แม้รักจะสวยงาม แต่ก็มีช่วงเวลาแห่งความชอกช้ำอยู่ มันอาจเริ่มต้นด้วยความหวานชื่น จนเมื่อเวลาผ่านไปเราก็รู้ว่ามันสามารถจืดจางได้เช่นกัน ความรักมักมาพร้อมความผิดหวัง มันไม่มีวิธีรับมือที่ตายตัวหรือการป้องกันที่แน่นอน หากแต่ถ้ามันเกิดปัญหาขึ้นแล้ว คนสองคนพร้อมจะเรียนรู้และปรับตัวเข้าหากัน สิ่งที่เผชิญหน้าอยู่คงผ่านไปได้ด้วยดี โดยที่สองเราจะยังมีกันและกัน แต่ถ้าไม่เป็นอย่างนั้น เราคงต้องปล่อยมือจากกัน เพื่อไม่ทำร้ายอีกคนมากไปกว่านี้

บนโลกแห่งความจริง อาจเหมือนภาพยนตร์ แต่ภาพยนตร์เองมีประเด็นหลายอย่างมาจากพื้นฐานแห่งความจริง การดูภาพยนตร์จึงเป็นการเรียนรู้อย่างหนึ่ง มาเข้าใจมุมมองความรักให้มากขึ้นด้วยเรื่องราวจาก 5 ภาพยนตร์ที่มากด้วยปัญหาทางความสัมพันธ์

The One I Love (2014)

ภาพยนตร์เรื่องนี้มีนักแสดงนำหลักๆ อยู่สองคนได้แก่ เอลิซาเบธ มอส และมาร์ค ดูปลาสส์ ทั้งสองคนเป็นนักแสดงที่คุ้นหน้าคุ้นตาจากทั้งจอโทรทัศน์และจอภาพยนตร์ มาร์ค ดูปลาสส์ไม่เพียงเป็นนักแสดง แต่เขายังทำงานอีกหลากหลายด้าน อาทิ ผู้กำกับ นักดนตรี นักเขียนบท และนักเขียน ส่วนเอลิซาเบธ มอส ปีที่ผ่านมาเธอเพิ่งคว้ารางวัลนักแสดงหญิงยอดเยี่ยมจาก The Handmaid’s Tale บนเวที  Emmy Awards 2017 มาไว้ในมือ

ความจริงแล้วการชม The One I Love ให้ได้อรรถรสเต็มที่ รวมถึงเรื่องราวความสัมพันธ์ที่ภาพยนตร์กำลังนำเสนอนั้นไม่ควรรู้พล็อตอะไรเลยจะทำให้แปลกใจกว่า ดังนั้นเราจะพยายามไม่เปิดเผยเนื้อหาสำคัญมากนัก

เมื่อคู่รักคู่หนึ่งมีปัญหาทางความสัมพันธ์ พวกเขาตัดสินใจที่จะพยายามเยียวยาความรักของตัวเองให้ดีขึ้น ดังนั้นอีธานและโซฟีจึงไปหานักบำบัด เขาให้คำแนะนำว่าทั้งคู่ควรไปพักผ่อนและใช้เวลาร่วมกัน ซึ่งเขามีบ้านพักตากอากาศแนะนำอยู่ หลายๆ คู่รักที่มาขอคำปรึกษาก่อนหน้านี้เมื่อไปที่นี่ต่างก็กลับมารักใคร่กันดีอีกครั้ง อีธานกับโซฟีจึงตอบตกลง

