นายแพทย์หลี่ เหวินเลี่ยง แพทย์ชาวจีนคนหนึ่งที่พยายามออกมาเตือนเรื่องโคโรนาไวรัสระบาดในจีนเป็นคนแรกๆ เสียชีวิตแล้วที่โรงพยาบาลในเมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ยของจีน เมื่อวันศุกร์ ที่ 7 กุมภาพันธ์ 2020 เวลาประมาณ 03.00น. จากการติดเชื้อไวรัสโคโรนา โดยนายแพทย์หลี่ได้รับการรักษาฉุกเฉินด้วย ECMO (ใช้เครื่องพยุงปอดและหัวใจ) หลังจากที่หัวใจของเขาหยุดเต้นเมื่อเวลาประมาณ 21:30 น. ของวันพฤหัสบดีตามรายงานของสื่อ
นายแพทย์หลี่ เหวินเลี่ยงเป็นใคร? ทำไมถึงสร้างแรงสั่นสะเทือนในวงกว้างได้
นายแพทย์หลี่ เป็นจักษุแพทย์จากโรงพยาลแห่งหนึ่ง อายุ 34 ปี เดิมมาจากมณฑลเหลียวหนิง ทางตะวันออกเฉียงเหนือของจีน เรียนที่มหาวิทยาลัยอู่ฮั่นในปี 2004 ด้านเวชศาสตร์คลินิก หลังจากสามปีทำงานในเซี่ยเหมิน มณฑลฝูเจี้ยน ตะวันออกของจีน เขาเลือกไปอู่ฮั่นและทำงานที่โรงพยาบาลกลางอู่ฮั่น ตั้งแต่นั้นมา
ในวันที่ 30 ธันวาคม 2019 เขาพยายามเตือนบุคลากรทางการแพทย์ด้วยกันเองในกลุ่มแชต เกี่ยวกับการแพร่ระบาดของเชื้อโรคชนิดหนึ่ง ซึ่งมีลักษณะคล้ายโรคซาร์ส ทั้งยังเตือนด้วยว่า ให้สวมใส่ชุดป้องกันเพื่อหลีกเลี่ยงการติดเชื้อ ภายหลังเขานำข่าวนี้มาโพสต์ลงในเว่ยป๋อ แต่ทว่าถูกตำรวจสั่งให้หยุดเผยแพร่ข่าวปลอม และอีกสี่วันต่อมา เขาถูกเรียกตัวไปที่สำนักงานความมั่นคงสาธารณะ ซึ่งเขาได้รับคำสั่งให้ลงนามในหนังสือตักเตือน เนื้อความในหนังสือตักเตือนดังกล่าวบอกว่านายแพทย์หลี่แสดงความคิดเห็นที่เป็นเท็จ ซึ่งก่อให้ความโกลาหลต่อสังคมอย่างรุนแรง ซึ่งภายหลังได้มีการถอนคำสั่งลงโทษ แต่รัฐบาลท้องถิ่นก็ไม่ได้ออกมากล่าวขอโทษแต่อย่างใด
วันที่ 10 มกราคม 2020 นายแพทย์หลี่โพสต์ข้อความลงเว่ยป๋ออีกครั้ง เนื้อหาบอกว่าเขาเริ่มมีอาการไอ และมีไข้ ต่อมาในวันที่ 30 มกราคม เขาถูกวินิจฉัยว่าติดเชื้อโคโรนาไวรัส และเสียชีวิตเนื่องจากติดเชื้อในวันที่ 7 กุมภาพันธ์ รายงานจากสื่อระบุด้วยว่าภรรยาของนายแพทย์หลี่กำลังตั้งครรภ์อยู่ อย่างไรก็ตาม การตายของนายแพทย์หลี่นำมาสู่การถกเถียงอย่างกว้างวางในสังคมทั้งในจีนเองและต่างประเทศ
อำนาจรัฐ และการเซ็นเซอร์ปรากฏตัวอีกครั้ง
หากอยากทราบความเคลื่อนไหวของข่าวในประเทศจีน ก็ย่อมต้องใช้โซเชียลฯ ของจีนในการหาข่าว ทว่าข่าวการตายของนายแพทย์หลี่กลับมีบางสิ่งที่ถูกปิดกั้น ปิดบังไว้โดยกำแพงที่มองไม่เห็น จากการรายงานข่าวของบีบีซี ชี้ว่า ชาวจีนจำนวนหนึ่งโกรธและโศกเศร้าอย่างมาก จนกระทั่งเกิดแฮ็ชแท็กเรียกร้องความยุติธรรมให้นายแพทย์หลี่
แฮชแท็กที่ได้รับความนิยมสองอันดับแรก บนเว็บไซต์คือ “รัฐบาลอู่ฮั่นเป็นหนี้นายแพทย์หลี่และควรขอโทษ” และ “เราต้องการเสรีภาพในการพูด” อีกทั้งยังกล่าวว่าหากรัฐบาลท้องถิ่นสนใจคำเตือนของนายแพทย์หลี่มากกว่านี้ การแพร่กระจายของไวรัสอาจจะไม่รุนแรงเท่าที่เกิดขึ้นตอนนี้ อย่างไรก็ตามแฮชแท็กทั้งสองถูกเซนเซอร์อย่างรวดเร็ว รายงานของบีบีซีกล่าวว่า เมื่อลองไปค้นในเว่ยป๋อ ปรากฏว่าความคิดเห็นนับแสนนั้นถูกลบไปแล้ว
นอกจากการแสดงความคิดเห็นในเว่ยป๋อที่ถูกลบหายไปแล้ว ข่าวใน WeChat รวมไปถึงรูปภาพบางรูปก็ไม่ได้รับอนุญาตให้โพสต์ ชาวเน็ตหลายคนแสดงความเห็นว่าพยายามโพสต์ข่าวนายแพทย์หลี่เท่าไหร่ก็โดนลบ แต่ขณะเดียวกันชาวเน็ตก็หาวิธีหลบเลี่ยงการเซนเซอร์นี้ได้ ด้วยการโพสต์ภาพกลับหัวแทน และนอกจากนี้ชาวเน็ตยังใช้ตัวย่อ ‘ZF’ ที่มาจากคำว่า 政府 ( zhengfu : แปลว่ารัฐบาล) แทนการกล่าวถึงรัฐบาลตรงๆ
อย่างไรก็ตามการกล่าวถึงนายแพทย์หลี่ในเว่ยป๋อมักถูกเซ็นเซอร์ออกไป เราจึงลองไปค้นใน Zhihu เว็บไซต์พูดคุยของชาวจีน เพื่อดูว่าชาวเน็ตจีนถกเถียงกันอย่างไรบ้าง ดังเช่นที่เคยกล่าวถึงไปแล้วในเรื่องโคโรนาไวรัส
จากกระทู้รายงานข่าวการเสียชีวิตของนายแพทย์หลี่ มีผู้ใช้ชื่อว่า LiLeeLei แสดงความคิดเห็นเรื่องการตายของนายแพทย์หลี่ว่า “คนหนึ่งคน จะตายทั้งหมด 3 ครั้งในชีวิต ครั้งแรกคือสมองตาย หมายถึงความตายทางร่างกาย ครั้งที่สองคือในงานศพหมายถึงการตายทางสังคม แต่การตายที่สามคือไม่มีใครสักคนจำเขาได้แล้ว นั่นคือการตายอย่างสมบูรณ์ แต่นายแพทย์หลี่จะไม่เป็นอย่างนั้น เขาจะมีชีวิตในความทรงจำของเรา” คอมเม้นต์ดังกล่าวได้รับการกดไลค์จำนวนมากจากผู้ใช้คนอื่นๆ
นายแพทย์หลี่ ผู้เป่านกหวีดในสายตาชาวจีน
จากการออกมาตักเตือนแพทย์ด้วยกันเองและประชนชาของนายแพทย์หลี่ หลายคนเรียกเขาว่าเป็น ‘ผู้เป่านกหวีด’ เปรียบเสมือนคนเป่านกหวีดตักเตือนประชาชน เตือนภัยเรื่องโคโรนาไวรัสก่อนรัฐบาลเสียอีก อีกทั้งชาวเน็ตยังตั้งคำถามถึงการทำงานของรัฐบาลท้องถิ่นอีกครั้ง จากกรณีการเสียชีวิตของนายแพทย์หลี่ เพราะการสูญเสียในครั้งนี้ไม่เพียงเกิดขึ้นกับครอบครอบของเขาเท่านั้น ที่อาจจะต้องใช้เวลาหลายสิบปีในการเยียวยาบาดแผล ขณะเดียวกัน วงการแพทย์ก็ยังเสียจักษุแพทย์ไปอีก
