เพลงรักนิวตริโน (Neutrino Romance) นวนิยายลำดับที่ 4 ของ อนุสรณ์ ติปยานนท์ เจ้าของฉายา ‘มูราคามิเมืองไทย’ นักเขียนเจ้าของสำนวนเปลี่ยวดายชวนเหงา แม้จะยืนอยู่ท่ามกลางผู้คนมากมาย ที่ส่งผ่านความรู้สึกในท่วงทำนองคล้ายกับงานเขียนของ ฮารูกิ มูราคามิ (Haruki Murakami) นักเขียนชาวญี่ปุ่นที่เปรียบเสมือนเส้นเลือดใหญ่ของวัฒนธรรมป็อปญี่ปุ่น เจ้าของเรื่อง
เล่าเหนือธรรมชาติของชีวิตอันแปลกแยก การโหยหาความรักในรักที่ไม่มีวันสมหวัง และความตายปลายทางสุดท้ายของทุกชีวิต อนุสรณ์ใช้เวลากว่า 5 ปี ในการบ่มเพาะความรู้เกี่ยวกับภาพยนตร์เงียบในศตวรรษที่ 20 และประวัติศาสตร์ของฮ่องกงในยุคก่อนที่สหราชอาณาจักรจะส่งมอบคืนให้กับจีน สองประเด็นหลักที่ถูกผูกโยงเข้าด้วยกันเป็นหัวใจสำคัญของ เพลงรักนิวตริโน ส่งผ่านเรื่องราวที่เล่าถึงความรักของสมิทธิที่เต็มไปด้วยความซับซ้อนเกินกว่าจะจับต้นชนปลาย และหาถ้อยความมาอธิบาย โดยมีเกาะฮ่องกงเป็นฉากหลังให้กลิ่นอายคล้ายกับภาพยนตร์ของหว่องกาไว (Wong Kar-wai)
เพลงรักนิวตริโน ร้อยเรียงขึ้นอย่างชวนสับสน ด้วยการเล่าเรื่องตัดสลับย้อนไปมาระหว่างปัจจุบัน อดีต อดีตที่ผ่านมาแสนนาน และความคาบเกี่ยวของผู้คนจากอดีตที่เข้ามามีชีวิตในปัจจุบัน ซึ่งนี่อาจเป็นวิธีการที่อนุสรณ์เขียนขึ้นเพื่อให้นิยามความหมายของความรัก
ว่า…
ความรักนั้นเป็นสิ่งซ่อนเร้น และเป็นอนุภาคขั้นกว่าบริสุทธิ์ที่อยู่เหนือกาลเวลา
‘ฝน’ หญิงสาวคนแรกที่เข้ามาในชีวิตของสมิทธิในช่วงวัยเรียนมหาวิทยาลัย ความสัมพันธ์ของทั้งสองมีจุดเริ่มต้นมาจากปณิธานที่สมิทธิตั้งใจเอาไว้ว่าจะทำตลอดระยะเวลาช่วงชีวิตนักศึกษามหาวิทยาลัย นั่นคือ การอ่านหนังสือทุกเล่มที่อยู่ในหมวดหมู่สถาปัตยกรรมในห้องสมุด แต่ปณิธานดังกล่าวต้องมาสะดุดลงเมื่อหนังสือลำดับถัดไปที่สมิทธิต้องอ่านถูกฝนยืมไปอ่านตัดหน้า สมิทธิเฝ้ารอคอยฝนนำหนังสือกลับมาคืนห้องสมุด จากวันเป็นสัปดาห์ จากสัปดาห์เป็นเดือน จากเดือนเป็นเทอม จนสมิทธิต้องเข้าไปขอให้ฝนนำหนังสือเล่มนั้นมาคืน แต่ฝนกลับยื่นข้อเสนอด้วยการให้สมิทธิไปช่วยงานในค่ายภาคสนามวิชาโบราณคดีที่ฝนกำลังจะไปร่วม ก่อนที่วันสุดท้ายของค่ายจะมาถึงฝนและสมิทธิได้มีสัมพันธ์รักกันกลางป่าลึกในคืนฝนพรำ และฝนได้ทิ้งหนังสือเล่มนั้นไว้ให้สมิทธิแล้วหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยในเช้าวันใหม่