พอไปถึงที่หมาย พวกเขาเอ็นจอยกับสถานที่และผ่อนคลายกันมาก ภายในบริเวณมีบ้านหลักและบ้านรับรองแขก โซฟีเป็นคนแรกที่เข้าไปในบ้านรับรอง จากนั้นเธอก็พบกับอีธาน เขากลายเป็นคนนุ่มนวลขึ้นภายในบ้านหลังนี้ ช่างเอาอกเอาใจและรู้ว่าเธอต้องการอะไร แต่เมื่อกลับมายังบ้านหลัก อีธานกลับบอกว่าเขาจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้ เธอจึงโกรธเขายิ่งกว่าเดิม ในคืนวันนั้นอีธานจึงไปนอนบ้านรับรอง ไม่นานโซฟีก็ปรากฏตัวขึ้น เธอเข้านอนกับเขา และในตอนเช้าก็ตื่นมาทำอาหารให้อีกด้วย เหตุการณ์ประหลาดขึ้นอีกครั้ง เมื่อโซฟีบอกว่าเธอไม่มีความทรงจำแบบที่เขามีสำหรับเรื่องในบ้านรับรอง อีธานจึงเริ่มสังเกตเห็นถึงความผิดปกติ ทำไมคู่รักที่เขาและเธอพบในบ้านนั้นจึงเหมือนพวกเขาทุกอย่าง สิ่งเดียวที่ต่างออกไปคือนิสัยใจคอ คนรักที่พบในบ้านหลังนั้นเป็นคนที่ช่างสมบูรณ์ รู้ว่าอีกฝ่ายชอบหรือไม่ชอบอะไร ซึ่งมันต่างจากคนรักที่เคยเป็นมา ทั้งสองจึงต้องไขคำตอบของปริศนานี้ให้เจอ และเมื่อเจอแล้วพวกเขาก็ต้องเลือกว่าจะอยู่กับความจริงหรือความฝัน… หรือจะปรับตัวเพื่อเข้าหากันจริงๆ

6 years (2015)

6 Years เป็นภาพยนตร์ที่ทำให้บางคนอาจจะนึกถึงภาพยนตร์รักอีกเรื่องอย่าง Like Crazy เพราะคู่รักคบกันในวัยเรียนและจบลงด้วยการมีปัญหาทางความสัมพันธ์เมื่อเริ่มทำงาน ภาพยนตร์จึงมีความเป็น Coming of Age เล็กๆ

ภาพยนตร์เรื่องนี้แสดงนำโดยไทซา ฟาร์มิกา และเบน โรเซนฟีลด์ เบนเป็นนักแสดงและนักดนตรี มีผลงานผ่านตามาแล้วหลายเรื่อง ผลงานที่ทำให้เราเริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้นมาจากการแสดงในซีรีส์เรื่อง Boardwalk Empire จากช่อง HBO ส่วนไทซา เธอเพิ่งมีผลงานล่าสุดจากเรื่อง The Nun ซึ่งรับบทเป็นแม่ชีฝึกหัด ที่สำคัญเธอยังเป็นน้องสาวแท้ๆ ของวีรา ฟาร์มิกา ผู้รับบทเป็นลอร์เรน วอร์เรน ในภาพยนตร์ The Conjuring ทั้งสองภาค

6 Years จะพาเราไปพบกับแดนและมาเลนี คู่รักที่คบกันมายาวนานถึง 6 ปี ตั้งแต่เรียนมัธยมจนถึงมหาวิทยาลัย ช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกันมามีทั้งเสียงหัวเราะและเรื่องให้ต้องผิดใจกันบ้างตามประสาวัยรุ่น เมลานีค่อนข้างใช้อารมณ์ งี่เง่าบ้างในบางครั้ง แดนเองถึงจะใจเย็นมากกว่า แต่ลึกๆ ก็มีความไม่มั่นคงบางอย่าง ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็พยายามจะรักษากันไว้เรื่อยมา แต่เมื่อยิ่งโตสังคมก็ยิ่งเปลี่ยน โดยเฉพาะเมื่อทั้งคู่ต่างเลือกเรียนในสายงานที่ไม่ใกล้กันสักเท่าไร สภาพแวดล้อมของทั้งสองจึงแตกต่างกัน

