ปัจจุบันการถกเถียงเรื่อง ‘พื้นที่ปลอดภัย’ สำหรับผู้หญิง กำลังเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ไม่ใช่แค่เพราะความกลัวจากอาชญากรรมและการคุกคามทางเพศ ที่ปรากฏบนหน้าสื่อจนเป็นอาจิณ แต่ยังรวมถึงมิติคุณค่าทางจิตใจ นับตั้งแต่ความสบายใจ ความเข้าอกเข้าใจ ไปจนถึงการเป็นพื้นที่เสริมสร้างพลังในแบบ ‘เพื่อนหญิง พลังหญิง’ ไปด้วยกัน (Empowering)
‘ฟิตเนสสำหรับผู้หญิง’ จึงถือกำเนิดขึ้นอย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะในต่างประเทศ ทว่าสำหรับประเทศไทย สถานที่ดังกล่าวนับว่าแปลกใหม่ไม่น้อย โดยเฉพาะหากเชื่อมโยงกับการออกกำลังกายแบบ ‘เวตเทรนนิง’ (Weight Training) ที่หลายคนมักมีภาพจำว่า เป็นเรื่องสำหรับผู้ชายตัวหนา กล้ามแน่นเท่านั้น
แต่ Booty Lab ยิมสำหรับผู้หญิงแห่งย่านรัชดาภิเษกของ ‘ครูซี-ปราชญวงศ์ดี วงศ์ดี’ และ ‘เชฟร็อค-ภูริ เดวิดสัน’ ขอทลายกรอบความเชื่อข้างต้น ด้วยการเป็นฟิตเนสที่เปิดสอนเวตเทรนนิงสำหรับผู้หญิง โดยมีจุดเด่นอันเป็นเอกลักษณ์ที่ไม่ได้พบเห็นง่ายนักคือ โปรแกรมเวตเทรนนิงเน้น ‘การปั้นก้น’ ให้กลม โต สวยงาม ขณะที่รูปร่างยังไว้ซึ่งทรวดทรงที่สมส่วนและแข็งแรง
นอกจากนี้ ความพิเศษอีกหนึ่งอย่างของฟิตเนสแห่งนี้คือ บรรยากาศความเป็นคอมมูนิตี (Community) ของเหล่าบรรดาเพื่อนหญิง พลังหญิง ที่พร้อมการันตีว่า ทุกคนจะออกกำลังกายอย่าง ‘ปลอดภัย’ และ ‘มีความสุข’
“เรามาสอนเพราะอยากให้ทุกคนมีความสุขในเป้าหมายเดียวกัน คือเราทำเป้าหมายนี้ได้ แล้วรู้สึกมีความสุข รู้ว่าตนเองทำได้ เห็นตนเองในกระจกมีรูปร่างโค้งเว้า จึงอยากให้เพื่อน คนรู้จัก และผู้หญิงคนอื่นที่มีปัญหาทำได้เหมือนเรา
“มันไม่ได้เริ่มต้นจากการทำเงิน แต่คือความชอบและความต้องการช่วยเหลือคนอื่น เราอยากให้ผู้หญิงเดินเข้ามาในฟิตเนสแบบไม่ต้องประหม่า ให้เขารู้สึกว่า ทุกคนมีเราอยู่” ปราชญวงศ์ดีเล่า
เพื่อไขเบื้องลึกธุรกิจฟิตเนสเวตเทรนนิงสำหรับผู้หญิง วันนี้ The Momentum พูดคุยกับผู้ก่อตั้งและเทรนเนอร์สาวแห่ง Booty Lab ถึงโลกของผู้หญิงกับการออกกำลังกายเวตเทรนนิง จนถึงกระแสรักสุขภาพในปัจจุบัน
จาก ‘ความชอบ’ สู่ ‘อาชีพ’ เพราะอยากช่วยเหลือคนอื่น
ภาพจำฟิตเนสในห้วงความคิดเปลี่ยนไปในพริบตา ทันทีที่ก้าวเท้าสู่ Booty Lab ยิมเวตที่ตั้งอยู่ในห้องสตูดิโอชั้น 3 ของอาคารไนซ์ 2 ย่านห้วยขวาง-รัชดาภิเษก
หากเปรียบเปรยอาการ ‘ตกตะลึง’ เป็นการต่อยมวย หมัดแรกที่โดนเข้าอย่างจัง คงเป็นการอยู่ในฟิตเนสที่แสน ‘มืดมิด’ ท่ามกลางอากาศหนาวเย็นจัดจากเครื่องปรับอากาศ และแสงสว่างเพียงหนึ่งเดียวคือ แสงนีออนหลากสี สลับวิบวับราวกับอยู่ในผับ ขณะที่มีเสียงเพลงก้องกระหึ่มเพื่อปลุกใจผู้ออกกำลังกาย โดยมี ‘กลิ่นหอม’ ที่พึงประสงค์ต่างจากยิมทั่วไป ลอยคลุ้งไปทั่วห้อง
แต่หมัดที่น็อกแรงที่สุด คงหนีไม่พ้นคำทักทายจากปราชญวงศ์ดี เทรนเนอร์สาวไฟแรงประจำฟิตเนสแห่งนี้ ด้วยประโยคที่ฉีกธรรมเนียมคนรักสุขภาพที่ตัดสินใจเดินเข้าฟิตเนสด้วยประโยคที่ว่า
“กินกาแฟและขนมไหมคะ?”
