทำมาสักพักใหญ่ ก่อนจะตัดสินใจเปิดเป็นเพจเฟซบุ๊กที่ชื่อว่าไปดูบอล 

ตอนนั้นเราไม่เคยคิดถึงเรื่องธุรกิจเลยนะ เราแค่อยากแชร์ประสบการณ์เฉยๆ แต่พอมีผู้ติดตามเยอะขึ้น ก็มีคนอินบ็อกซ์เข้ามาถามจำนวนมากว่า จะมีจัดทัวร์ไปดูฟุตบอลบ้างไหม เราเลยตัดสินใจลองทำดู ก็รวบรวมสมาชิกกลุ่มเล็กๆ ราว 6-7 คน เหมือนไปดูกับเพื่อนเสียมากกว่า ไม่ได้คิดเรื่องกำไรอะไร 

แต่พอมีคนสนใจเยอะขึ้นเรื่อยๆ ก็เริ่มคิดแล้วว่าจะต้องจริงจัง จัดการให้เป็นระเบียบ มีไกด์ค่อยนำทาง เพราะลำพังตัวเราคนเดียวคงไม่สามารถจัดการได้หมด นั่นคือที่มาถึงธุรกิจทัวร์ดูฟุตบอลต่างประเทศของเรา

ทัวร์ดูฟุตบอลที่คุณแชร์บนกระทู้พันทิปจนมีคนสนใจมากมายคือที่ใด

หวาน: เป็นฟุตบอลโลก 2018 ที่ประเทศรัสเซีย ประสบการณ์ครั้งนั้นยากพอสมควรด้วยความที่เป็นประเทศรัสเซีย การจะหาตั๋วหรือวางแผนการเดินทางต้องทำกันล่วงหน้าเป็นปี 

ก็อป: อีกจุดหนึ่งคือเรื่องภาษา ชาวบ้านท้องถิ่นที่นั่นเขาแทบไม่ใช้ภาษาอังกฤษกันเลย 

หวาน: ก็เลยต้องมานั่งเรียนภาษารัสเซียเบื้องต้น (หัวเราะ) เช่น คำสวัสดีทักทายหรือคำที่ไว้ใช้ซื้อของ เพราะเราไม่ได้ไปแค่เมืองเดียว แต่ไปถึงสี่เมือง ซึ่งรัสเซียเป็นประเทศที่ใหญ่มาก ถ้าโดยสารรถไฟข้ามไปอีกเมืองมักเสียเวลาเป็นวัน โชคดีที่ฝ่ายจัดมีอาสาสมัครคอยแนะนำนักท่องเที่ยวตามแต่ละจุด 

ก็อป: แต่ไม่อยู่จนจบทัวร์นาเมนต์นะ เราอยู่กันราวยี่สิบกว่าวัน เพราะถ้าอยู่จนจบก็เดือนนึง 

จากที่เริ่มกันแค่เพียงสองคน แล้วคุณ (เฟรนด์) มาร่วมงานกับทีมไปดูบอลตอนไหน

เฟรนด์: ผมกับก็อปเราเคยเจอกันมาก่อนในคลาสเรียนการตลาดคอนเทนต์ออนไลน์หนึ่ง แต่ตอนนั้นเรายังไม่เคยคุณกันมาก่อน แต่ลึกๆ แล้วเรามีความฝันวัยเด็กคล้ายกัน คือเป็นเด็กผู้ชายที่คลั่งไคล้ฟุตบอล เสาร์อาทิตย์ตอนกลางคืนต้องเกาะขอบจอรอเชียร์ทีมที่รัก อย่างของผมคือทีมลิเวอร์พูล (ยิ้ม) นั่นเลยเกิดเป็นความฝังใจว่า สักวันหนึ่งเราต้องมีโอกาสไปเชียร์ลิเวอร์พูลถึงที่

จนมาถึงฤดูกาล 2019-2020 ซึ่งเป็นฤดูกาลที่ลิเวอร์พูลมีโอกาสคว้าแชมป์ลีกในรอบ 29 ปี แถมได้เล่นในสนามทีมตนเอง เราเลยฉุกคิดว่า ถ้าจะบินไปดูก็ต้องครั้งนี้แหละวะ ก็เลยตัดสินใจสนองความฝันในวัยเด็ก ด้วยการนำเงินเก็บจำนวนหนึ่งที่ได้จากการทำธุรกิจส่วนตัวมาซื้อตั๋วได้ในราคา 6.5 หมื่นบาท ถือว่าแพงนะเพราะเป็นราคาที่เพิ่มจากปกติเกือบห้าเท่า แถมที่นั่งก็ติดกับหลังคา ในใจแอบหวั่นๆ เพราะเราต้องไปรับตั๋วหน้าสนาม อาจมีสิทธิที่คนขายจะโกงเรา

หลังจากนั้นก็ทำวีซ่าและหาข้อมูลเดินทางเอง เรียกว่าไปแบบทุลักทุเลเลยแหละเพราะเราวางแผนผิด จริงๆ ต้องลงเครื่องที่สนามบินแมนเชสเตอร์ เพื่อไปโรงแรมที่จองไว้ แต่เราไปดันไปลงที่ลอนดอน เลยต้องนั่งรถไฟอีกต่อตอนห้าทุ่ม กว่าจะถึงโรงแรมก็เกือบตีสอง คิดสภาพคุณเป็นคนเอเชียในต่างแดนแล้วต้องเดินทางตอนกลางคืน ในสภาพอากาศสี่องศาเซลเซียส ก็น่ากลัวอยู่นะ ตอนนั้นได้แต่คิดในใจกูจะรอดไหมวะ

แต่นั่นทำให้เรารู้ Pain Point ของคนคนหนึ่งที่คิดจะบินไปดูบอลต่างประเทศมีอะไรบ้าง จากนั้นพอกลับมาเราก็นำประสบการณ์ที่ได้มาตัดเป็นคลิปแล้วแชร์บนยูทูบ จนกระทั่งปลายปี 2020 มีหนึ่งในสมาชิกของทีมไปดูบอลติดต่อเข้ามาว่า ไหนๆ เราก็มีความชอบและอยากช่วยเหลือคนที่มีความฝันเหมือนกัน งั้นเรามารวมทีมทำตรงนี้ให้เป็นระบบดีกว่า 

การแบ่งหน้าที่ของแต่ละคนล่ะ?

เฟรนด์: ปัจจุบัน ทีมเรามีกันทั้งหมดห้าคน โดยมีการแบ่งหน้าที่ชัดเจน เช่น หวานจะถนัดในเรื่องการเตรียมวีซ่าและหาข้อมูลของแต่ละสถานที่ ส่วนผมก็จะมีความชำนาญในเรื่องของการสื่อสาร ซึ่งหลักๆ คือเรื่องของการทำคอนเทนต์ ขณะที่ก็อปเขาก็จะมีประสบการณ์การเดินทางและความรู้ในเรื่องฟุตบอลเป็นทุนเดิม รวมถึงเป็นคนที่คอยประชาสัมพันธ์ตามสื่อต่างๆ 

แต่หลักสำคัญที่สุดเมื่อเราเปิดเป็นบริษัท คือจะต้องมี ‘ใบอนุญาตนำทัวร์ในต่างประเทศ’ เพราะฉะนั้น หนึ่งในทีมเราจะต้องมีคนที่มีใบอนุญาตที่ว่า เพื่อให้เป็นธุรกิจที่ถูกต้องตามกฎหมาย 

เท่าที่ทราบมาธุรกิจทัวร์ของไปดูบอล ณ เวลานี้ จะเน้นไปที่ประเทศอังกฤษเป็นหลัก

ก็อป: ใช่

หวาน: เพราะคนไทยส่วนใหญ่จะนิยมดูและผูกพันกับทีมในพรีเมียร์ลีกอังกฤษเป็นอันดับหนึ่ง

เฟรนด์: แน่นอนว่ากองเชียร์แมนฯ ยูไนเต็ดหรือลิเวอร์พูล ต้องมาเยอะเป็นอันดับหนึ่ง อย่างพวกเราสามคนก็เป็นสาวกลิเวอร์พูล

ทุกคน: (หัวเราะพร้อมกัน)

ได้ยินว่าบริการทัวร์ในฐานะ ‘บริษัท ไปดูบอล’ ครั้งแรก กลับเริ่มได้ไม่สวยสักเท่าไร

เฟรนด์: เรื่องนี้เป็นประวัติศาสตร์เลยนะ (หัวเราะ)

คือก่อนหน้านั้น ก็อปเขาเคยจัดทัวร์ดูฟุตบอลต่างประเทศมาก่อนแล้ว แต่ที่จัดในนามบริษัท ไปดูบอล จริงๆ คือฤดูกาล 2019-2020 นัดที่ลิเวอร์พูลเปิดสนามแอนฟิลด์รอรับแชมป์พรีเมียร์ลีก ซึ่งเราปิดทัวร์เป็นเจ้าแรกในประเทศไทย เบ็ดเสร็จจำนวนลูกทัวร์ 40 ที่นั่ง แต่ไม่กี่อึดใจก่อนจะถึงวันนั้น ดันมาเกิดวิกฤตโควิด-19 ระบาดเสียก่อน ทำให้ไม่สามารถเดินทางเข้าประเทศอังกฤษได้

ระหว่างกังวล ในทีมก็ต้องมาประชุมหาวิธีแก้ไขสถานการณ์ให้ลูกค้า เช่น สอบถามลูกค้าก่อนว่าสะดวกไปทัวร์ครั้งถัดไปไหม จะโยกข้อมูลจองตั๋วเครื่องบินและโรงแรมอย่างไร แต่สุดท้ายก็ผ่านไปด้วยดี ทุกวันนี้ก็ยังมีลูกค้าที่เก็บเครดิตจากเหตุการณ์นั้น เพื่อหาโอกาสเหมาะๆ ไปทัวร์ชดเชยกับเราอยู่

แล้วที่สำเร็จได้ไปเหยียบผืนแผ่นดินอังกฤษพร้อมลูกทัวร์เป็นครั้งแรกล่ะ

ก็อป: เป็นเกมแดงเดือดระหว่างลิเวอร์พูลกับแมนฯ ยูไนเต็ด ในปี 2022 และเป็นเกมที่มีบริษัททัวร์เจ้าเดียวได้เข้าไปดู นั่นก็คือเรา โดยไปกันราว 30 กว่าคน รวมทีมงานและไกด์ ตอนนั้นคือรัฐบาลอังกฤษอนุมัติเปิดประเทศเราก็ไปทันที

ก็พอดีกับที่เราวางแผนไว้ เพราะรถบัสหนึ่งคันหนึ่งสามารถรับลูกทัวร์ได้ไม่เกิน 35 คน

สมมติมีคนสนใจอยากซื้อทัวร์ดูฟุตบอลกับคุณ เขาคนนั้นจะได้รับการบริการอะไรบ้าง และจะพิเศษต่างจากทัวร์เจ้าอื่นอย่างไร

ก็อป: หลักๆ คือบริการทำวีซ่า จองตั๋วเครื่องบิน ที่พัก และอาหารแต่ละมื้อ เรียกว่าเป็นบริการแบบ One Stop Service

แต่ที่พิเศษและเป็นจุดเด่นของเราจริงๆ คือประสบการณ์การดูบอลของเราเกือบๆ 100 เกม ทำให้เรารู้ว่าสนามไหนควรจะนั่งตรงไหน ซึ่งผมจะเป็นคนเลือกเองทั้งหมด เพื่อให้ลูกค้าได้ประสบการณ์ที่ดีที่สุด ไม่ใช่แค่ขอให้ได้เข้าไปก่อน เพราะต่อให้เป็นที่นั่งดี หรืออยู่ใกล้กับนักเตะแค่เอื้อม แต่ไม่เหมาะกับตอนดูการแข่งขันเราก็ไม่เอา

เฟรนด์: ที่พิเศษอีกอย่างและบริษัททัวร์เจ้าอื่นไม่ค่อยทำกัน คือการให้คำปรึกษา เช่น บรรยากาศสนามนี้เป็นอย่างไร ไปแล้วโอเคไหม หรือแม้กระทั่งวิธีทำวีซ่าและซื้อตั๋วก็ตาม 

ก็อป: เคยมีลูกค้าที่ติดต่อเข้ามาขอให้เราช่วยหาตั๋วดูฟุตบอลคู่หนึ่ง พอเราหาได้เสร็จก็นำราคาไปเสนอ แต่ลูกค้ารายนั้นกลับไม่เชื่อ สุดท้ายเขาไปหาเองจากอินเทอร์เน็ตแล้วโดนโกงทั้งที่ไปถึงหน้าสนามแล้ว เขาเลยติดต่อกลับมาขอความช่วยเหลือ จนสุดท้ายเราหาตั๋วให้เขาได้แบบเส้นยาแดงผ่าแปด

แสดงว่าการหาตั๋วดูฟุตบอลที่ต่างประเทศเป็นงานโหดหินทีเดียว

ก็อป: ยากมาก โดยเฉพาะบรรดาทีมใหญ่ในลีกอังกฤษ เบื้องต้นสโมสรเขาจะเปิดขายให้สมาชิกที่ถือตั๋วปีก่อน ข้อนี้เราแทบไม่มีโอกาสเพราะสิทธิส่วนใหญ่ตกอยู่กับคนท้องถิ่น ต่อมาคือสมาชิกที่จ่ายเงินรายปี และสุดท้ายถ้าคุณคือ ‘หน้าใหม่’ บอกเลยว่าโอกาสน้อยมาก ยิ่งเป็นเกมบิ๊กแมตช์แทบเป็นไปไม่ได้ เพราะเขาจะให้สิทธิแก่คนที่มีประวัติการซื้อตั๋วกับสโมสรมาก่อน นั่นทำให้เกิดปัญหาตั๋วผีหรือมีคนโดนโกงบัตรเป็นประจำ

การจัดโปรแกรมทัวร์ดูฟุตบอลแต่ละครั้งต้องคำนึงถึงปัจจัยใดเป็นหลัก

ก็อป: อย่างแรกคือต้องเลือกจากทีมที่มีคนนิยม ยกตัวอย่างปีนี้ ก็จะมีลิเวอร์พูล แมนฯ ยูไนเต็ด และอาร์เซนอล ที่กำลังฟอร์มแรง จากนั้นเมื่อออฟฟีเชียลของพรีเมียร์ลีกประกาศโปรแกรม ทีมก็จะมาวางแผนว่ามีเกมไหนบ้างที่น่าสนใจ พร้อมนำมาเทียบกับปฏิทินของไทยว่าระยะเวลาใกล้เคียงกันไหม โดยจะเจาะจงช่วงเทศกาลสงกรานต์หรือปีใหม่ ที่ลูกทัวร์จะได้หยุดยาวและไม่ต้องลางานเพิ่ม

หวาน: อีกโปรแกรมคือช่วงท้ายฤดูกาล ที่มีเกมนัดชิงรายการต่างๆ แข่งขัน แต่ทริปก็จะค่อนข้างฉุกละหุก และมีค่าตั๋วเครื่องบิน ค่าที่พัก จนถึงค่าตั๋วชมเกมที่สูงกว่าปกติ

ถ้าคิดอยากจะไปดูฟุตบอลที่ต่างประเทศจะต้องเตรียมตัวอย่างไร

หวาน: ข้อแรกคือวีซ่า เพราะต่อให้มีเงินเยอะแค่ไหน แต่ถ้าแผนกกงสุลเช็กประวัติแล้วไม่ให้ผ่านก็จบ ซึ่งถ้าผ่านด่านนี้ต่อไปจะง่ายมาก

