นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศไทย โดยในวันนี้  (9 เม.ย.) พบผู้ป่วยใหม่ 54 ราย ยอดผู้ป่วยสะสมเป็น 2,423 ราย รักษาหายแล้ว 940 รายสียชีวิตเพิ่ม 2 ราย ทำให้มีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 32 ราย 

โดยผู้เสียชีวิตรายแรกเป็นชายชาวฝรั่งเศสอายุ 74 ปี เริ่มมีอาการป่วยตั้งแต่วันที่ 27 มีนาคม ด้วยอาการไอ ไข้ หอบเหนื่อย เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในจังหวัดชลบุรี แต่อาการไม่ดีขึ้น เสียชีวิตในวันที่ 7 เมษายน

รายที่สองเป็นชายไทยอายุ 82 ปี เริ่มมีอาการป่วยตั้งแต่วันที่ 25 มีนาคม ด้วยอาการไอ ไข้ เหนื่อยหอบ เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลแห่งในจังหวัดสมุทรปราการเมื่อวันที่ 30 มีนาคม แต่อาการไม่ดีขึ้น และเสียชีวิต เมื่อวันที่ 8 เมษายน 

สำหรับภาพรวมการแพร่ระบาดโควิด-19 ในประเทศไทย พบว่า ผู้ป่วยรายใหม่ที่ติดเชื้อโควิด-19 มาจากกลุ่มที่เคยมีประวัติสัมผัสกับผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้านี้ กลุ่มที่เดินทางกลับจากต่างประเทศ โดยเฉพาะที่อินโดนีเซีย และมีบุคลากรทางการแพทย์ติดเชื้อเพิ่ม 4 รายด้วยกัน

ทั้งนี้พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ใน 67 จังหวัด ส่วนใหญ่ยังอยู่ในจังหวัดกรุงเทพฯ นนทบุรี ชลบุรี และภูเก็ต​ โดยมี 10 จังหวัดที่ยังไม่พบรายงานผู้ติดเชื้อโควิด-19 อย่างไรก็ตาม แต่ละจังหวัดสามารถมีมาตรการเชิงรุกในการป้องกัน เช่น ที่เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี ได้มีการปิดเมือง หรือที่บึงกาฬ แม้จะยังไม่พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 แต่มีมาตรการเข้มตรวจคนเข้าออกเมือง

นายแพทย์ทวีศิลป์ ย้ำว่าการแพร่ระบายเชื้อโควิด-19 ที่ไปตามภูมิภาคอื่นๆ ทั่วประเทศ ส่วนใหญ่ยังเป็นเรื่องของคนต่างชาติที่เดินทางมายังประเทศไทย คนไทยที่กลับจากต่างประเทศและเดินทางกลับภูมิลำเนา รวมทั้งผู้ป่วยก่อนหน้านี้ในกรุงเทพฯ ที่เดินทางไปจังหวัดอื่นๆ 

สำหรับเทศกาลสงกรานต์ในปีนี้ นายแพทย์ทวีศิลป์ ยืนยันว่ามีประกาศให้งดเว้นการจัดงานสงกรานต์ทุกระดับ งดเว้นการเดินทางกลับภูมิลำเนา งดเว้นการรดน้ำผู้ใหญ่ในทุกกรณี งดการเข้าร่วมกิจกรรมที่มีคนหมู่มากรวมตัว และงดเว้นการเดินทางไปในพื้นที่ที่เสี่ยงที่มีโรคระบาดเด็ดขาด

นายแพทย์ทวีศิลป์ บอกว่า การประชุมของศบค. ในวันนี้มีหลายประเด็นที่น่าสนใจคือ การเดินทางเข้าประเทศของคนไทย  โดยข้อมูลจากทางกระทรวงการต่างประเทศมีคนไทยรอกลับ 5,453 คน จากทางเครื่องบิน และที่ด่านมาเลเซียน่าจะอีกหมื่นคน โดยมีคนไทยที่ลงทะเบียนขอกลับ 14,664 คน และเดินทางกลับเข้ามาแล้ว 12,771 คน 

ซึ่งนายแพทย์ทวีศิลป์ บอกว่าศักยภาพในการดูแลคนไทยที่เดินทางกลับเข้ามาอยู่ที่ 200 คนต่อวัน ที่ต้องจัดหาที่พักในการกักตัวเอง 14 วัน แต่เนื่องจากที่พักหนึ่งห้องต่อหนึ่งคน มีความจำเป็นต้องขยายห้องพักเพิ่มอีก แล้วมีคนเข้าคิวรอกลับประเทศไทยเป็นหมื่นคนจะทำอย่างไร

“เรายินดีต้อนรับคนไทยกลับทุกคน แต่ถ้าเห็นว่าคิวยาว และท่านสามารถอยู่ในต่างประเทศโดยไม่เดือดร้อน ก็ขอให้อยู่ไปก่อน ถ้าท่านไม่มีโรคอะไร หรืออยู่แต่ที่พัก ก็ยังไม่จำเป็นต้องรีบร้อนกลับมา” 

“คนไทยที่อยู่ในยุโรป สหรัฐอเมริกา ถ้ามีที่พักอาศัยอย่างดี ขอให้อยู่ต่อไปก่อน เพราะระหว่างท่านเดินทาง มีการต่อเครื่อง อดหลับอดนอน อาจติดเชื้อโควิด-19 กลับมาได้ แต่ถ้าอยู่กับที่จะปลอดภัยกว่าด้วยซ้ำ อย่างไรก็ตามถ้าต้องการกลับมา เพราะมีปัญหาต่างๆ ก็สามารถทำได้ แต่มีลำดับขึ้น เพราะต้องดูแลประชาชนที่นี่ 65 ล้านคน แน่นอนว่ารัฐบาลต้องดูแลพวกท่านเป็นอย่างดีอยู่แล้ว”

ส่วนเรื่องโรงพยาบาลสนามในกรณีที่เหตุการณ์ร้ายแรง ตอนนี้ต้องเพิ่มไอซียูอีก 80 เตียง ถึงจะรองรับผู้ป่วยได้ในกรณีร้ายแรงที่สุด ส่วนยาฟาวิพิราเวียร์ ได้สั่งซื้อเข้ามาแล้ว 178,000 เม็ด โดยคนไข้คนหนึ่งใช้ยาอยู่ที่ 50-70 เม็ด แต่ตอนนี้เราใช้ไปแค่ 46,000 เม็ด ก็ถือว่าสบายใจได้ มียาเพียงพอ เพราะไม่ได้ใช้กับผู้ป่วยทุกคน ต้องมีข้อบ่งชี้เท่านั้น

และล่าสุด ร.ต.อ.พงศกร ขวัญเมืองโฆษก กทม. แถลงข่าวประกาศพื้นที่กรุงเทพมหานคร งดขายสุรา ประเภทที่ 1 และ 2 ที่ได้รับอนุญาตให้จำหน่ายให้งดจำหน่ายสุรา ทั้งขายปลีกหรือขายส่ง ตั้งแต่ 10 เม.ย. – 20 เม.ย. นี้

Tags: