วันนี้ (25 พฤศจิกายน) ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ศาลอ่านนัดฟังคำพิพากษาคดีฟอกเงินทุจริตการปล่อยสินเชื่อของธนาคารกรุงไทยฯ ให้ธุรกิจเครือกฤดามหานคร คดีหมายเลขดำ อท.245/2561 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายคนโตของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นจำเลย ในฐานความผิดฐานร่วมกันฟอกเงิน และสมคบคบกันฟอกเงิน ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 มาตรา 5, 9, 60 และ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ฉบับที่ 5) พ.ศ.2558 มาตรา 10 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 และ 91
โดยเมื่อศาลอ่านคำฟ้องเสร็จสิ้น ได้สั่งให้จำเลยออกไปพักชั่วคราว เนื่องจากฝ่ายศาลมีการจัดลำดับเอกสารสับสน แต่ท้ายสุด ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง พิพากษายกฟ้องพานทองแท้ไม่ผิดฐานฟอกเงิน เนื่องจากเห็นว่าพยานหลักฐานโจทก์ไม่มีน้ำหนักพอให้รับฟังได้ว่า พานทองแท้ รู้ถึงที่มาของเงินจำนวน 10 ล้านบาทที่นายวิชัย กฤษดาธานนท์ โอนเข้าบัญชีมาให้ อย่างไรก็ตาม องค์คณะผู้พิพากษาข้างน้อยมีความเห็นแย้งให้ลงโทษจำคุก พานทองแท้ เป็นเวลา 4 ปี
ทั้งนี้ ขณะที่ พานทองแท้ รับโอนเงิน มีอายุเพียง 26 ปี และขณะนั้นมีเงินรายได้จากหุ้นในบริษัทอยู่แล้วถึง 4,000 ล้านบาท โดยเมื่อเทียบกับเงิน 10 ล้านบาทแล้วคิดเป็น 0.0025% จากยอดเงินดังกล่าว และโจทก์นำสืบได้เพียงว่าขณะที่รับโอนหุ้นนายพานทองแท้เป็นบุตรชายของนายทักษิณ ชินวัตรและมีความสนิทสนมกับครอบครัวของนายวิชัยเพียงเท่านั้น
ในชั้นพิจารณาคดี พานทองแท้ให้การปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งหมด โดยกล่าวว่าเงินจำนวนดังกล่าวเป็นส่วนที่จะร่วมลงทุนทำธุรกิจนำเข้ารถซูเปอร์คาร์กับ รัชฎา เท่านั้น และระหว่างที่ พานทองแท้ ได้รับเงินโอนมานั้น ก็มีพฤติกรรมเบิกถอนคราวละ 5,000 – 20,000 บาทรวม 11 ครั้ง ไม่ได้ผิดปกติ รวมถึงบัญชียังเป็นบัญชีเปิดเผยไม่ได้อำพรางลักษณะที่มาตรวจสอบได้ ไม่มีเจตนาผิดปกติ
คดีดังกล่าว พนักงานอัยการยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2561 จากการที่ พานทองแท้ รับเช็คโอนเงินเข้าบัญชีจำนวน 10 ล้านบาท ซึ่งเป็นเงินจากการทุจริตปล่อยเงินกู้สินเชื่อระหว่างธนาคารกรุงไทย กับกลุ่มกฤษดามหานคร ที่มี นายวิชัย กฤษดาธานนท์ ผู้บริหารกฤษดามหานคร และ นายรัชฎา กฤษดาธานนท์ บุตรชาย พร้อมอดีตคณะผู้บริหารธนาคารกรุงไทยเป็นจำเลย
ถึงที่สุดแล้ว ศาลฎีกาแผนกอดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษาจำคุก วิชัย และรัชฎา สองพ่อลูกจำนวน 12 ปี นอกจากนี้ คนทั้งคู่และอดีตกรรมการในบริษัทเอกชนเครือกฤษดารวม 6 คน ยังถูกอัยการยื่นฟ้องความผิดฐานฟอกเงินกู้ดังกล่าวต่อศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบ
อ้างอิง
https://www.thairath.co.th/news/politic/1711261
https://www.khaosod.co.th/politics/news_3086180