เฟรนด์: ข้อสองแน่นอนคืองบประมาณ เพราะนี่เป็นการไปเที่ยวดูฟุตบอล ที่บางแมตช์ค่าตั๋วชมเกมแพงกว่าค่าเดินทางเสียอีก ฉะนั้น ขั้นต่ำในการเดินทางต้องมีอยู่ในมือ 1-2 แสนบาท เผื่อซื้อของที่ระลึกกลับบ้าน ส่วนค่าตั๋วเครื่องบิน ค่าที่พัก ค่าอาหาร เรารวมอยู่ในค่าสมัครทัวร์อยู่แล้ว

ข้อสามคือระยะเวลา ถ้าคุณเป็นคนทำงานประจำก็ต้องลางานอย่างน้อย 7-8 วัน เพื่อให้การเดินทางสนุกราบรื่น

มันยากนะที่คุณจะมีสามสิ่งนี้ครบ ฉะนั้น ถ้าได้ไปเราก็อยากทำหน้าที่บริการให้ดีที่สุด เพราะโมเมนต์นี้จะอยู่กับคุณไปจนวันตาย และบางคนมีโอกาสได้ไปแค่ครั้งเดียวในชีวิต เพื่อทำตามความฝันของเขา

อาจเรียกได้ว่าการทำทัวร์ดูฟุตบอลก็มีศาสตร์เฉพาะตัวที่ไม่ง่ายและต้องศึกษาเพิ่มเติม เช่น ภาษา ประเพณี หรือวัฒนธรรมของชาตินั้นๆ 

หวาน: ที่เมืองลิเวอร์พูลคือตัวอย่างที่ชัดเจนเรื่องภาษา เพราะเขานิยมใช้ภาษาท้องถิ่น คือสำเนียงสเกาเซอร์ (Scouser) ที่ฟังยากมาก เวลาฟังต้องขอให้เขาพูดใหม่อีกทีตลอด (หัวเราะ) 

มีครั้งหนึ่งเรากับลูกทัวร์ไปร้านอาหารในเมืองลิเวอร์พูล แล้วขอสั่งเครื่องดื่มเป็นน้ำอัดลมยี่ห้อโค้กสองแก้ว ผ่านไปสักพัก พนักงานเสิร์ฟก็มาพร้อมกับเบียร์สองแก้วใหญ่ เราก็ตกใจเลยถามเขากลับว่า ฉันไม่ได้สั่งเบียร์นะ เขาก็งงว่าคุณสั่งเบียร์ยี่ห้อคูร์ส (Coors) นี่ ซึ่งที่เป็นแบบนั้นเพราะสำเนียงการเรียกชื่อที่คล้ายกัน หลังจากนั้นเลยเข้าใจภาษาของคนที่นั่น ที่พูดสำเนียงแปร่งๆ ออกเสียงเร็วๆ เหมือนคนใต้บ้านเรา

อีกเหตุการณ์หนึ่ง คือตอนที่เรามีโอกาสไปดูทีมเอฟเวอร์ตันลงเล่นในสนามกูดิสันพาร์ก เราก็เข้าไปนั่งตามปกติ สักพักปรากฏว่า มีเสียงผู้ชายตะโกนดังมาจากด้านหลังให้เราเก็บผ้าพันคอ เพราะบนผ้ามีสีแดงซึ่งเป็นสีของทีมลิเวอร์พูลคู่อริ เราถึงเข้าใจทันทีว่าเขาถือเรื่องพวกนี้มาก และว่ากันตามระเบียบมารยาท ถ้าคุณจะนั่งฝั่งเจ้าบ้านก็ควรใส่แค่เสื้อทีมเหย้า 

เฟรนด์: คนอังกฤษเปรียบทีมฟุตบอลที่ตนเชียร์ดัง ‘ศาสนา’ แฝงด้วยความคลั่งไคล้ หลงใหล และนับถือ เปรียบเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเขาเลยดีกว่า ฉะนั้น คุณจะไปดูหมิ่นเหยียดหยามทีมที่เขาเชียร์ไม่ได้ ยิ่งเราเป็นคนต่างถิ่นควรเคารพและทำความเข้าใจวัฒนธรรมเขา ถ้าโชคร้ายเจอแฟนบอลฮาร์ดคอร์ก็จะมีปัญหาอีก เขาไม่เข้ามาทำร้ายร่างกายนะ แต่จะเดินตามด่าคุณติดๆ

ลองเลือกเหตุการณ์สุดประทับใจตั้งแต่ทำทัวร์มาสัก 3 เหตุการณ์ 

ก็อป: เหตุการณ์แรก คือทริปที่เราไปดูเกมระหว่างลิเวอร์พูลกับเอฟเวอร์ตัน แล้วหนึ่งในนั้นมีลูกทัวร์คนหนึ่งที่เชียร์ลิเวอร์พูลมา 40 ปี แต่เพิ่งเคยมาที่สนามแอนฟิลด์เป็นครั้งแรก พอจบเกมเขาก็เดินร้องไห้มากอดผม พร้อมพูดว่าขอบคุณมากๆ ในที่สุดฝันผมก็เป็นจริง เราเลยรู้สึกอิ่มเอมที่มีส่วนช่วยเติมเต็มชีวิตเขา

เฟรนด์: ต่อมาคือทริปที่เราไปดูเกมระหว่างแมนฯ ยูกับลิเวอร์พูล เมื่อต้นปี 2023 หนึ่งในลูกทัวร์คือลุงตำรวจที่เพิ่งเกษียณราชการ ซึ่งเขาไม่เคยดูบอลที่ประเทศอังกฤษสักครั้ง เขาเลยขอลูกชายให้ช่วยสมัครร่วมทริป พอไปถึงจริงเขาก็ถ่ายเก็บทุกโมเมนต์ นั่นสะท้อนให้เห็นว่า ต่อให้คุณจะอายุเท่าไรก็ยังมีฝันอยู่ แล้ววันนี้เขาทำตามฝันสำเร็จแล้ว

ก็อป: สุดท้ายคือทริปที่เราเรียกว่า ‘ทริปคนบ้าบอล’ ที่ใช้เวลาสองอาทิตย์ ตระเวนดูฟุตบอลเก้าเกม ในเมืองลิเวอร์พูล แมนเชสเตอร์ และลอนดอน คือลูกทัวร์พร้อมใจเลื่อนไฟลต์บินกลับเพื่อดูบอลให้เยอะที่สุด เราคิดว่านี่แหละ มาทั้งที่ต้องเอาให้สุด

มีเป้าหมายในอนาคตอื่นไหม นอกจากการทำทัวร์ดูฟุตบอลที่ประเทศอังกฤษ

ก็อป: ถ้านอกจากประเทศอังกฤษน่าจะมีบ้างประปราย อย่างปีที่แล้วก็มีทำทริปพิเศษไปดูฟุตบอลคู่ระหว่างเรอัลมาดริดกับบาร์โซโลนาที่ประเทศสเปน 

ส่วนกีฬาชนิดอื่นๆ ตอนนี้เราสนใจในตลาดอเมริกันเกม เพราะผมเพิ่งได้วีซ่าของประเทศสหรัฐฯ ก็เลยว่าจะลองไปดูบาสเก็ตบอลเอ็นบีเอ (NBA) กับอเมริกันฟุตบอลเอ็นเอฟแอล (NFL) เพื่อเป็นประสบการณ์ว่า ถ้าเราจะจัดทัวร์กีฬาแนวนี้ต้องเตรียมตัวอย่างไร 

เฟรนด์: อีกเป้าหมายและความฝันของเรา คือได้จัดทัวร์ไปเชียร์ทีมชาติไทยลงเล่นในฟุตบอลโลก 2026 ที่สหรัฐฯ (ยิ้ม) ฟังดูยากแต่ถ้าเกิดขึ้นจริงจะถือว่าเราประสบความสำเร็จแล้วในชีวิต เพราะความฝันไปดูบอลที่อังกฤษของเราเกิดขึ้นแล้ว

Tags: , , ,