หลังการรัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557 โดย คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มีนักการเมือง นักกิจกรรม นักเคลื่อนไหวทางการเมือง รวมถึงประชาชนทั่วไป ถูกเรียกเข้ารายงานตัวในค่ายทหารเป็นจำนวนมาก และมีไม่น้อย ที่หลบเดินทางออกนอกประเทศไปเป็นผู้ลี้ภัยทางการเมือง 

บุคคลเหล่านั้น บางส่วนได้สถานะผู้ลี้ภัยในต่างแดน แต่ส่วนใหญ่ยังคงอยู่ในประเทศเพือนบ้านเพื่อรอสถานะ หรือรอให้การเมืองไทยคลี่คลายลง นักกิจกรรมที่ลี้ภัย บางส่วนยังคงเคลื่อนไหวทางการเมืองต่อ ขณะที่บางส่วนหยุดการแสดงความคิดเห็นทางการเมืองไปแล้ว

นักกิจกรรมที่ลี้ภัยทางการเมือง ที่ยังคงเคลื่อนไหวอยู่นั้น ในช่วงปี พ.ศ. 2557-2558 พบข้อมูลว่า รัฐบาลไทยกดดันให้ยุติการเคลือนไหวผ่านทางครอบครัวที่อาศัยในประเทศไทย และกดดันไปยังประเทศที่ให้ที่พักอาศัยอยู่ แต่ก็เป็นเพียงครั้งคราวไม่มีเหตุการณ์รุนแรงใดๆ 

จนมาถึงเดือนมิถุนายน 2559 อิทธิพล สุขแป้น หรือดีเจซุนโฮ หายตัวไป และต่อมาในเดือน กรกฎาคม  2560 วุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ หรือโก๋ตี๋ ถูกกลุ่มชายบุกเข้าไปจับตัวและสูญหายไป 

ทั้งสองกรณี ผู้นำกองทัพ รวมทั้งรัฐบาลไทยได้ปฎิเสธความเกี่ยวข้อง

ต่อมาในเดือน ธันวาคม 2561 สุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์ (แซ่ด่าน) พร้อมด้วยคนใกล้ชิดสองคน คือ ชัชชาญ บุปผาวัลย์ หรือสหายภูชนะ และ ไกรเดช ลือเลิศ หรือสหายกาสะลอง ที่หายตัวไปจากที่พัก โดยที่เครื่องใช้ส่วนตัวและยารักษาโรค รวมถึงรถยนต์ที่ใช้ประจำ ยังอยู่ที่เดิม 

หลังจากนั้น ครอบครัวและเพื่อนผู้ลี้ภัยออกติดตามหา จนมีข่าวพบศพสองศพถูกฆ่าลอยแม่น้ำโขงมาติดยังฝั่งไทย และเมื่อตรวจดีเอ็นเอทั้งสองศพ ก็พบว่า สองศพนั้นคือสหายกาสะลองและสหายภูชนะที่หายตัวไปพร้อมกับนายสุรชัย ที่จนถึงปัจจุปันก็ยังไม่พบเบาะแสใดๆ

ถัดมาอีกไม่นาน ในเดือนพฤษภาคม 2562 มีรายงานว่า ชูชีพ ชีวะสุทธิ์ หรือ ลุงสนามหลวง, กฤษณะ ทัพไทย และสยาม ธีรวุฒิ ถูกทางการเวียดนามจับกุมตัวในข้อหาปลอมแปลงหนังสือเดินทาง และถูกส่งตัวกลับมายังไทย แต่ทางการไทยและเวียดนามปฎิเสธข่าวดังกล่าว

หลังจากนั้น ญาติของผู้ลี้ภัยทางการเมืองได้เข้าร้องเรียนขอความเป็นธรรม ติดตามความคืบหน้าทางคดีอย่างต่อเนืองตลอดทั้งปี แต่กลับไม่มีความคืบหน้าใดๆ 