ปราชญวงศ์ดีกล่าวพร้อมด้วยรอยยิ้มอย่างเป็นมิตร ก่อนผู้เขียนจะตั้งสติให้ตนเองตื่นจากอาการตกตะลึง ตกปากรับคำและรับขนมจากมือของเธอมา จนเริ่มพูดคุยกับเทรนเนอร์สาว รวมถึงภูริ หนึ่งในผู้ก่อตั้ง Booty Lab ที่ออกมาต้อนรับและพาสำรวจฟิตเนสเช่นเดียวกัน
ภูริและปราชญวงศ์ดีเริ่มเล่าความเป็นมาว่า Booty Lab เกิดจากความชอบ แพสชัน และความต้องการช่วยเหลือผู้อื่นของปราชญวงศ์ดีที่ไปในอดีต เธอเป็นเพียงผู้หญิงคนหนึ่งที่ชื่นชอบออกกำลังกายเป็นชีวิตจิตใจ โดยมีเป้าหมายสูงสุดคือ การมีรูปร่างที่ดี หุ่นที่มีทรวดทรง โดยเฉพาะบั้นท้ายที่สวยงามตามอุดมคติของใครหลายคน ขณะที่ประกอบธุรกิจส่วนตัวคือ เปิดร้านกาแฟแห่งหนึ่งในจังหวัดอุบลราชธานี
เพราะนักปราชญ์ก็ยังรู้พลั้ง ในช่วงแรกของการออกกำลังกายในฟิตเนส ด้วยโปรแกรมเวตเทรนนิงทั่วไปกับเพื่อนผู้ชาย ปราชญวงศ์ดีไม่สามารถบรรลุเป้าหมายตามที่ต้องการ อีกทั้งยังมีรูปทรงตรงและหัวไหล่ใหญ่กว่าที่คาดหวังไว้ แม้ไม่ใช่เรื่องผิด แต่เธอสงสัยว่า ทำไมผลลัพธ์จึงตรงกันข้ามเช่นนี้ จนกระทั่งได้มีโอกาสพบกับภูริ เทรนเนอร์ส่วนตัว และเรียนรู้วิธีการสร้างหุ่นแบบที่เธอต้องการ โดยเฉพาะเคล็ดลับ ‘การปั้นก้น’
นั่นถือเป็นจุดเริ่มต้นของชุมชน Booty Lab เพราะความสามารถของปราชญวงศ์ดีเกิดเข้าตาเพื่อนผู้หญิงร่วมยิมจำนวนหนึ่ง ที่อยากมีหุ่นดีและบั้นท้ายสวยงาม หลายคนจึงเริ่มขอให้เธอช่วยสอนวิธีการปั้นหุ่น โดยปราชญวงศ์ดีก็ตกปากรับคำ เพราะอยากช่วยเหลือคนอื่นเป็นทุนเดิม ขณะที่เธอก็เริ่มต้นเส้นทางใหม่ ด้วยการสอบใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ Personal Trainer อย่างเต็มรูปแบบ โดยมีภูริคอยให้คำแนะนำ
แม้ในช่วงแรก เส้นทางใหม่ของปราชญวงศ์ดีเป็นไปอย่างราบรื่น แต่แล้วเทรนเนอร์สาวต้องเผชิญอุปสรรคในการสอน จนทำให้รู้สึก ‘ไม่มีความสุข’ ในการทำงาน เพราะปัญหาสารพัดทั้ง ‘จับต้องได้’ และ ‘จับต้องไม่ได้’
“ตอนแรกเราไปอยู่กับฟิตเนสทั่วไปที่มีผู้ชาย ขณะที่มีกลุ่มผู้หญิงของเรา ซึ่งมีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ มันก็มีปัญหาตามมา ทั้งการแย่งอุปกรณ์ สายเคเบิลมีน้อย หรือบางคนเกิดความไม่พอใจว่า ทำไมผู้หญิงต้องมาถ่ายรูป หรือเล่นแต่ท่า Kickback อย่างเดียว
“ปัญหายังมีเรื่องผู้ชายมองในฟิตเนส ทำให้เกิดความไม่สบายใจ เช่น ผู้หญิงใส่สปอร์ตบรา หรือแต่งตัวเปิดเผยไปไหม จนเราไม่มีความสุขในการเทรน ทั้งเราและเขาเลย” ปราชญวงศ์ดีอธิบาย
ขณะนั้น ปราชญวงศ์ดีเฝ้าปลอบใจลูกศิษย์ด้วยประโยคที่ว่า “เราจะมีฟิตเนสเป็นของตนเอง” เธอเล่าว่า หลายคนอาจไม่เชื่อ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นคือเธอต้องระหกระเหิน ย้ายเปลี่ยนสถานที่ไปเรื่อยๆ และแก้ไขปัญหาเบื้องต้น ด้วยการใช้อุปกรณ์ที่มีสัญลักษณ์ Booty Lab เป็นของตนเองไปก่อน
