มีตำนานเล่าขานเกี่ยวกับใบชาว่า ผู้ที่ค้นพบชาเป็นครั้งแรกคือพระเจ้าเสินหนง  ฮ่องเต้ในตำนานของจีน เรื่องมีอยู่ว่า เมื่อประมาณ 2,737 ปีก่อนคริสต์ศักราช พระเจ้าเสินหนงกำลังเสวยน้ำร้อน บังเอิญมีใบไม้ร่วงหล่นลงไปในถ้วย ทำให้สีของน้ำในถ้วยเปลี่ยนไป ฮ่องเต้เสวยน้ำนั้นแล้วประหลาดใจว่ามีรสชาติดี และรู้สึกสดชื่น ส่วนอีกตำนานเล่าว่าขณะที่พระเจ้าเสินหนงกำลังทดลองสรรพคุณของสมุนไพรต่างๆ อยู่ พระองค์ทรงพบว่าสมุนไพรบางชนิดเป็นพิษแต่ชาสามารถเป็นยาถอนพิษนั้นได้

ชาถือเป็นพืชในตระกูลคาเมเลีย ไซเนนซิส (Camellia Sinensis) ส่วนพันธุ์ของชาที่นิยมนำมาบริโภคได้แก่ ชาพันธุ์อัสสัม ไซเนนซิส (Camellia Sinensis var, Assamica) และพันธุ์ไชน่า ไซเนนซิส (Camillia Sinensis var. Sinensis) โดยทั้งสองพันธุ์สามารถนำมาแปรรูปเป็นชาขาว ชาเหลือง ชาเขียว ชาแดง ชาดำ ชาอูหลง และชาผลไม้

การเก็บใบชาจะเก็บเฉพาะแค่ยอดใบอ่อน 1-3 ใบเท่านั้น เมื่อเก็บใบชามาเรียบร้อยจะนำมาผึ่งให้แห้ง ปล่อยให้น้ำในใบชาลดลงเหลือเพียง 40-60 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งใช้เวลา 12-18 ชั่วโมง เสร็จแล้วจึงนำไปผ่านกระบวนการต่างๆ ที่แตกต่างกันตามประเภทของชา

อย่างชาขาว คือยอดชาอ่อนบนสุดของต้นที่ไม่ผ่านการหมักบ่มใดๆ ขณะที่ชาเหลือง จะไม่ได้ถูกทิ้งให้สลด แต่ไม่ผ่านการบ่ม โดยจะปล่อยให้ใบชามีสีเหลืองไปตามธรรมชาติ ส่วนชาเขียว มีต้นกำเนิดที่จีน แต่เผยแพร่ไปที่ญี่ปุ่นในช่วงปี ค.ศ. 1800 การทำชาเขียวในจีนจะแตกต่างจากญี่ปุ่น ในจีนจะนึ่งใบชาแล้วนำไปคั่วในกระทะใบใหญ่ที่อุณหภูมิ 200-250 องศาเซลเซียส ใช้ฝ่ามือคั่วพลิกใบชาเบาๆ ประมาณหนึ่งนาที จากนั้นนำมาพัก นำไปคั่วอีกครั้งจนใบชาเกือบแห้ง เอามือกดหมุนพร้อมๆ กันจนทำให้ใบชาขดม้วนเป็นทรงกลม

ส่วนชาแดง ซึ่งเป็นนิยมในจีน จริงๆ แล้วคือชาดำ แต่จีนถือว่าสีดำเป็นสีที่ไม่เป็นมงคล จึงเรียกชาที่หมักไว้ว่าชาแดง เป็นการนำใบชามาขยี้เบาๆ ในเครื่องโม่ 20 นาทีเพื่อให้น้ำออกมา หมักทิ้งไว้ 1-2 ชั่วโมงแล้วนำไปอบให้แห้ง นำไปหมักอีกครั้ง ชาสด 6 กิโลกรัมจึงทำออกมาเป็นชาดำได้เพียง 1 กิโลกรัมเท่านั้น

ชาอูหลงที่นิยมในบ้านเรา เป็นชาที่ผสมระหว่างชาเขียวกับชาดำ 30-60% โดยชาดำมีการหมักบ่มไว้ก่อน 20-30 นาที ระหว่างกระบวนการหมักก็นำใบชานั้นไปคั่วในกระทะให้หยุดการหมักบ่ม เมื่อคั่วเสร็จจะนำไปอบให้แห้ง ใช้เวลาประมาณสองวัน

เมื่อทราบประวัติและประเภทของใบชากันแล้ว มาทำความรู้จักเจ้าของเวิร์กช็อป Teatails ในครั้งนี้ ‘1823 Tea Lounge by Ronnefeldt (1823 ที เลานจ์ บาย รอนเนอเฟลด์)’ กันสักนิด

ที เลานจ์ บาย รอนเนอเฟลด์ เป็นทีเลานจ์แห่งเดียวในโลกของรอนเนอเฟลด์ (Ronnefeldt) แบรนด์ชาจากเยอรมันที่มีอายุเก่าแก่กว่า 192 ปี โดยก่อตั้งเมื่อปี ค.ศ. 1823 ซึ่งจริงๆ แล้วอาจเป็นแบรนด์ชาที่คนไทยไม่ค่อยคุ้นเคย เพราะปกติแบรนด์นี้จะเสิร์ฟเฉพาะโรงแรมและธุรกิจบริการอาหารระดับพรีเมียมเท่านั้น

ความพิเศษของชารอนเนอเฟลด์อยู่ที่ความพิถีพิถันในการเลือกเก็บชาจากแหล่งปลูกชาที่ดีที่สุดและต้องผ่านการเก็บด้วยมือเท่านั้น

เวิร์กช็อปครั้งนี้เป็นการนำชาที่โดดเด่นของ 1823 Tea Lounge by Ronnefeldt มาสร้างสรรค์เมนูเครื่องดื่ม 4 ชนิดโดยมีคุณคาเรน-นลินธรณ์ ไตรวิทยศิลป์ นักปรุงชาหรือ Tea Master เหรียญเงินจากสถาบันรอนเนอเฟลด์ ประเทศเยอรมนีมาให้ความรู้พร้อมแนะนำการชงชา

คุณคาเรนเลือกใช้ชาสี่ชนิด ได้แก่ ชาดำ ชาเขียว ชาอู่หลง และชาผลไม้ มาผสมผสานเป็นเครื่องดื่มค็อกเทลและม็อกเทล (ไม่มีแอลกอฮอล์) พร้อมมีนักผสมเครื่องดื่ม คุณแฟรงค์ มาช่วยในเรื่องการสร้างสรรค์เครื่องดื่ม ซึ่งคนส่วนใหญ่มักนึกไม่ถึงว่าชาจะมาเป็นส่วนผสมของเครื่องดื่มสไตล์อื่นๆ ได้นอกจากการชงดื่มทั่วไปแล้วนั่นเอง

The Momentum ได้มีโอกาสไปลองเวิร์กช็อปและนำเมนูเครื่องดื่มมาฝากให้ลองทำดูด้วย

Cocktail

1. Lucky Peach

ส่วนผสม

  • วอดก้า Grey Goose 15 มล.
  • Peach Liqueur 15 มล.
  • Triple Sec (เหล้าที่ทำมาจากผิวส้ม)  10 มล.
  • ชา  Ronnefeldt Soft Peach 30 มล.
  • น้ำส้ม 30 มล.
  • น้ำสับปะรด 30 มล.
  • น้ำมะนาว 15 มล.
  • น้ำเชื่อม 30 มล.

