แม้มักจะพูดกันว่าเซ็กส์เป็นเรื่องธรรมชาติ แต่หลายครั้งการพูดคุยเรื่องเซ็กส์แบบเปิดอกดูเหมือนจะทำได้ยาก เพราะอคติทางเพศ รวมถึงทัศนคติต่อเรื่องเพศที่แต่ละคนได้รับการปลูกฝังส่งต่อมาที่ไม่เท่ากัน ก่อให้เกิดปัญหาอื่นๆ ตามมา
จากรายงานภาวะสังคมไทยไตรมาสสอง ปี 2562 โดยสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ พบว่าวัยรุ่นไทยในช่วงอายุ 13 – 15 ปี มีแนวโน้มที่จะมีเพศสัมพันธ์เร็วขึ้น และประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์ของวัยรุ่นกลุ่มนี้ก็มักจะไม่ใช้ถุงยางอนามัยในการมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรก ซึ่งนำมาสู่โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ยอดฮิตในหมู่วัยรุ่นอย่าง หนองใน หนองในเทียม ซิฟิลิส หรือเสี่ยงติดพยาธิ ติดเชื้อ HIV รวมถึงเชื้อไวรัส HPV ซึ่งอาจฝังตัวและลุกลามเป็นมะเร็งตามส่วนต่างๆ ของร่างกายในระยะยาว
นอกจากนั้น ข้อมูลจากการเฝ้าระวังการตั้งครรภ์ในวัยรุ่นหญิงอายุ 15 – 19 ปี โดยสำนักอนามัยเจริญพันธุ์ กรมอนามัย ยังพบว่าอัตราการคลอดของวัยรุ่นหญิงในช่วงอายุนี้มีสูงถึง 39.6 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งกว่าครึ่งตั้งครรภ์ด้วยความไม่ตั้งใจ
แม้ว่าโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และการตั้งครรภ์ในวัยรุ่นนี้จะป้องกันได้ด้วยการใช้ถุงยางอนามัย แต่ดูเหมือนอคติที่สังคมมีต่อถุงยางอนามัย จะทำให้วัยรุ่นเข้าถึงมันได้ลำบาก
ถุงยางอนามัยกลายเป็นเหมือนสินค้าต้องห้ามสำหรับวัยรุ่นที่จะซื้อทีต้องหายใจเข้า-ออกลึกๆ ใช้ความไวให้เป็นเลิศเพราะพวกเขาต้องเร่งปิดดีลการซื้อให้ได้ก่อนที่จะถูกล้อหรือถูกมองว่าไม่ดีงาม และด้วยความที่ถุงยางก็มีหลากหลายแบบ แต่ครั้นจะมายืนพิจารณาให้ละเอียดก็จะถูกจับจ้องได้ง่ายๆ ทางออกของวัยรุ่นไทยจึงเป็นการรีบซื้อ จนไม่ได้ใส่ใจกับเรื่องสำคัญอย่างการเลือกขนาดที่เหมาะสม หรือบางรายก็ตัดใจไม่ใช้ถุงยางไปเสียอย่างนั้น
จะให้พกถุงอย่างไร เพราะเข้าถึงถุงทีไรคนก็จ้องทุกที
ปัญหาคลาสสิกของวัยรุ่นไทยก็คือ ต่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหรือสื่อหลายสำนักจะรณรงค์เรื่องเซ็กส์ที่ปลอดภัยอย่างไรก็ตาม เสียงสะท้อนจากวัยรุ่นส่วนหนึ่งก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่า แค่พูดกับวัยรุ่นให้ยืดอกพกถุงฝ่ายเดียวยากจะสัมฤทธิ์ผล เพราะแม้พวกเขาพร้อมจะพก แต่ตราบใดที่คนในสังคมส่วนหนึ่งยังมองวัยรุ่นที่พกถุงยางด้วยสายตาจับผิด มันก็ลำบากใจอยู่ดี
พิ้งกี้ (นามสมมติ) นักศึกษาหญิงปี 2 ปัจจุบันมีแฟนที่คบกันมาแล้วเกือบสองปีและทั้งคู่รู้จักกันผ่านแอปพลิเคชันหาคู่ เล่าว่าเธออึดอัดกับสายตากึ่งตัดสินของร้านสะดวกซื้อต่างๆ ที่เคยไปซื้อถุงยางอนามัย นั่นเพราะพอเป็นผู้หญิงไปซื้อสินค้าประเภทนี้ปุ๊บ ก็เหมือนมีป้ายมาแปะอยู่บนหัวเลยว่าใจแตก การถูกแปะป้ายเช่นนี้นำเธอไปสู่การช้อปถุงยางออนไลน์แทน ซึ่งในเว็บขายของออนไลน์เหล่านี้นี่แหละที่ทำให้เธอพบว่ามีผู้หญิงอีกจำนวนมากที่ต้องหลบโลกจริงมาซื้อถุงยางออนไลน์ เพื่อหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับคนขายหรือคนที่อาจจะผ่านไปผ่านมาตอนพวกเธอซื้อถุงยาง อีกเรื่องที่พิ้งกี้เซอร์ไพรส์ยิ่งก็คือ รีวิวถุงยางในร้านออนไลน์ส่วนมากนั้นมาจากผู้รีวิวที่เป็นผู้หญิง และกระทู้ถามตอบออนไลน์แห่งหนึ่งที่มีส่วนช่วยในการให้ข้อมูลเฉพาะของถุงยางหลากหลายรุ่นก็มาจากการรีวิวของผู้หญิงกันเองด้วยซ้ำ
เช่นเดียวกับอเล็กซ์ (นามสมมติ) นักศึกษาชายปี 1 ผู้เคยใช้แอปพลิเคชันหาคู่ และปัจจุบันยังไม่มีแฟน เล่าว่าต่อให้เป็นผู้ชายก็เขินเมื่อไปซื้อถุงยาง เพราะจะมัวคิดว่าคนอื่นจะมองเขาอย่างไรเวลาไปซื้อถุงยาง เขาคิดว่าการให้คุณค่าเรื่องเพศที่แตกต่างกันนั้นนำมาซึ่งความระแวงไว้ก่อนและทำให้การซื้อถุงยางในวัยรุ่นเป็นเรื่องน่ากระดากใจในที่สุด
“ถ้าจะซื้อถุงยางที่ร้านขายของ ก็รำคาญสายตาคนขาย หรือถ้าต้องซื้อที่ร้านขายของจริงๆ ก็จะซื้อจากร้านที่เราอาจจะไม่ได้กลับไปบ่อยๆ หรือไม่กลับไปอีก เป็นร้านที่คนขายไม่ได้รู้จักเราหรือไม่รู้จักคนรอบตัวเรา อยู่ไกลบ้าน ซึ่งมันไม่ควรจะเป็นแบบนี้ เพราะไม่อย่างนั้นก็คงจะต้องตระเวนซื้อถุงยางรอบโลกเลยมั้ง” พิ้งกี้เสริม
ถุงยางไม่ได้มีไว้แค่กันท้อง แต่มีไว้กันโรคด้วย
ด่านแรกของการซื้อถุงยางว่ายากแล้ว ด่านที่สองก็คือวัยรุ่นหลายคนยังต้องเก็บซ่อนถุงยางให้พ้นจากสายตาของคนใกล้ตัวอีก โดยบีม (นามสมมติ) นักศึกษาชายรักชายปี 2 ที่เปิดเผยตัวเองตั้งแต่มัธยมต้น เล่าไปหัวเราะไปว่าเขาเคยทะเลาะกับคนที่บ้านเนื่องจากพ่อของเขาโดนเจ้าของร้านขายยาในละแวกบ้านแซวว่าลูกชายแอบมาซื้อถุงยางไปเมื่อวันก่อน
“เราเข้าใจพ่อนะว่าเขาคงอาย เพราะคนอาจจะมองพ่อว่าเลี้ยงลูกไม่ดี ใจแตก เรื่องเพศศึกษานี่อย่ามาสอนกันแค่คนหนุ่มสาววัยรุ่นอะไรเลย น่าจะต้องสอนคนทุกวัย ถ้าวัยรุ่นมีความรู้ความเข้าใจ แต่คนรุ่นพ่อแม่ หรือคนขายไม่เข้าใจไปด้วยกันมันก็ยังเป็นปัญหาที่วนลูปเดิมๆ” บีมเล่า เขาขยายความว่า ตอนแรกที่บ้านก็ไม่ว่าอะไรที่เขาจะมีเซ็กส์ในวัยเรียนและยังบอกให้ป้องกันด้วย แต่พอไปซื้อมาแล้ว พ่อถูกคนขายมาแซว จึงเปลี่ยนมาบอกว่าเขาไม่ต้องใช้ถุงยางก็ได้ เพราะเขาเป็นเกย์ อย่างไรก็ไม่ท้อง ซึ่งอาจเป็นความเข้าใจว่าถุงยางมีไว้ป้องกันการตั้งครรภ์ ทั้งที่จริงๆ แล้วโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ก็น่ากังวลไม่ต่างกันเลย