โดย ผู้ใช้ชื่อหลี่ข่าย (李凯) กล่าวว่า “การรักษาความมั่นคงของรัฐเป็นสิ่งสำคัญ แต่เราก็ต้องให้ความสนใจกับการรักษาผู้ป่วยด้วย ถ้ามีหมอสักคนออกมาพูดว่าที่อู่ฮั่นมีผู้ป่วยที่มีอาการปอดอักเสบผิดปกติ อย่างน้อยก็ควรจะตรวจดูก่อนไม่ใช่เหรอ? ลองคิดดูถ้าเราเริ่มตั้งแต่วันนั้น เราจะมีมาตรการในการป้องกันไวรัสได้เร็วกว่าครึ่งเดือนเลยนะ” ซึ่งมีคนไปตอบคอมเมนต์ดังกล่าวว่า “เจ้าหน้าที่รัฐบาลท้องถิ่นรู้มานานแล้ว และมีเจตนาปกปิดพวกเรา”
บางคนกล่าวว่า รู้สึกหงุดหงิดและรู้สึกว่าโลกไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย และต้องร่วมใจกันปกป้องบุคลากรทางการแพทย์ที่ทำงานกันอย่างหนัก ทั้งยังกล่าวว่า “ภัยพิบัติไม่ใช่การตายของคน 20,000 คน แต่การตายของคนคนหนึ่งซึ่งเกิดขึ้น 20,000 ครั้ง” จำนวนที่เพิ่มขึ้นแต่ละครั้ง กำลังบอกเราว่าบุคลากรทางการแพทย์ต้องแยกจากครอบครัวมากขึ้น ชะตากรรมของนายแพทย์หลี่แสดงให้เห็นแล้วว่ามีครอบครัวของแพทย์แนวหน้าก็กำลังทุกข์ทรมานไม่ต่างกัน และผู้ใช้ชื่อ pony ma เสริมว่า “นอกจากคนจะโกรธเรื่องนายแพทย์หลี่แล้ว คนยังโกรธที่สุดเรื่องที่พวกเขาปกปิดเรานี่แหละ”
ผู้ใช้ชื่อ อาเหวิน (阿问) กล่าวว่า “ชนวนความโกรธของประชาชนมีหลายประการ ประการแรกนายแพทย์หลี่ถูกย้ายไปประจำการแนวหน้า เขาเป็นแค่จักษุแพทย์ แต่เจ้าหน้าที่ย้ายเขา แล้วบอกว่าเขามีความผิดฐานปล่อยข่าวลือ ประการที่สอง เขาได้รับการวินิจฉัยและรักษาหลังจากสงสัยว่าติดเชื้อถึง 19 วัน เรารักษาได้ล่าช้าขนาดนั้นเลยหรือ? ถ้าไม่ใช่ก็แสดงว่าจงใจรักษานายแพทย์หลี่ช้า ประการที่สาม ขณะที่เขาเข้ารับการรักษาในห้องฉุกเฉินจนกระทั่งเสียชีวิต มีการยืดเวลาในการสอบสวนเรื่องการตาย อีกทั้งการตายของเขาอาจจะมาจากการจงใจ ประการที่สี่ เวลาการตายที่แท้จริงของเขาบนอินเทอร์เน็ตคือวันที่ 6 กุมภาพันธ์ เวลา 21.30 น. แต่ประกาศบอกเราตอน 2.58 น. ของวันที่ 7 แทน ประชาชนหลายคนรู้สึกถูกหลอกซ้ำแล้วซ้ำเล่า”
นอกจากนี้ยังมีผู้ใช้ชื่ออาเฉินฝูเต๋อ (阿什弗德) กล่าวเสริมว่า “ข่าวลือกลายเป็นเครื่องมือสำหรับแสดงออกทางความคิดและการปิดกั้นไปพร้อมๆ กัน ส่วนนายแพทย์หลี่เป็นเหยื่อของเรื่องนี้ และประโยคที่น่ารังเกียจที่สุดในตอนนี้คือ ‘อย่าเชื่อข่าวลือ ห้ามเผยแพร่ข่าวลือ’ ”