ทว่าในท้ายที่สุด คำสัญญาของเธอกลับกลายเป็นความจริง ปราชญวงศ์ดีสามารถสร้าง ‘โลก’ ของเธอกับผู้หญิงอีกจำนวนหนึ่ง ณ ที่แห่งนี้ หลังต้องล้มลุกคลุกคลานตลอด 8 ปีที่ผ่านมา
“วันนั้นเมื่อ 7-8 ปีที่แล้ว เรามักพูดว่า ถ้าเรามีฟิตเนสของเรา เราจะกินกาแฟด้วยกัน เราจะเทรนด้วยกัน ซึ่งเขาก็ไม่คิดว่าจะมีหรอก แต่เขาก็ยังตามเราไปทุกที่ เพราะอยากอยู่กับเรา
“พอวันนี้มีฟิตเนสเป็นของเราแล้ว ลูกศิษย์บอกว่าดีใจมาก และอิจฉาเพื่อนบางคนเข้ามาตอนนี้ เพราะพวกเขาผ่านอุปสรรคกับเรามาตั้งแต่ยังไม่มีอะไรเลย” ปราชญวงศ์ดีเล่า
“ลูกศิษย์หลักๆ เป็นกลุ่มเดิมนะ เขาย้ายตามมาเรื่อยๆ ตลอด หอบเบาะหอบของตามกันไป ซึ่งอุปกรณ์พวกนี้ที่เราเห็นกัน เกิดจากการที่ฟิตเนสแห่งอื่นมีอุปกรณ์ไม่พอที่จะฝึกได้ เราเลยคิดว่า งั้นมาออกแบบอุปกรณ์กันเองไหม ซึ่งก็มีเบาะและเพลตที่เขียนว่า Booty Lab โดยเฉพาะเลย” ภูริเสริมต่อ
ปัจจุบัน Booty Lab มีลูกศิษย์กว่า 50 ราย โดยหนึ่งในนั้น คือ พิมจิ-พิมพ์จิรา เจริญลักษณ์ รองอันดับ 2 Miss Grand Thailand 2023 และน้ำเพชร-ฏีญาร์ภา เศรษสิริสุวรรณ Miss Earth Thailand 2019-2020
แตกต่าง ไม่เหมือนใคร โอบรับเพื่อนสาวทุกคน
ภูริและปราชญวงศ์ดีอธิบายต่อว่า สิ่งที่ทำให้ Booty Lab แตกต่างจากที่อื่นคือ การเป็นยิมสำหรับผู้หญิง ที่เน้นโปรแกรมเวตเทรนนิงสร้างบั้นท้ายให้สวยงาม ซึ่งไม่แพร่หลายมากนักในประเทศไทย
“จุดเด่นของ Booty Lab คือโปรแกรมสร้างก้น มีน้อยคนที่จะทำได้ดีเท่าครูซี เราจะไม่ทำอะไรที่ไม่เชี่ยวชาญหรือไม่มั่นใจ ไม่เอาแค่การทำคะแนนได้ 5 หรือ 50 คะแนนเท่านั้น เราต้องได้ 100 เต็ม 100 คะแนน” ภูริเล่า
หนึ่งในผู้ก่อตั้งอธิบายต่อว่า เขาและปราชญวงศ์ดีเน้นการสอนโปรแกรมเวตเทรนนิงสำหรับผู้หญิงให้ ‘เข้าใจ’ แบบไม่หวงวิชา โดยการันตีว่า หลังจากฝึกแล้ว ทุกคนสามารถอ่านโปรแกรม หรือออกกำลังกายได้อย่างถูกต้อง
“เราจะเริ่มจากท่าวอร์ม ตามมาด้วยโปรแกรมที่ออกแบบให้เหมาะสมสำหรับผู้หญิง โดยโปรแกรมของ Booty Lab เน้นการปั้นก้น ทำให้ก้นขยายขึ้น แต่ส่วนอื่นๆ เช่น ส่วนบนของร่าง (Upper Body) ก็เล่นเช่นเดียวกัน โดยเน้นให้กระชับและแข็งแรง
“โปรแกรมที่ดีและเหมาะสม ต้องเริ่มจากการวอร์มอัป หากเล่นส่วนไหนต้องวอร์มส่วนนั้น หรือส่วนกล้ามเนื้อที่เราฝึก มันไม่ใช่แค่เดินบนลู่วิ่ง เพื่อให้การฝึกมีประสิทธิภาพ ขณะที่โปรแกรมก็จะมีการแบ่งระดับต่อ ซึ่งต้องคำนึงด้วยว่า ทักษะพื้นฐานของการออกกำลังกายของแต่ละคนเป็นอย่างไรบ้าง ถ้าไม่มีพื้นฐานก็ต้องอยู่ระดับเริ่มต้น”
