หนังเกี่ยวกับอะไร
เรื่องราวภาคต่อของแวมไพร์ผู้ท้าความตายอย่าง ‘เซลีน’ (เคต เบกคินเซล) ที่ถูกตามล่าจากไลแคนที่ต้องการเลือดของเธอ แถมแวมไพร์ด้วยกันยังไม่ยอมรับเธอ เพราะเชื่อว่าเธอทรยศเผ่าพันธุ์ด้วยการฆ่าผู้นำไปถึงสองคน แต่แล้วเมื่อ ‘แมเรียส’ (โทเบียส เมนซีส์) ผู้นำไลแคนคนใหม่เริ่มโจมตีแวมไพร์จนเหลือป้อมปราการไม่กี่แห่ง ผู้นำแวมไพร์จึงต้องยอมให้เซลีนกลับมาปกป้องเผ่าพันธุ์อีกครั้ง โดยหารู้ไม่ว่าในหมู่แวมไพร์ด้วยกันยังคงมีไส้ศึกและคนคิดทรยศอยู่
สิ่งที่ควรรู้ก่อนไปดูหนัง
เห็นหลายคนอยากรู้ว่าภาคนี้ไมเคิลและอีฟจะมีบทไหม (ไมเคิลคือแฟนของเซลีน, อีฟคือลูกสาวในภาค 4) เราบอกก่อนเลยว่าทั้งสองคนไม่มีบทในภาคนี้นะ ส่วนคำอธิบายที่หนังมอบให้ก็คือ อีฟได้แยกทางจากเซลีนไปหลบซ่อนตัวที่ไหนสักแห่ง โดยที่เซลีนก็ไม่รู้ว่าจะตามหาเธออย่างไร ส่วนไมเคิลมีเฉลยในตอนท้ายของหนัง
สิ่งที่ชอบที่สุดจากหนัง
ภาคนี้ถือว่ายังคงรักษาเสน่ห์ของ Underworld เอาไว้ได้หมดเลย เอาจริงๆ มันก็คงไม่มีใครคิด revision แก้ไขแฟรนไชส์ให้สดใหม่แปลกใหม่กว่าเดิม หนังก็เอามุกการเล่าเรื่องแบบเดิมๆ มาขยายจักรวาลตัวเองออกไปเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นการทรยศหักหลัง, การแย่งชิงอำนาจ, การเปิดเผยทายาท, การฝึกฝนพลังให้แกร่งกล้ากว่าเดิม ซึ่งสิ่งต่างๆ เหล่านี้ล้วนเป็นแนวทางของพวกหนังนักรบโรมัน เพียงแต่พอเป็น Underworld มันก็เปลี่ยนจากนักรบคนธรรมดาเป็นแวมไพร์ vs. ไลแคน ที่เดินเรื่องง่ายๆ ไม่เน้นความลึกของตัวละคร แล้วก็จัดเต็มแอ็กชันโหดๆ เลือดสาดเรต R ประเคนผู้ชมให้อิ่มหนำกันไปข้าง
สิ่งที่ไม่ชอบที่สุดจากหนัง
ถึงแม้เราจะชอบที่ภาค Blood Wars ยังรักษาเอกลักษณ์ของแฟรนไชส์ตัวเองเอาไว้ได้ แต่ลึกๆ แล้วเราก็คาดหวังให้ตัวหนังมีความทะเยอทะยานในการเล่าเรื่องธีมเดิมของตัวเอง อาจจะไม่ต้องถึงขั้น revision ให้สดใหม่ ขอแค่เพิ่มมิติตัวละครด้วยการเพิ่มแรงจูงใจที่ใช้ขับเคลื่อนการตัดสินใจแต่ละครั้งแบบในภาคแรก หรือหยอดการซ่อนปมไขปริศนาสักหน่อยก็พอแล้ว
เราเรียนรู้อะไรจากหนัง
ธีมของ Underworld ทุกภาคล้วนเกี่ยวข้องกับการทรยศหักหลังกัน เราควรเรียนรู้อย่างหนึ่งว่ายิ่งอยู่สูงยิ่งมีอันตรายจากคนที่คิดแย่งชิงอำนาจ การตรวจสอบคนใกล้ชิดอาจจะแสดงออกถึงความไม่ไว้วางใจ แต่มันคุ้มค่าที่จะทำเพื่อป้องกันความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยจากหนัง
Underworld ภาคนี้รวมนักแสดงจากซีรีส์ดัง Game of Thrones เอาไว้ถึง 4 คนคือ
– ชาร์ลส์ แดนซ์ (ใน GoT คือไทวิน แลนนิสเตอร์) แสดงเป็นโทมัส พ่อของเดวิด ตั้งแต่ภาค Awakening
– โทเบียส เมนซีส์ (ใน GoT คือเอ็ดมัวร์ ทัลลี) แสดงเป็นแมเรียส คู่ปรับใหม่ของเซลีนในภาค Blood Wars
– เจมส์ ฟัลก์เนอร์ (ใน GoT คือแรนดิล ทาร์ลี) แสดงเป็นแคสเซียส ผู้ปกครองคราเวนของแวมไพร์
– ลารา พูลเวอร์ (ใน GoT คือคนพากย์เสียงเอลิสซา) แสดงเป็นเซมิรา แวมไพร์ที่วางแผนเชื้อเชิญเซลีนกลับสู่คราเวนอีกครั้ง
หนังเรื่องนี้เหมาะกับใคร
แน่นอนว่าหนังทำออกมาตอบโจทย์แฟนกลุ่มเดิมของ Underworld ใครที่เป็นแฟนติดตามมาตั้งแต่ภาคแรกก็ไม่ควรพลาดกันอยู่แล้ว แถมดูวี่แววจะมีภาค 6 ต่อไปอีกด้วย
ควรชวนใครไปดู
สำหรับหนุ่มๆ แนะนำให้ชวนสาวที่เป็นแฟนคลับของ ธีโอ เจมส์ เพราะภาคนี้เขาบทเด่นขึ้นมาก ถึงแม้ ธีโอ เจมส์ จะเริ่มดังจาก Divergent แต่บทเปิดตัวเขาจริงๆ คือหนังเรื่อง Underworld: Awakening และเชื่อว่าเขาจะเด่นขึ้นอีกในภาคต่อไป
ความคุ้มค่าต่อเงินที่เสียไป
สำหรับแฟน Underworld แล้วยังไงก็คุ้มเงินที่เสียไป เพื่อจะได้ดู เคต เบกคินเซล กลับมาแอ็กชันมันสะใจอีกครั้ง ส่วนคนที่ยังไม่เคยดูมาก่อนสักภาคก็อยากแนะนำว่าอย่างน้อยควรไปหาดูภาคแรกเป็นการบ้านเล็กๆ แล้วมาลองดูภาค Blood Wars วันพุธราคาประหยัดก็ได้
ขอ 3 พยางค์จากหนังเรื่องนี้
เคต โหด ขึ้น
Tags: หนังโปรดของข้าพเจ้า, Game of Thrones, Underworld