การหายตัวไปของฝนในค่ำคืนฝนพรำกลางป่าลึกนั้น สร้างความผันเปลี่ยนผลักดันให้สมิทธิบินข้ามน้ำข้ามทะเลจากประเทศไทยไปเป็นสถาปนิกที่ฮ่องกง กลายเป็นจุดเริ่มต้นให้สมิทธิได้เจอกับความสัมพันธ์ครั้งใหม่ ในขณะที่สมิทธิกางแผนที่เพื่อหาสถานที่พักผ่อนหย่อนใจอยู่นั้น ‘จัสมิน หลิง’ นางเอกภาพยนตร์เงียบชื่อดังที่หายตัวไปกว่า 60 ปี ได้ปรากฏตัวขึ้นบนตักของสมิทธิในชุดกี่เพ้าสีแดงเนื้อบางที่คลุมร่างเปล่าเปลือยเอาไว้ ทั้งคู่มีความสัมพันธ์บนเรือนกายของกันและกัน สานต่อสู่การอยู่กินร่วมกันเป็นเวลาร่วม 3 เดือน ก่อนที่เธอจะสิ้นลมจากไป ทิ้งไว้เพียงร่องรอยความสงสัยในการมาถึงกับความรู้สึกรักที่ยังอบอวลอยู่ในใจของสมิทธิ
แม้การปรากฏตัวของ จัสมิน หลิง นั้นจะเกิดขึ้นอย่างลึกลับและยากเกินกว่าจะหาคำตอบ แต่กระนั้นสมิทธิก็หาได้หวาดกลัวไม่ แต่กลับยกให้สิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้านั้นเป็นท่วงทำนองหนึ่งของชีวิตที่ไม่รู้ลืม
“คุณพอจะบรรยายรูปลักษณ์ของเธอในวันนั้นได้ไหม?”
“ไม่มีวันลืม” ผมตอบเบาๆ “จัสมิน หลิง อยู่ในชุดกี่เพ้าสีแดงสด ผมสั้นของเธอถูกรวบตึงและจัดระเบียบด้วยหวีสับ ต้นคอของเธอระหง ใบหูเรียบเนียนสะอาดสะอ้านปราศจากต่างหู ข้อมือของเธอมีเพียงกำไลหยกเขียวขจี ไม่มีนาฬิกาข้อมือ แหวน หรือสิ่งใด เธอมีท่าทีเหน็ดเหนื่อยราวกับคนที่เพิ่งผ่านการเดินทางไกลมา” ผมบอกทุกรายละเอียดที่จดจำได้ในวันนั้น เว้นไว้แต่อาการตื่นตัวของตนเองต่อเรือนร่างอันเปลือยเปล่าใต้ชุดกี่เพ้าสีแดง
หรือแท้จริงแล้ว ความรักอาจไม่มีคำนิยาม
“จัสมิน หลิง มาพบกับผมเพื่อเดินทางไปสู่ความตาย เธอมาพบกับผมเพื่อให้ชีวิตของเธอจบสิ้นลง เป้าหมายของเธอที่มีต่อตัวผมไม่ใช่การร่วมชีวิต หากแต่เป็นการจบชีวิต เธอล่วงรู้ว่าชีวิตของเธอไม่อาจยืนยาวได้ ผู้ผ่านพ้นมาจากอดีตกาล เธอผู้เดินทางมาจากอดีตกาล เธอผู้ที่ผมไม่มีวันจะสัมผัสได้ ผมรัก จัสมิน หลิง นั่นเป็นของแน่ แต่ความรักของผมที่มีต่อเธอไม่ต่างไปจากการหลงรักดวงจันทร์ในเงาน้ำที่ไม่ว่าจะดำลึกลงไปในห้วงน้ำสักเพียงใดก็ไม่มีวันที่จะสัมผัสดวงจันทร์ได้ ไม่มีวัน”