รวมถึงปราชญวงศ์ดียังเสริมว่า ทุกคนที่เข้าเทรนจะได้ของติดตัวสุดน่ารัก อย่าง ‘ตะกร้ายังชีพ’ ซึ่งประกอบด้วยใบโปรแกรมประกอบท่าเวตเทรนนิง รวมถึงสิ่งของอื่นๆ ได้แก่ พัดลม ยาดม และนาฬิกาจับเวลา
“เนื่องจากผู้หญิงไม่ชอบให้หน้าเป็นเมือก เราก็จะมีพัดลมให้เขาที่เป็นตะกร้า เพราะปกติผู้หญิงชอบพกของเยอะอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์ ไม้เซลฟี เราก็มีให้ คุณเดินมาถ่ายได้รูปเลย ขณะที่มีนาฬิกาจับเวลาไม่ซ้ำลาย มีลายพี่กบหรือมะเขือเทศ เพราะการเทรนต้องมีการพักเซต 1-3 นาที จับเวลา แต่ผู้หญิงมักจะชอบคุยจนลืม (หัวเราะ)” ปราชญวงศ์ดีเสริม
แต่ใช่ว่าความพิเศษของ Booty Lab จะยุติเพียงเท่านี้ เพราะ ‘ความจริงใจของผู้สอน’ ประกอบกับ ‘ความเป็นคอมมูนิตี’ ภายในฟิตเนส ยังดึงดูดให้ลูกศิษย์หลายคนตัดสินใจอยู่ที่แห่งนี้ต่อไป แม้บางคนจะร่วมร่ำเรียนกับปราชญวงศ์ดีเป็นระยะเวลาเกือบ 10 ปีแล้วก็ตาม
“ความแตกต่างอย่างหนึ่งจากยิมอื่น คือ ตัวครูเอง ที่ลูกศิษย์พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เขาเป็นคนจริงใจ มีความจริงใจให้ลูกศิษย์ แต่เราเห็นว่า เขาไม่ได้เน้นกำไรทางตัวเลขว่า คุณมาเทรนแล้วต้องจ่ายไปตลอด เราวางเรื่องนั้นแยกไว้เลย
“อันที่จริง เราไม่ได้สนใจเรื่องการขาย มันขึ้นอยู่กับความสะดวกของลูกศิษย์ว่า เขาจะมีศักยภาพอย่างไร แต่ไม่ว่าจะเป็นคนที่ซื้อคอร์ส 1 ครั้ง หรือ 100 ครั้ง เมื่อเข้ามาเทรน จะได้รับการปฏิบัติเหมือนกันหมด ไม่ว่าจะเป็นดารา นางแบบ พนักงานออฟฟิศ ทุกคนเข้ามาเป็นลูกศิษย์ครูซี ได้รับความเท่าเทียมกันหมด ครูซีรักทุกคนเท่ากัน ทุกคนได้รับกาแฟและความใส่ใจเท่ากัน มีคนพูดคำนี้กับผมเลย” ภูริเล่า
“อีกอย่างที่ Booty Lab คุณสามารถมีเพื่อนได้โดยไม่ต้องรู้จักกัน หากเทียบกับการไปยิมที่อื่น สมมติเปิดประตูเข้าไป ไม่มีเพื่อน เหงา มาคนเดียวกับหูฟัง แต่ถ้ามาที่นี่ เขารู้สึกว่า ไม่ต้องถามหรือรู้จักกันก็ได้ เพราะเปิดประตูเข้ามา นี่คือเพื่อนของเราทันที
“ตั้งแต่เดินเข้ามา คุณจะเจอการต้อนรับที่สบายใจ ผ่อนคลาย การเรียนการสอนจะไม่เครียดเลย” ปราชญวงศ์ดีเสริม
“ทั้งหมดต้องย้อนกลับไปที่จุดตั้งต้นของ Booty Lab มันเกิดจากผู้คนที่มีความสนใจเดียวกัน ทุกอย่างจึงง่าย กลายเป็นว่า คุณได้บรรยากาศของคนที่ชอบอะไรเหมือนกัน มีความเป็นส่วนตัว ไม่ต้องกลัวว่า ฉันจะแต่งตัวยังไง โป๊ไปไหม ทุกคนมีแนวทางแบบเดียวกัน ซึ่งเวลาเล่นไม่เหนื่อย เพราะมีเพื่อนช่วยผลักดัน ช่วยเชียร์ ก็กลายเป็นเรื่องสนุก
“มีเงินเป็นพันล้าน คุณก็ซื้อความสบายใจ ความจริงใจ ความอบอุ่นจากเพื่อนๆ ไม่ได้ มีลูกศิษย์บางคนทำงานหนัก พอเขามาถึงที่นี่แล้วบอกว่า ขอบคุณมาก เพราะอยู่ข้างนอกต้องสู้กับโลกภายนอก มาที่นี่แล้วได้เจอเพื่อน ได้กอดเพื่อน” ภูริสรุป
ความเป็นชุมชนของยิมเพื่อนหญิงพลังหญิงแห่งนี้ สะท้อนจากการมี ‘ตู้ฝาก’ หรือตู้เย็นส่วนร่วม ที่ภูริและปราชญวงศ์ดีจะซื้อเครื่องดื่มหรือขนมที่ลูกศิษย์แต่ละคนชอบ มาไว้ให้ในตู้และขายเท่าราคาที่ซื้อมา ขณะที่ลูกศิษย์แต่ละคนก็แวะกันหมุนเวียน แบ่งปันเครื่องดื่ม อาหาร จนถึง ‘เมล็ดกาแฟ’ ด้วยกัน
“เรามีตู้ฝาก ตู้แชร์เครื่องดื่ม ขณะที่มีเครื่องทำกาแฟเป็นส่วนกลาง แต่เมล็ดกาแฟ ลูกศิษย์คนนี้จะแชร์กัน ในช่วงแรก ครูซีเอามาให้กิน แต่พอระยะหลัง เขาก็แบ่งปันกันเอง” ปราชญวงศ์ดีกล่าว
นอกจากนี้ บรรยากาศรอบด้านใน Booty Lab ยังทำให้ยิมแห่งนี้แตกต่างจากที่อื่น นับตั้งแต่อุณหภูมิจนถึงกลิ่นของห้อง โดยปราชญวงศ์ดีอธิบายต้นสายปลายเหตุว่า สาเหตุที่ห้องต้องมืด เป็นเพราะผู้หญิงหลายคนไม่ได้แต่งหน้า รวมถึงต้องการหลีกเลี่ยงแสงแดดจากการทำหัตถการ ขณะที่กลิ่นหอมของห้อง มาจากน้ำหอมที่ปรุงขึ้นมาเป็นการเฉพาะ เพื่อแก้ไขปัญหากลิ่นไม่พึงประสงค์ในฟิตเนส
“เราทำน้ำหอมเฉพาะสำหรับที่นี่เลย ซึ่งเกิดจากปัญหากลิ่นเหม็นทั่วไปในยิม เราต้องการสภาพแวดล้อมที่ดี น้ำหอมนี้เป็นสมุนไพรที่ปรุงเฉพาะ มีกลิ่นนำคือ ส้มแมนดาริน และสมุนไพรสีเขียวหลายอย่าง พอได้กลิ่นแล้วหอมสดชื่น ผ่อนคลาย สงบ” ปราชญวงศ์ดีอธิบาย
เทรนเนอร์สาวยังเล่าอย่างติดตลกต่อว่า ที่นี่มีอุปกรณ์พร้อมสำหรับทุกอย่าง ตั้งแต่ยางมัดผม ถุงเท้า ผ้าอนามัย หรือแม้แต่ ‘ชุดออกกำลังกาย’ หากลูกศิษย์คนไหนลืมเอามา เพราะเธอรู้ดีว่า ผู้หญิงแต่ละคนมีกิจวัตรหลายอย่าง จึงอาจทำให้หลงลืมอะไรได้ง่าย
‘เวตเทรนนิง’ ไม่มีอายุ เพศ และวัย แต่ก็มีข้อจำกัดบางอย่าง
“เล่นเวตเยอะ เดี๋ยวมีกล้ามล่ำ”
“มดลูกจะหย่อน เพราะยกของหนัก”
แม้จะมีหลากหลายความเชื่อต่อต้านการเล่นเวตเทรนนิงในสังคมไทย ทว่าภูริและปราชญวงศ์ดี ในฐานะเทรนเนอร์ผู้เชี่ยวชาญและผู้ก่อตั้ง Booty Lab เห็นต่างออกไป
“เวตเทรนนิงจำเป็นสำหรับทุกคน เพราะร่างกายของเราประกอบไปด้วยกล้ามเนื้อ ทั้งกล้ามเนื้อลายหรือเนื้อติดกระดูก กล้ามเนื้อเรียบที่อยู่ส่วนลำไส้ อวัยวะภายใน และกล้ามเนื้อหัวใจ ซึ่งเราใช้สิ่งเหล่านี้ทุกวัน และร่างกายเราขับเคลื่อนด้วยกล้ามเนื้อ” ภูริอธิบาย
“แต่เวตเทรนนิงก็มีหลายแบบ ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ ตั้งแต่ปรับให้ระบบร่างกายทำงานดี หรือทำให้กล้ามเนื้อแข็งแรงมากขึ้น ขณะที่การปั้นหุ่นให้สวยก็เป็นอีกแบบหนึ่ง เพราะฉะนั้น เวตเทรนนิงคือศาสตร์ของการทำนุบำรุงกล้ามเนื้อ สร้างความแข็งแรง เพิ่มประสิทธิภาพ และครอบคลุมทุกอย่างของระบบกล้ามเนื้อ