ปัญหาเริ่มถาโถมแดนกับเมลานี เมื่อแดนใกล้เรียนจบ เขาตัดสินใจที่จะไปทำงานต่างเมือง ซึ่งนั่นหมายความว่าทั้งคู่จะต้องอยู่ห่างกัน เมลานีไม่เห็นด้วย มันจึงเป็นจุดเริ่มต้นและทำให้เกิดปัญหาต่างๆ ตามมา เมื่อความสัมพันธ์เริ่มสั่นคลอน ความเชื่อมั่นจึงค่อยๆ หมดลง ความรักที่สะสมมาตลอด 6 ปีแตกหักลงอย่างง่ายดาย และมันก็ไม่สามารถประสานให้ดีได้ดังเดิม พวกเขาเดินทางไปถึงจุดที่ความเข้าใจและความไว้เนื้อเชื่อใจได้ทลายลงแล้ว

The Intervention (2016)

ภาพยนตร์เรื่องนี้เขียนบทและกำกับโดยเคลีย ดูวัลล์  ซึ่งเรื่องนี้เธอได้นักแสดงที่สนิทสนมมาร่วมงานด้วยหลายคน และทั้งหมดก็ล้วนแต่เป็นนักแสดงที่เราคุ้นหน้าคุ้นตาเป็นอย่างดี อาทิ โคบี สมัลเดอส์ (จากจักรวาลภาพยนตร์มาร์เวล), นาตาชา ลียอนเน่ (ซีรีส์ Orange Is the New Black), วินเซนต์ ปิเอซ่า (ซีรีส์ Boardwalk Empire) และเคลีย ดูวัลล์เองก็ยังร่วมแสดงด้วย

ภาพยนตร์เล่าถึงการกลับมารวมตัวกันของกลุ่มเพื่อนที่บ้านพักตากอากาศในซาวันนาห์ โดยการมาเจอกันครั้งนี้ไม่ได้มีจุดประสงค์ที่การสังสรรค์ทั่วๆ ไป แต่เพื่อน 6 ใน 8 คน หรือพูดอีกอย่างว่าเพื่อนอีกสามคู่ได้วางแผนมาแทรกแซงปัญหาชีวิตคู่ของเพื่อนคู่หนึ่ง ทั้งหมดนี้ประกอบไปด้วย แอนนี่-แม็ต คู่รักที่ฝ่ายหญิงเลื่อนการแต่งงานมาแล้วสามครั้ง เขสซี่-ซาราห์ คู่รักเลสเบี้ยนคบหากันมาสามปี แต่ยังไม่ได้ย้ายเข้ามาอยู่ด้วยกัน โลลา-แจ็ค คู่รักข้าวใหม่ปลามันที่ฝ่ายหญิงเป็นเพียงเด็กสาววัยยี่สิบต้นๆ และรูบี้-ปีเตอร์ คู่รักบาดหมาง แต่งงานกันมาสิบปี มีลูกด้วยกัน แต่ตอนนี้ทั้งสองกลับหมางเมินใส่กันเพราะความแปรเปลี่ยน

ทั้งหมด ยกเว้นรูบี้และปีเตอร์ (อันที่จริงรวมถึงโลลาด้วย) รู้ว่าพวกเขามาที่นี่เพื่ออะไร พวกเขาต้องการจะบอกกับคู่รูบี้ว่าทางออกสำหรับปัญหานี้คือหย่าร้างกันซะ นั่นจะดีกับทั้งสองมากกว่าความเป็นอยู่ในปัจจุบันที่หมางเมินต่อกัน มีแต่ความไม่เข้าใจ หงุดหงิดใส่กันอยู่ร่ำไป แต่ความจริงแล้วไม่เพียงแค่คู่รูบี้เท่านั้นที่มีปัญหา ทุกคนอยู่ในความสัมพันธ์ที่เรื่องกวนใจพอๆ กัน ยิ่งบ่ายเบี่ยงเท่าไร พอถึงจุดหนึ่งมันก็ระเบิดออกมา ทางที่ดีคือถ้าเราเปิดใจเข้าหากันแต่แรก เมื่อรู้ว่ามีปัญหาก็หาทางออกร่วมกัน ถ้าได้พยายามแล้วเรื่องราวมาถึงทางตันจริงๆ อย่างน้อยเราก็รู้ว่าความสัมพันธ์ที่ไม่มีความสุขมันไปต่อไม่ไหว การแยกทางอาจจะดีที่สุดสำหรับทั้งคู่ แต่ก่อนจะถึงจุดจบเราได้ทบทวนกับตัวเองหรือยังว่าอะไรที่พาเรามาสู่จุดนี้ และนับจากนี้เราจะทำอย่างไรกับมันต่อไป…