อเล็กซ์เสริมว่าไม่ใช่แค่ผู้ปกครองที่ทำให้รู้สึกอึดอัด เพราะแม้แต่ในหมู่เพื่อนๆ ก็มีการชอบทำเป็นแกล้งแบบขำๆ แต่คนถูกแกล้งน่ะไม่ขำด้วย “ที่บ้านไม่ได้ว่าอะไร เขาบอกเสมอว่าให้ป้องกัน แต่เรามักโดนเพื่อนล้อว่าที่พกถุงอยู่จะได้ใช้หรือเปล่า ถ้ายังคงมีอคติคิดว่าการพกถุงเท่ากับต้องมีเซ็กส์ มันก็ล้มเหลวในการฝึกให้ทุกคนพกถุงและรู้จักการใช้งาน คือไม่จำเป็นว่าเขาจะต้องเคยมีเซ็กส์ กำลังจะมี มีบ่อย มีบ้าง ถึงต้องพกถุงยางติดตัว คือจะเป็นแบบไหนก็ต้องพกได้”
ชายหนุ่มยังขยายต่อว่า การพกถุงยางอนามัยมันควรจะเป็นเรื่องปกติเหมือนคนเราพกเจลล้างมือหรือถุงผ้าติดตัว เพราะมันคืออุปกรณ์ป้องกันการติดต่อของเชื้อโรคที่อาจแฝงมาจากการมีเพศสัมพันธ์ มันคือการดูแลและรักษาความสะอาดให้ร่างกายของเราและคู่นอนของเราในรูปแบบหนึ่ง ไม่ว่าจะมีรสนิยมทางเพศแบบไหน มีคู่นอนเป็นเพศใด เพราะถุงยางนั้นไม่ได้มีไว้เพื่อป้องกันการตั้งครรภ์เพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังหมายรวมถึงการป้องกันโรคติดต่อทางเพศที่อาจเกิดขึ้นได้กับคนทุกคนด้วย
พกและใส่ถุงยางคือความรับผิดชอบต่อเพื่อนมนุษย์
ทั้งพิ้งกี้ อเล็กซ์ และบีม เห็นตรงกันว่า ไม่ว่าเป็นเพศไหน จะพกถุงยางเตรียมไว้หรือรอซื้อหน้างานก็ไม่ควรถูกตัดสินว่าเป็นเด็กใจแตก หรือไม่รักดี
“การพกและใส่ถุงยางมันคือการรับผิดชอบต่อสังคมในฐานะพลเมืองคนหนึ่ง เพื่อไม่ให้เราติดเชื้อจากคนอื่น และในขณะเดียวกันถ้าหากเรามีเชื้ออะไรที่มันแอบแฝงในร่างกายโดยที่เรารู้หรือไม่รู้ก็ตาม เราก็อาจเป็นพาหะนำโรคได้ มันก็ยิ่งต้องใส่ถุงยางเพื่อป้องกัน และเอาให้มั่นใจไว้ใจได้ว่าทั้งสองฝ่ายจะปลอดภัย ไม่ใช่อีกฝ่ายแอบดึงถุงออกในระหว่างมีอะไรกัน” อเล็กซ์ย้ำความสำคัญของถุงยาง
“ถึงจะเป็นผู้หญิงแต่เราก็พกถุงยางเองด้วย เพราะไม่รู้ว่าเซ็กส์มันจะเกิดขึ้นตอนไหนได้บ้าง เราให้คู่ของเราใส่ถุงยางทุกครั้ง เพราะอย่างน้อยมันคือการป้องกันความน่าจะเป็นหลายอย่างที่อาจเกิดขึ้นถ้าเราไม่ใส่ถุงยาง แล้วเราก็ไม่อยากรับผิดชอบผลของการไม่ใส่ถุงยางด้วย ไม่ว่าจะเสี่ยงท้องหรือเสี่ยงโรค” พิ้งกี้เสริม
นอกจากนั้น บีมยังเล่าว่าในฐานะคนที่มีเพศสภาพเป็นผู้ชายที่ชอบผู้ชายเหมือนกัน เรื่องตั้งครรภ์ไม่ใช่ปัญหาของหมู่ชายรักชายก็จริง แต่เรื่องติดโรคทางเพศสัมพันธ์ก็น่าหวั่นไม่แพ้กัน
“ทุกวันนี้ชีวิตมันมีเรื่องให้ต้องคิดเยอะแล้ว เซ็กส์ควรจะเป็นเรื่องที่ทำแล้วสบายใจหรือเปล่า แต่ถ้ามีอะไรกันแล้วต้องมาเครียดว่าจะท้องไหมจะติดโรคไหม ก็พกเหอะถุงยางน่ะ มันคือความรับผิดชอบอย่างหนึ่ง และมันควรถูกมองว่าเป็นเรื่องปกติได้แล้ว!”
อ้างอิง
Fact Box
วัยรุ่นคนไหนยังมีข้อสงสัยเกี่ยวกับเรื่องการมีเพศสัมพันธ์ ลองโทรสายด่วน 1663 ทุกปัญหาเรื่องเพศมีคำตอบ