“เราต้องรู้ว่า แต่ละคนเหมาะกับโปรแกรมแบบไหน ซึ่งทุกคนมีความจำเป็นใช้กล้ามเนื้อ เช่น นักบัลเลต์ที่เราคิดว่า เขาไม่ใช้กล้ามเนื้อเลย เขาก็ยังต้องยืดในท่า Tiptoe หรือฝึกกล้ามเนื้อให้เต้นออกมาแล้วสวย รวมถึงยืนโพสต์ได้นาน”
สำหรับประเด็นการถกเถียงว่าด้วย ‘ผู้หญิงไม่สามารถเล่นเวตเทรนนิง’ ได้ ภูริตอบคำถามดังกล่าวว่า เป็นความคิดที่ ‘ผิด’ และ ‘ตีตรา’ (Stereotype) การออกกำลังกายประเภทนี้
“การเล่นเวตเทรนนิงไม่เกี่ยวกับเพศด้วยซ้ำ เพราะการเล่นกีฬานั้นไม่จำกัดเพศ การบอกว่า ผู้หญิงเล่นไม่ได้เป็นความคิดที่ผิดสิ้นเชิง ซึ่งจริงๆ แล้ว เราต้องมาดูว่า จะเล่นโปรแกรมแบบไหน เพื่อเป้าหมายของผู้หญิงที่จะมาเล่น
“เอาเข้าจริงแล้ว ผู้หญิงยิ่งควรต้องเล่นเวตเทรนนิงด้วย เพราะคุณมีอัตราการเสี่ยงเสียกล้ามเนื้อมากกว่าผู้ชาย เห็นได้ชัดว่า ผู้หญิงแก่เร็วกว่าผู้ชาย เพราะเขามีกล้ามเนื้อเยอะกว่า
“กล้ามเนื้อทำให้เราไม่แก่ หมายความว่า ถ้าไม่อยากแก่เร็ว หน้าตาดูเด็กตลอด ก็ต้องเล่น เห็นได้จากคนที่ดูเด็ก หน้าไม่แก่ เพราะเขาคุณภาพกล้ามเนื้อเขาดี บางคนอาจจะยังนึกไม่ถึงว่า คุณภาพกล้ามเกี่ยวอะไร แต่ลองนึกดู แก้มเราใช้กล้ามเนื้อไหม นั่นหมายความว่า ถ้าส่วนนี้หย่อน ประสิทธิภาพก็เหี่ยวตาม ถ้าประสิทธิภาพดี องค์รวมก็ดีหมด”
“ส่วนการเล่นเวตเยอะแล้วจะล่ำจริงไหม คำตอบนี้ทั้งจริงและไม่จริง กลับไปที่คำถามเดิม ขึ้นอยู่กับเป้าหมาย หลายคนมักบอกว่า เล่นไปเถอะ กล้ามไม่ใช่ถั่วงอก มันไม่ขึ้นหรอก ถ้าเช่นนั้น อธิบายนักเพาะกายหญิงให้ฟังหน่อยว่า ทำไมเขาถึงล่ำ
“เพราะกล้ามเนื้อขึ้นได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย ซึ่งขึ้นอยู่กับโปรแกรม มันเลือกได้อยู่แล้วว่า โปรแกรมถูกไหม มีประสิทธิภาพหรือเปล่า”
ขณะที่ปราชญวงศ์ดีให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ถึงแม้ผู้หญิงสามารถเล่นเวตเทรนนิงได้ตามปกติ แต่ก็ยังมีข้อจำกัดในบางช่วงคือ ช่วงการตั้งครรภ์ การทำศัลยกรรม และการมีประจำเดือน
“มีข้อจำกัดสำหรับคนท้องในการเล่นเวตเทรนนิง เช่น ช่วงการให้น้ำนมลูกต้องงดออกกำลังกาย ไม่อย่างนั้นน้ำนมจะเปรี้ยว ขณะที่โปรแกรมเวตจะเน้นการหดกล้ามเนื้อมากกว่ายืด เพราะตอนเขาท้อง ทุกอย่างมันขยายออก เราจึงต้องเน้นออกแกนกลางให้เยอะขึ้นด้วย เช่น เล่นท่า Hip Thurst เน้นการหดเกร็งบีบค้าง
“เรื่องความงามกับผู้หญิง ข้อห้ามอีกอย่างหนึ่งคือการศัลยกรรม เช่น จะมีลูกศิษย์เข้ามาบอกว่า หนูไปทำหน้าอกมา บวมมากเลย เล่นได้หรือยังคะครู” แต่เราห้าม ไม่ได้เลย
“ที่จริงแล้ว ก่อนจะศัลยกรรม เราจะคุยกับลูกศิษย์ก่อนตลอดว่า ทำที่นี่ดีนะ โดยเฉพาะเรื่องการทำหน้าอก ซึ่งคุณต้องเตรียมตัวด้วยการฝึกแกนกลางกล้ามเนื้อหลัง เพื่อจะได้ไม่ปวดหลัง ทำให้กล้ามเนื้อหลังแน่น ยืด สวย ไม่หลังค่อม