อย่างไรก็ตาม ข่าวการเสียชีวิตเมื่อเวลา 21.30 ในวันที่ 6 ของนายแพทย์หลี่ สำนักข่าวออกมาเผยว่าเป็นเวลาที่หัวใจหยุดเต้น และทีมแพทย์ที่ดูแลรักษาก็ได้พยายามช่วยเหลือสุดกำลัง โดยการใช้วิธี ECMO เป็นขั้นตอนพิเศษที่จะช่วยแทนที่การทำงานของหัวใจและปอด ด้วยเครื่องมือที่ช่วยให้อวัยวะเหล่านี้ได้พักผ่อนแทน ซึ่งก็มีบางส่วนที่เชื่อ และบางส่วนที่ไม่เชื่อเช่นกัน ดังจะเห็นว่ามีความคิดเห็นหนึ่งถามว่า “นายแพทย์หลี่โดนฆ่าโดยรัฐบาลหรือไม่?” แต่ความเห็นนั้นก็มีคนมาตอบว่าอาจจะไม่ได้เป็นเช่นนั้น
นายแพทย์ฉวยโอกาส?
นอกจากการกล่าวถึงนายแพทย์หลี่ ในฐานะแพทย์คนแรกๆ ที่ออกมาโพสต์เตือนประชาชนแล้ว ยังมีส่วนหนึ่งมองว่านายแพทย์หลี่เป็นแค่พวกฉวยโอกาส เพราะนายแพทย์หลี่ไม่ใช่ผู้ค้นพบหรือตรวจเจอ เนื่องจากเขาเป็นเพียงจักษุแพทย์ ไม่ได้เกี่ยวข้องโดยตรง แต่เขาเป็นเพียงผู้ออกมาเตือนเพื่อนๆ แพทย์ด้วยกันเท่านั้น โดยผู้ใช้ชื่อ Julya กล่าวว่า “เขาเป็นคนดี แต่ไม่ต้องทำเหมือนเขาเป็นพระเจ้า เขาเป็นแค่คนแรกที่กระจายข่าวในแวดวงเพื่อน ก็เหมือนเราเล่าให้เพื่อนฟังนั่นแหละ”
ขณะเดียวกันก็มีหมอออกมาแสดงความเห็นว่ารัฐบาลมีมาตรฐานในการอนุมัติข่าว โดยเฉพาะเรื่องการป้องการโรคระบาด ต้องได้รับการยืนยันอย่างเป็นทางการและน่าเชื่อถือ หากยังไม่มีการยืนยัน ข่าวลือที่ออกมาจึงถือว่าเป็นข่าวลือ ผู้ใช้ชื่อ หลิวจื่อเจี๋ย (刘子杰) แสดงความเห็นว่า “จางจี่เซียน (张继先) แพทย์หญิงอายุ 54 ปี หัวหน้าแผนกระบบทางเดินหายใจของโรงพยาบาลจังหวัดหูเป่ย เป็นคนแรกที่ทำการวินิจฉัยและยืนยันการรายงานการแพร่ระบาดของโรค เพราะแพทย์หญิงจางได้ตรวจคนไข้ที่มีอาการนี้ตั้งแต่วันที่ 26 ธันวาคม 2019 และการที่นายแพทย์หลี่ไม่รายงานต่อโรงพยาบาล แต่กลับเอาไปโพสต์ในเน็ตแทนก็เหมือนเป็นการสร้างข่าวลือ”
นอกจากนี้ผู้ใช้ชื่อ happy dayz ยังกล่าวว่า “อาจกล่าวได้ว่านายแพทย์หลี่สามารถคาดการณ์ได้ว่าจะเกิดการแพร่ระบาด แต่เขาไม่ได้เป็นคนยืนยัน การมองการณ์ไกลของเขาก็ผิดพลาดเพราะตัดสินใจโดยพลการ ก็เหมือนกับเวลามีแผ่นดินไหว หากไม่ตรวจสอบให้ดี ก็จะสร้างความตื่นตระหนกให้ประชาชน กลายเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อถือในสายตาประชาชน แพทย์หญิงจาง จี้เซียนต่างหากที่เป็นคนรายงานการแพร่ระบาด ขณะที่นักวิชาการจง หนานซานและหลี่ หลันจวิ้น ก็รีบไปแนวหน้าทันที ทุกคนทำงานอย่างหนัก คนงานในโรงพยาบาลเฉพาะสองแห่งที่สร้างขึ้นมาเฉพาะกิจก็เป็นวีรบุรุษเหมือนๆกัน นายแพทย์หลี่เพียงแค่โชคร้ายเท่านั้นเอง”