From the Land of the Moon (2016)

ภาพยนตร์รักดราม่าเรื่องนี้ได้รับการเสนอให้เข้าชิงรางวัลปาล์มทองคำจากเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ปี 2016 กำกับโดยนิโคล การ์เซีย ผู้กำกับหญิงสัญชาติฝรั่งเศส ซึ่งถือว่าเป็นการเข้าชิงรางวัลในเทศกาลนี้เป็นครั้งที่ 4 นิโคลหยิบเรื่องราวความรักแสนสะเทือนนี้มาจากนิยายอิตาลีของ มิเลน่า อากุส นำมาดัดแปลงเป็นฉบับภาพยนตร์และร่วมเขียนบทเองด้วย

นักแสดงนำไม่ใช่ใครอื่นที่ไหน แต่เป็นสาวมากความสวยและความสามารถอย่างมาริยง โกติยาร์ สื่อหลายสำนักบอกว่านี่เป็นการแสดงที่ดีที่สุดของเธอ โดยในเรื่องมาริยงรับบทเป็นหญิงสาวที่โหยหาความรักสุดหัวใจ และบางทีนั่นอาจหมายถึงมากเกินไป

From the Land of the Moon อาจเรียกได้ว่าเป็นภาพยนตร์รักสามเศร้า โดยมีแกนกลางอยู่ที่ กาเบรียล สาวชาวไร่หน้าตาสะสวย ที่มีนิสัยใจคอค่อนข้างไม่เหมือนคนอื่น เธอเป็นผู้หญิงที่ถวิลหาความรักอย่างล้นเกิน จนคนในครอบครัวเธอมองว่าไม่ปกติด้วยซ้ำ แล้วพวกเขาก็ผลักไสลูกสาวออกจากอ้อมอกด้วยการคลุมถุงชนให้แต่งงานกับโฆเซ่ คนงานในไร่ผู้เฝ้ามองเธออยู่ห่างๆ มาตลอด แม้ว่ากาเบรียลจะต้องการความรักมาขนาดไหน แต่ก็ไม่เคยอยากได้มันจากโฆเซ่เลย ชีวิตคู่ของทั้งสองจึงห่างเหิน ผนวกกับโฆเซ่เองเป็นคนเก็บงำความรู้สึกและไม่ช่างพูดอยู่แล้ว

ต่อมาเมื่อกาเบรียลป่วย โฆเซ่ส่งเธอไปบำบัดรักษาที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง โดยต้องเข้าพักนานถึง 6 สัปดาห์ นี่เองเป็นที่ๆ ทำให้หัวใจกาเบรียลหลุดลอยไปและไม่กลับมาอีกเลย เพราะเธอได้พบกับอองเดร หนุ่มทหารผ่านศึก เธอหลงรักเขาอย่างหมดหัวใจ ทุ่มเททุกความปรารถนาให้ และทอดกายให้เขาอย่างไม่หวงแหน กาเบรียลหารู้ไม่ว่านี่จะเป็นการทำลายตัวเองอย่างแช่มช้า เมื่อต่อมาเธอต้องพรากจากเขา และแม้กระทั่งจดหมายเขาก็ไม่ตอบเธอ ถึงอย่างนั้นเมื่อได้ให้ทุกอย่างไปแล้ว กาเบรียลก็จะไม่เลิกหวังว่าเธอจะได้พบหน้าเขาในอีกสักวัน โดยที่ไม่สนใจคนที่อยู่เคียงข้างเธอเลย