“เพราะกล้ามเนื้อส่วนหลังกับหน้าอกทำงานคู่กัน ดังนั้น วิธีการของเราคือ เทรนล่วงหน้า 3 เดือนก่อนการทำศัลยกรรม เพื่อทำให้หน้าอกสวย สมบูรณ์ ไม่มีปัญหา
“เราดูจนถึงขั้นซิลิโคนวางอยู่ตรงไหน หรือต้องไม่เล่นเวตเทรนนิงส่วนอกมากเกินไป ป้องกันไม่ให้หน้าอกห่าง ทั้งหมดเพื่อความงามและความเข้าใจผู้หญิง คุณวางใจได้เลยว่า อยู่กับครู ครูรู้ดีว่าทำอย่างไร เธอสวย สบายใจ
“สำหรับคนมีประจำเดือน คุณสามารถฝึกได้ตามปกติบางกรณี แต่ถ้าบางคนอักเสบมากเกินไป ก็ไม่ต้องยกเวตเลย นอกจากนี้ กรณีที่เป็นประจำเดือนเข้าวันที่ 1-2 ก็ไม่ควรฝึกท่าที่มีการย่อลงต่ำหรือเบ่ง เช่น สควอต (Squat) แบบนี้ไม่ควร แต่ถ้าเป็นท่าออกกำลังกายที่หดหรือเบ่ง ก็ทำได้”
กิน นอน ออกกำลังกาย เรื่อง ‘ง่าย’ ที่ ‘ไม่ง่าย’ ในการปั้นก้น
เมื่อ The Momentum ถามเทคนิคการปั้นก้นให้สวย เทรนเนอร์สาวแห่ง Booty Lab ตอบคำถามกับเราสั้นๆ อย่างได้ใจความว่า ต้องใส่ใจทั้งการกิน การนอน และการออกกำลังกาย
“การนอนสำคัญมาก โดยเฉพาะในกรณีคนผอม ทำให้ปั้นก้นยาก คุณต้องกินเยอะ ซึ่งครูมักจะบอกเสมอว่า กินอะไรก็ได้ที่ทำให้เรามีพลังงานมากพอ ในการสร้างกล้ามเนื้อ ไม่ต้องกินคลีน มันทำให้เราเครียด กินอาหารได้ยาก ไม่มีความสุข
“เพราะฉะนั้น คุณกินอะไรที่ชอบให้มีพลังงาน และยกน้ำหนักเพื่อสร้างกล้ามเนื้อ ปิดท้ายด้วยนอนเร็ว ซึ่งเป็นเรื่องเบื้องต้นก่อน แต่ถ้ารู้สึกอ้วนขึ้นก็สามารถมาลดไขมันทีหลังได้
“เราอยากทำให้การสร้างกล้ามเนื้อมันสนุก ไม่ต้องนั่งกินอกไก่ กินอะไรก็ได้ อยากกินผัดไทยก็กิน มันคือพลังงานที่คุณชอบ หรือคุณกินเค้กได้ จะเห็นว่าเรายื่นเค้กให้กิน ไม่มีการกินบังคับเพื่อไดเอ็ต เรากินเพื่อสร้างกล้ามเนื้อ
“แม้พยายามบอกทุกคนว่า ดื่มแอลกอฮอล์ไม่ดีนะ มันทำให้ร่างกายอักเสบ แต่เราจะไม่พูดว่า แต่ละคนต้องกินผัก กินอกไก่ หรือเอาการบ้านมาส่ง”
ภูริและปราชญวงศ์ดี ยังยกตัวอย่าง ‘คุณ A’ ลูกศิษย์คนหนึ่งใน Booty Lab ซึ่งเป็นกรณีที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก เพราะเธอมีรูปร่างผอมและไม่อยากอาหาร แต่ด้วยความช่วยเหลือของทั้ง 2 คน A สามารถมีรูปร่างในฝันและสุขภาพแข็งแรงได้
“เขาผอมแล้วต้องเพิ่มกล้ามเนื้อ ซึ่งเป็นเรื่องยากมากในการสอนให้คนผอมกินอาหาร เพราะก่อนหน้านี้ เขาลดความอ้วนด้วยการใช้อาหารเสริมประเภทแฟตเบิร์น กินจนผมร่วงผอมมาก และมีอาการไม่อยากกินอาหาร พอคนไม่อยากกิน แน่นอนว่าคุณไม่มีความสุข และยกน้ำหนักไม่ได้ ไม่ดี และไม่มีแรง เขาพูดว่า เขาไม่รู้สึกหิว เห็นอาหารแล้วไม่มีความอยาก เหมือนหายไปเลย” ปราชญวงศ์ดีเล่า
“เป้าหมายของเขาคือการอยากมีก้น ซึ่งว่ายากแล้ว เพราะเขากินน้อย กลายเป็นว่าเขาต้องยัดอาหารเข้าไป ยัดดื่มๆ พอไม่มีความสุขในการกิน การเทรนจึงยากขึ้น หุ่นของเขาก็ยาก โจทย์ก็ยาก เพราะรูปร่างตรงไปหมดเลย”