ในส่วนของภรรยาสุรชัย ยังต้องรับภาระผ่อนชำระค่าปรับนายประกันจำนวน 450,000 บาท จากคดีที่ถูกศาลพัทยาใต้ฟ้อง เนื่องจากไม่ปรากฎหลักฐานว่าสุรชัยเสียชีวิตลงแล้ว โดยจะต้องผ่อนชำระเป็นรายเดือน เดือนละ 3,000 บาทจนกว่าจะครบ

ตลอดปี 2562 จึงเป็นปีแห่งความเงียบไร้เสียงตอบกลับในการตามหาผู้ลี้ภัยทางการเมืองที่ถูกบังคับให้หายสาบสูญ แต่ญาติของพวกเขายังไม่สิ้นหวัง จะพยายามติดตามและทวงถามความเป็นธรรมต่อไป

 

ภรรยาของสุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์ (แซ่ด่าน) พร้อมด้วยประชาชน เรียกร้องความเป็นธรรมให้แก่ผู้ลี้ภัยทางการเมืองที่ถูกอุ้มฆ่าที่สี่แยกราชประสงค์ เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2562 

ภรรยาของสุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์ (แซ่ด่าน) เข้ายื่นหนังสือผ่าน อังคณา นีละไพจิตร กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ขอให้ตรวจสอบการบังคับบุคคลสูญหาย และเรียกร้องให้ตำรวจสืบสวนสอบสวนกรณีการอุ้มฆ่าสุรชัยและผู้ติดตาม 5 มีนาคม 2662

สุนัขที่อาศัยอยู่ภายในบ้านที่ผุ้ลี้ภัยการเมืองอาศัยอยู่แสดงอาการดีใจ เมื่อเห็นป้าน้อย ปราณี ด่านวัฒนานุสรณ์ ภรรยาของสุรชัย ที่เดินทางไปยังประเทศเพือนบ้านเพื่อเก็บของใช้ส่วนตัวของสุรชัย 

บ้านพักที่ผู้ลี้ภัยทางการเมืองพักอาศัยอยู่ก่อนที่จะถูกอุ้มฆ่า

เก้าอี้เอนที่สุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์ นั่งเป็นประจำภายในบ้านพัก

สภาพเตียงนอนที่สุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์ นอนเป็นประจำก่อนถูกอุ้มหายตัวไป

ในปี 2562 นอกจากสุรชัย สหายกาสะลอง และสหายภูชนะแล้ว ยังมีผู้ลี้ภัยทางการเมืองอีกสามราย ได้แก่  ชูชีพ ชีวะสุทธิ์ นักจัดรายการวิทยุใต้ดินในนาม ‘ลุงสนามหลวง’, กฤษณะ ทัพไทย, และสยาม ธีรวุฒิ ที่ถูกบังคับสูญหายขณะที่ลี้ภัยการเมืองอยู่ประเทศเพือนบ้าน

13 พฤษภาคม 2562 ธีรวุฒิ มารดาของสยาม ธีรวุฒิ พร้อมครอบครัวและเพื่อน เดินทางไปยังสถานเอกอัครราชทูตเวียดนามประจำประเทศไทย เพื่อเรียกร้องให้ทางการเวียดนามชี้แจงกรณีการหายตัวไป

3 กุมภาพันธ์ 2562 ปราณี ด่านวัฒนานุสรณ์ ภรรยาสุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์ หรือสุรชัย แซ่ด่าน พร้อมด้วยบุตรชายของสหายภูชนะและบุตรชายของสหายกาสะลอง ร่วมกันทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับสุรชัยและสหายทั้งสอง ที่วัดแจ้งศิริสัมพันธ์ จังหวัดนนทบุรี

10 ตุลาคม 2562 ปราณี ด่านวัฒนานุสรณ์ ภรรยาของนายสุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์ เข้าร้องผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เร่งติดตามคดีผู้ลี้ภัยทางการเมืองสูญหาย

14 ธันวาคม 2562 บุตรชายของผู้ลี้ภัยการเมืองที่ถูกอุ้มฆ่า จุดเทียน วางดอกไม้ไว้อาลัยในวันครบรอบหนึ่งปี ของการถุกอุ้มหาย บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย

Tags: ,