และมีผู้มาเสริมว่า “นายแพทย์หลี่ส่งข้อความเตือนในกลุ่ม WeChat ว่าตอนนี้มีการระบาดของโรคซาร์ส ตรวจพบในผู้ป่าย 7 ราย ที่ตลาดอาหารทะเลอู่ฮั่น ดังนั้นการปล่อยข่าวนี้เปรียบเสมือนข่าวลือผิดๆ เพราะภายหลังพบว่ามันคือโคโรนาไวรัส ไม่ใช่ซาร์ส ตำรวจท้องถิ่นจึงต้องรีบตักเตือนเขา”
ชาวเน็ตหลายคนก็ออกมาเตือนกันเองว่าให้เสพข่าวอย่างมีสติ มีบางคำที่กระตุ้นความรู้สึกเพื่อปลุกเร้าอารมณ์ของผู้คนและทำให้เกิดความสับสน ให้เสพข่าวอย่างรอบคอบ ทั้งยังกล่าวว่าบางคนก็รอคอยให้นายแพทย์หลี่เสียชีวิต ถือมีดไว้ในมือเพื่อรอโอกาสแทงรัฐบาล และซ้ำเติมรัฐบาล นอกจากนี้สื่อต่างประเทศบางส่วนก็คอยจ้องทำลายรัฐบาลของเรา
อย่างไรก็ตาม นอกจากข่าวการเสียชีวิตของนายแพทย์หลี่แล้ว มีชาวเน็ตจำนวนหนึ่งถามถึงวิธีการช่วยเหลือครอบครัวของนายแพทย์หลี่ ซึ่งรายงานข่าวจากสื่อบอกเล่าว่าภรรยาของเขากำลังตั้งครรภ์ ดังนั้นชาวเน็ตส่วนหนึ่งจึงกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ ซึ่งมีผู้ใช้ชื่อว่า เหมียวเหมียวเหมียว(喵喵喵) ตอบว่า “ครอบครัวของนายแพทย์หลี่จะได้เงินประกันภัยประมาณ 7.95 ล้าน เรามาร่วมตรวจสอบกันนะว่าเมื่อไหร่เงินจะไปถึงภรรยาของเขา”
และวันที่ 7 กุมภาพันธ์ คณะกรรมการกำกับดูแลแห่งชาติ ได้ส่งทีมสอบสวน ไปตรวจสอบสาเหตุการเสียชีวิตของนายแพทย์หลี่อย่างละเอียด เพื่อตอบสนองต่อความกังวลของประชาชน ชาวเน็ตเองก็สนใจประเด็นดังกล่าวจึงร่วมกันติดแฮ็ชแท็กในเว่ยป๋อว่า 全面调查李文亮事件 (ตรวจสอบเหตุการณ์ของนายแพทย์หลี่ เหวินเลี่ยงอย่างเต็มรูปแบบ) เพื่อป้องกันการแพร่กระจายข่าวลือด้วย
อ่านกระทู้เหล่านี้ได้ที่ :
https://www.zhihu.com/question/370217092
https://zhuanlan.zhihu.com/p/105510568
https://zhuanlan.zhihu.com/p/105494534
https://zhuanlan.zhihu.com/p/105516467
https://www.zhihu.com/question/370180141/answer/1002546954
ภาพ : Tyrone Siu/REUTERS
Tags: รัฐบาลจีน. การเซ็นเซอร์, โควิด-19, เว่ยป๋อ, โคโรนาไวรัส, หลี่เหวินเลี่ยง