วิธีการทำ

ใส่น้ำแข็ง น้ำเชื่อม และชา Soft Peach ลงในแก้ว จากนั้นใส่น้ำแข็งเพิ่มจนเกือบเต็มแก้ว ตวงวอดก้าเทใส่แก้วตามด้วย Peach Liquor, Triple Sec น้ำมะนาว น้ำสับปะรด และน้ำส้ม ตกแต่งด้วยเรดเปปเปอร์กับใบพาสลีย์

แก้วนี้จะมีความแรงจากแอลกอฮอล์ของวอดก้า หากใครไม่ชอบรสชาติแรงให้ลดปริมาณวอดก้าลง มีความหอมหวานสดชื่นของพีชกับชาผลไม้ Soft Peach ที่แช่และนำมาเคี่ยวกับน้ำตาลจนกลายเป็นไซรัป Lucky Peach จึงมีรสชาติเปรี้ยวอมหวานจากมะนาว ส้ม และสับปะรด

2. White Pearl

ส่วนผสม

  • เหล้าครีม Baileys Irish Cream 30 มล.
  • เหล้าบรั่นดี 30 มล.
  • นมสด 30 มล.
  • ชา Ronnefeldt Jasmine Pearl 30 มล.
  • น้ำผึ้ง (ผสมน้ำอุ่น) 30 มล.

วิธีการทำ

ตวงส่วนผสมข้างต้นลงใส่ในแก้วแล้วเขย่า ก่อนจะใส่น้ำแข็งแล้วเขย่าอีกครั้งให้เข้ากัน (การเขย่าแรงๆ ทำให้เครื่องดื่มมีฟอง เมื่อเทลงในแก้วเสิร์ฟจะดูสวยงาม) ตกแต่งด้วยเชอร์รี่เชื่อม

แก้วนี้มีความเข้มข้น หวานมันแต่มีแอลกอฮอล์จากนมสด เหล้าครีมและบรั่นดี ซึ่งอาจจะลดปริมาณของบรั่นดีลงนิดหน่อยได้ เพื่อสัมผัสถึงกลิ่นหอมอ่อนๆ ของชามะลิและน้ำผึ้ง  

 

Mocktail

1. Ronnefeldt No.1

ส่วนผสม

  • ชา Ronnefeldt Bangkok Blend 60 มล.
  • น้ำแอปเปิ้ลเขียว 60 มล.
  • น้ำแอปเปิ้ล 60 มล.
  • น้ำมะนาว 20 มล.
  • น้ำเชื่อม 30 มล.

วิธีการทำ

ใส่น้ำแอปเปิ้ล น้ำแอปเปิ้ลเขียว น้ำมะนาว น้ำเชื่อมและชาแบงกอกเบลนด์ (น้ำชาแช่ไว้ประมาณ 3 นาทีพร้อมทำให้เย็น) ลงในแก้วคนให้ส่วนผสมเข้ากัน จากนั้นใส่น้ำแข็งจนเกือบเต็มแก้ว ตกแต่งด้วยเปลือกแพสชั่นฟรุตที่ใส่เนื้อมะม่วงสุกหั่นลูกเต๋า ที่เลือกเป็นมะม่วงสุกเพราะชาแบงกอกเบลนด์มีกลิ่นของมะม่วง

แก้วนี้ให้ความสดชื่นจากกลิ่นหอมของบรรดาผลไม้เมืองร้อนในบ้านเราอย่างมะม่วงและมะละกอที่อยู่ในใบชา เติมความหวานด้วยน้ำแอปเปิ้ลแดงและน้ำเชื่อม ส่วนความเปรี้ยวชื่นใจได้จากน้ำแอปเปิ้ลเขียวกับน้ำมะนาว เหมาะกับอากาศร้อนๆ หรือคนที่ต้องการเครื่องดื่มที่สร้างความกระปรี้กระเปร่า

2. Cherry Wonderland

ส่วนผสม

  • ชา Ronnefeldt Wild Cherry 60 มล.
  • เชอร์รี่เชื่อม 2 ลูก (แบบไม่มีเมล็ด)
  • น้ำแอปเปิ้ล 60 มล.
  • น้ำมะนาว 20 มล.
  • น้ำเชื่อมเชอร์รี่ 20 มล.
  • น้ำเชื่อม 30 มล.

น้ำเชอร์รี่แบบไม่มีเมล็ด 2 ลูกลงในแก้วเชคแล้วบดพอหยาบๆ ตวงส่วนผสมที่เหลือใส่ตามลงไป คนส่วนผสมทั้งหมดแล้วเติมน้ำแข็งเขย่าให้เข้ากัน เทลงในแก้ว จากนั้น เติมน้ำแข็งให้เกือบเต็มแก้วอีกครั้ง ตกแต่งด้วยเชอร์รี่เชื่อมให้ดูสวยงาม

แก้วนี้มีความหวานหอมของเชอร์รี่ที่สามารถได้กลิ่นตั้งแต่ระหว่างผสมเครื่องดื่ม โดยได้กลิ่นหอมจากน้ำเชอร์รี่กับชาไวล์ดเชอร์รี่ มั่นใจได้ว่าต้องให้ความชื่นใจแน่นอน มีรสชาติอมเปรี้ยวเบาๆ ด้วยน้ำมะนาวที่ผสมลงไปเล็กน้อย ใครที่ชอบเชอร์รี่ไม่ผิดหวัง

*ส่วนผสมสามารถเปลี่ยนแปลงปรับเปลี่ยนได้ตามความชอบหรือมีอยู่ที่บ้าน อย่างชาหรือน้ำผลไม้*

ชาไม่ได้มีเอาไว้จิบร้อนอย่างเดียวอีกต่อไป สามารถนำมาสร้างสรรค์เป็นเครื่องดื่มดีๆ ได้อีกมากมาย หวังว่าปาร์ตี้ครั้งหน้า คุณจะมีเมนูดริ้งค์ใหม่ๆ มาโชว์เพื่อนๆ กันแล้ว

Fact Box

  • 1823 Tea Lounge by Ronnefeldt เปิดในกรุงเทพได้เกือบ 4 ปี เป็นทีเลานจ์ที่เดียวของรอนเนอเฟลด์ และทางรอนเนอเฟลด์ยังสร้างสรรค์ชา Bangkok Blend กับ Gaysorn Blend ชาที่คิดค้นมาเพื่อประเทศไทยโดยเฉพาะ
  • Teatails Workshop มีค่าใช้จ่าย 890++ บาทต่อท่าน ใช้เวลาประมาณ 90 นาที
  • เวิร์กชอปของ 1823 Tea Lounge by Ronnefeld รับผู้เข้าร่วมครั้งละไม่เกินหกคน แต่สามารถสอบถามหรือแจ้งได้หากมีผู้เข้าร่วมน้อยกว่า นอกจากเวิร์กช็อป Teatails แล้วยังมีเวิร์กชอป Tea Blending การผสมชา, Tea Food Pairing การเลือกชาให้เหมาะสมกับอาหาร และในอนาคตจะมี Tea Cooking Class การนำใบชามาเป็นส่วนผสมในอาหาร สอบถามรายละเอียดได้ที่ FB: 1823tealoungebyronnefeldtbkk, IG: 1823ronnefeldthbkk หรือโทร. 0-2656-1086
  • คาเรน-นลินธรณ์ ไตรวิทยศิลป์ เป็นนักปรุงชาคนไทยและเป็นผู้หญิงคนแรกที่ได้รับรางวัลเหรียญเงินของสถาบันรอนเนอเฟลด์ และเนื่องจากเป็นลูกครึ่งไทย-จีน จึงทำให้ซึมซับวัฒนธรรมการดื่มชามาตลอด และกลายเป็นแรงบันดาลใจที่ทำให้มีความเชี่ยวชาญด้านชา
Tags: , , , , , ,