ก่อนที่ภูริจะเสริมต่อว่า “เคสนี้ท้าทายมากกว่านั้น เพราะหลังจากนั้น ถึงเขาหุ่นดี แต่มีลูกยากมาก เราต้องเทรนให้สุขภาพกลับมาดีมากพอที่จะเป็นคุณแม่ได้ ตอนท้องเราต้องสอนเขาให้ทำทุกอย่างปลอดภัย ต้องประคับประคองเขาต่อ หลังจากนั้น ก็ต้องช่วยให้เขาหุ่นดีหลังคลอด หรือช่วงที่ให้น้ำนมลูกด้วย
“มันยากมาก เพราะประจำเดือนเขาขาดขนาดนี้ ขาดไปเป็นปี แล้วการจะมีลูกได้นั้น ไข่คุณต้องสมบูรณ์พอ เราจึงค่อนข้างประทับใจที่สามารถช่วยเขาจนสำเร็จ และภูมิใจในความรู้ที่เรามีว่า ทำให้คนหนึ่งทำฝันเป็นจริงด้วยการมีรูปร่างที่เขาอยากได้” ปราชญวงศ์ดีสรุป
เสียงจาก ‘เทรนเนอร์’ ถึง ‘วงการสุขภาพไทย’
นอกจากประเด็นการเล่นเวตเทรนนิง ภูริยังทิ้งท้ายถึงปัญหาในวงการสุขภาพไทยอย่าง ‘ความเชื่อ’ และ ‘การอัปเดตความรู้’ อย่างสม่ำเสมอ
“ศรัทธาที่ไม่ใช้ปัญญา มีความอันตรายมาก ในวงการฟิตเนสเหมือนกัน อันที่จริง คุณต้องใช้ความรู้ในฐานะเครื่องมือชิ้นหนึ่ง เช่น ความรู้ในการสอนออกกำลังกาย หากเทียบกับสิ่งที่คุณรู้ใน 5 ปีที่แล้วกับปี 2024 เราก็ควรจะพัฒนาความรู้เราให้ทันยุคสมัย” ภูริเล่า
หนึ่งในผู้ก่อตั้ง Booty Lab อธิบาย ก่อนจะฝากถึง ‘มือใหม่’ และ ‘คนที่อยู่ในวงการออกกำลังกาย’ มาสักพักหนึ่งว่า
“สำหรับมือใหม่ที่เพิ่งออกกำลังกาย แนะนำคุณให้หาข้อมูลเยอะๆ หากจะทำอะไรต้องดูก่อน พิจารณาว่า จริงและถูกต้อง ตรงเป้าหมายกับเราหรือไม่
“แล้วก็ค่อยเริ่มออกกำลังกาย ดูแลสุขภาพตนเองได้แล้ว เพราะสมัยนี้ คุณรับมลพิษทางอากาศ หรืออาหารการกินที่ปนเปื้อนเยอะ สังเกตได้ว่า คนที่ป่วยจากอากาศ การกินอาหารเยอะมากขึ้น และอายุน้อยลงเรื่อยๆ
“อย่าละเลยเพราะคิดว่า อายุน้อยไม่จำเป็น อันที่จริง คุณลงมือทำไปเลย ทำตอนอายุน้อยยิ่งดี เพราะของแบบนี้มันใช้เวลา ถ้าคุณเริ่มเร็ว ก็ประสบความสำเร็จเร็ว หลังจากนั้นแค่รักษามันไว้ ถ้าไปเริ่มตอนอายุมากคือเหนื่อย เพราะทำไปด้วย ซ่อมไปด้วย ร่างกายจะพังเอา
“ส่วนคนที่ฝึกมาสักพักแล้ว ให้อัปเดตความรู้ พยายามเช็กสม่ำเสมอ อย่าไปคิดว่าเสียเวลา อะไรก็ตามที่คุณรู้ใหม่มากกว่าเดิม มันดีมากแล้ว หรืออย่างน้อยเราได้รู้ว่า อันที่เราทำมาตลอดมันถูกต้องไหม ก่อนที่เราจะบาดเจ็บหรือเป็นอะไรไป มันจะไม่เหมือนเดิมไปตลอดเลย เพราะผมเคยผ่านมันมาแล้ว”
Fact Box
- Booty Lab ตั้งอยู่ที่ย่านรัชดาภิเษก อาคารไนซ์ 2 ชั้น 2 โดยสามารถเดินทางได้ด้วย MRT สถานีห้วยขวางและสถานีรัชดาภิเษก
- ปราชญวงศ์ดีและภูริเป็นผู้ก่อตั้ง Booty Lab ร่วมกัน แต่ผู้รับหน้าที่สอนคลาสทั้งหมด คือปราชญวงศ์ดี ขณะที่ภูริอยู่เบื้องหลังและทำหน้าที่ให้คำปรึกษา