ทั้งการหายตัวไป และการปรากฏกายใหม่ของ จัสมิน หลิง มักมีพายุฝนพัดผ่านมาเสมอ อาจมองได้ว่าพายุฝนคือสัญลักษณ์ของการเปลี่ยนผ่านที่พัดพา จัสมิน หลิง มาจากประเทศจีนสู่เกาะฮ่องกง ก่อนที่พายุจะช่วงชิงเถ้ากระดูกของเธอกลับเข้าสู่จีน และท้ายที่สุดเถ้าธุลีของ จัสมิน หลิง ก็ได้กลับคืนสู่อ้อมแขนของฮ่องกงผืนแผ่นดินที่มีครอบครัวของเธออยู่
“เสียงนาฬิกาในสนามบินบอกเวลาเที่ยงคืน ตัวเลขบนแผ่นป้ายประกาศเที่ยวบินพลิกตัวบอกถึงวันใหม่ ผมประคองเถ้าอัฐิของ จัสมิน หลิง ไว้ในมือ อีกเพียงสามวัน ฮ่องกงจะกลับคืนสู่อ้อมกอดของจีน อีกเพียงหนึ่งวัน จัสมิน หลิง จะกลับคืนสู่อ้อมกอดของครอบครัว”
แท้จริงแล้ว เพลงรักนิวตริโน อาจไม่ใช่นวนิยายที่เกิดขึ้นมาเพื่อนิยามความหมายของความรัก แต่ เพลงรักนิวตริโน คือนวนิยายที่บอกเล่าประวัติศาสตร์การปกครองของฮ่องกง ในยุคที่ต้องแยกตัวออกมาจากการปกครองของจีนแผ่นดินใหญ่ ไปสู่อ้อมแขนของสหราชอาณาจักร ก่อนที่สุดท้ายจะต้องหวนคืนสู่จีน แต่กระนั้นเถ้ากระดูกของ จัสมิน หลิง ก็เป็นสัญญะสื่อถึงความต้องการของผืนแผ่นดินฮ่องกงที่ไม่อยากขึ้นอยู่กับแผ่นดินของจีน
เพลงรักนิวตริโน เขียนโดย อนุสรณ์ ติปยานนท์, สำนักพิมพ์แซลมอน
FACT BOX:
- นิวตริโน เป็นอนุภาคที่เกิดขึ้นจากผลลัพธ์ส่วนหนึ่งที่เป็นผลตกค้างจากกัมมันตรังสีหรือปฏิกิริยานิวเคลียร์ เช่น ในดวงอาทิตย์ ในโรงปฏิกรณ์นิวเคลียร์ หรือเมื่อรังสีคอสมิกชนกับอะตอมซึ่งเป็นอนุภาคที่มีมวลน้อยที่สุดในอนุภาคทั้งมวล อีกทั้งยังมีค่าประจุไฟฟ้าเป็นกลาง ทำให้นิวตริโนมีความสามารถในการทะลุทะลวงสูงมากจนสามารถผ่านไปได้แม้ในสนามแม่เหล็ก
- ภาพยนตร์เงียบ คือภาพยนตร์ในยุคเริ่มแรก บุกเบิกโดยสองพี่น้องลูมิแยร์ (ออกุสต์ ลูมิแยร์ (Auguste Lumière) และ หลุยส์ ลูมิแยร์ (Louise Lumière) ก่อนที่จะมีเทคโนโลยีการใส่เสียงเข้าไปในภาพยนตร์ เมื่อภาพยนตร์เงียบไม่มีเสียงบทสนทนา (dialouge) จึงใช้ Inter Title (คำบรรยายระหว่างเรื่อง) ภาษาร่างกาย (body language) และการแสดงออกทางสีหน้าที่มีทีท่าเกินจริง (over-acting) และมักใช้การแสดงดนตรีประกอบ (live music and sound) เพื่อเพิ่มอรรถรสให้กับการรับชมภาพยนตร์ โดยมีจุดเริ่มต้นมาจากสองพี่น้องลูมิแยร์ที่ได้นำเปียโนมาบรรเลงประกอบการฉายภาพยนตร์