เมื่อดูไปจนถึงตอนจบ เราจะพบว่าคนที่เจ็บปวดที่สุดนั้นช่างน่าเศร้า ความรักที่มอบให้อย่างเงียบเชียบและไม่อยากจะทำร้ายเธอเลยนั้นถูกมองข้ามมาตลอด การแต่งงานเป็นแค่การผูกพันธนาการไว้ แต่ไม่สามารถผูกหัวใจใครให้เข้ากันได้ ไม่ใช่สำหรับกาเบรียล

The Big Sick

The Big Sick เป็นเรื่องราวในชีวิตจริงของคูเมล นันจิอานี หนุ่มปากีสถานที่ย้ายมาอยู่สหรัฐอเมริกาตั้งแต่อายุ 14 ปี คูเมลคือชายหนุ่มที่แสดงนำในเรื่องนี้ รวมทั้งร่วมเขียนบทภาพยนตร์ด้วย เค้าโครงของเรื่องมาจากการพบรักกับภรรยาของเขา หญิงสาวชาวอเมริกันที่โดนกีดกันให้เหินห่าง

สิ่งที่ภาพยนตร์กำลังจะนำเสนอไม่ใช่แค่เพียงเรื่องราวรักๆ ใคร่ๆ แต่ยังเสียดสีสังคมอเมริกาได้อย่างน่ารักน่าชัง รวมถึงกำแพงทางวัฒนธรรมและค่านิยมต่างๆ ที่ฝังรากลึกอยู่ในแต่ละสังคม

The Big Sick เล่าเรื่องราวของคูเมล ชายชาวปากีสถานที่พบรักกับเอมิลี่ การ์ดเนอร์ หญิงผิวขาวชาวอเมริกา ครอบครัวของคูเมลเคร่งครัดเรื่องธรรมเนียมปฏิบัติมาก ในขณะที่เขาไม่ได้เป็นไปตามแบบแผนนั้น พ่อแม่ของเขาพยายามพาหญิงสาวมากหน้าหลายตามาให้ดูตัว ซึ่งมันหมายถึงเป็นการคลุมถุงชนกลายๆ พวกเขาถือว่าการแต่งงานข้ามเชื้อชาติเป็นสิ่งต้องห้าม แต่แล้วคูเมลก็พบกับเอมิลี่ อุปนิสัยเธอเป็นแบบสาวอเมริกันเต็มตัว กล้าคิด กล้าทำ กล้าแสดงออก ค่อนข้างหัวก้าวหน้าและเป็นตัวของตัวเอง ในขณะที่เธอรักเขาและเขาก็รักเธอ แม้จะมีทะเลาะเบาะแว้งกันบ้าง มันก็เป็นไปตามประสาของคนรัก

แต่เมื่อความสัมพันธ์นี้ไม่สามารถเป็นไปได้  เพราะครอบครัวคูเมลไม่ให้ที่ยืนสำหรับเธอ ไม่ช้าไม่นานมันก็ต้องจบลง อุปสรรคเล็กใหญ่พากันเวียนเข้ามาไม่หยุด ความรักครั้งนี้ดูท่าจะไปไม่รอด แต่ถ้าคนสองคนเดินหน้าทุ่มเท เพื่อลบล้างเส้นบางๆ แห่งความอคติ ไม่แน่ว่ากำแพงที่เคยตั้งป้อมไว้อาจล้มลงก็เป็นได้ ความป่วยไข้ในภาพยนตร์เรื่องนี้จึงไม่ได้หมายถึงแค่โรคภัยไข้เจ็บ แต่รวมไปถึงความป่วยไข้ทางสังคมที่หล่อหลอมอคติผิดๆ บางอย่างสู่พวกเรา

Tags: , , , , ,