เมื่อมองไปที่สวีเดน หลายคนน่าจะเห็นภาพประเทศคุณภาพชีวิตดีกับรัฐที่มีประสิทธิภาพ แต่ในสวีเดนก็ยังคงมีปัญหาสะสมหลายข้อ ที่พรรคการเมืองนำมาเสนอเป็นนโยบายสำหรับการเลือกตั้งครั้งใหญ่ ในวันที่ 9 กันยายนนี้ การเลือกตั้งทุกระดับจะเกิดขึ้นในวันเดียวกัน โดยประเด็นที่สื่อมวลชนให้ความสนใจในการเลือกตั้งระดับประเทศคือนโยบายที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาและการรับผู้อพยพ

ในส่วนของการเลือกตั้ง ตัวเต็งยังคงเป็น Social Democrats พรรคฝ่ายกลางซ้าย นำโดยนายกรัฐมนตรี สเตฟาน เลิฟเวน (Stefan Löfven) ที่เป็นรัฐบาลคู่กับ Green Party อยู่ในขณะนี้ (แม้ Social Democrats จะมีคะแนนนิยมลดต่ำลง และหากแพ้ในครั้งนี้ จะถือว่าเป็นครั้งที่ 2 นับตั้งแต่สิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2) ส่วนที่คะแนนนิยมตามมาคือพรรค Moderate และ Sweden Democrats พรรคฝ่ายขวาที่ต่อต้านผู้อพยพและคนชายขอบ

นโยบายการศึกษาถูกสื่อมวลชนบางกลุ่มยกขึ้นมาพูดถึงในการเลือกตั้งครั้งนี้ เพราะถึงแม้สิทธิในการศึกษาจะถูกบรรจุในสวัสดิการสังคมของชาวสวีดิชตั้งแต่ปี 1842 แต่ในปัจจุบันก็ยังมีความไม่เท่าเทียมปรากฏอยู่อย่างชัดเจน โดยเฉพาะเมื่อมีการวิจัยจากองค์การการศึกษาแห่งชาติว่า ที่อยู่อาศัยและแหล่งที่ตั้งของโรงเรียนที่นักเรียนได้เข้าเรียนตั้งแต่อายุ 7 ปี มีผลโดยตรงต่อผลการศึกษาของพวกเขา สะท้อนให้เห็นว่า การแบ่งแยกทางที่อยู่อาศัยทำให้เด็กจากกลุ่มสังคมเดียวกันรวมกันอยู่ในโรงเรียนเดียวกัน นำไปสู่ช่องว่างทางชนชั้น

หนึ่งในปัญหาใหญ่คือระบบ fria skolvalet ที่ใช้มาตั้งแต่ช่วง 1990s ซึ่งอนุญาตให้ผู้ปกครองเลือกโรงเรียนที่คิดว่าเหมาะสมที่สุดให้ลูก ผลลัพธ์คือผู้ปกครองที่มีพื้นหลังทางเศรษฐกิจสังคมสูงกว่ามักเลือกโรงเรียนมาตรฐานสูง ในขณะที่ผู้ปกครองที่มีฐานะรองลงมามักเลือกโรงเรียนระดับปานกลางที่อยู่ใกล้บ้าน เด็กที่เก่งกว่าก็จะได้เข้าโรงเรียนที่มีชื่อเสียง ทำให้เกิดการกีดกันทางสังคมต่อไป หลายพรรคการเมืองจึงเสนอที่จะล้มระบบนี้หากได้รับเลือกเป็นรัฐบาล Social Democrats เองก็เสนอว่าจะทุ่มเงิน 11.5 ล้านโครนเนอร์ให้กับการสนับสนุนผู้ช่วยครูและการพัฒนากิจกรรมสันทนาการของนักเรียน

อีกจุดหนึ่งที่น่าสนใจคือ หลายพื้นที่ที่ผู้อาศัยมีฐานะต่ำกว่า มักจะเป็นพื้นที่ที่มีผู้อพยพอาศัยอยู่มาก และมีความรุนแรงเกิดขึ้นมากกว่าพื้นที่อื่น การจัดสรรและฝึกหัดครูและบุคลากรที่มีความสามารถจึงเป็นเรื่องท้าทายรวมทั้งต้องใช้ทรัพยากรและเงินทุนจำนวนมาก นี่จึงเป็นหนึ่งในสิ่งที่รัฐบาลใหม่ต้องเผชิญ

และเช่นเดียวกับการเลือกตั้งของประเทศอื่นในยุโรปที่พรรคการเมืองต้องแสดงจุดยืนที่จะรับหรือไม่รับผู้อพยพ พรรค Sweden Democrats ก็แสดงออกอย่างชัดเจนว่า ‘ไม่รับ’ รวมถึงก่อนหน้านี้รองโฆษกรัฐสภาซึ่งมาจากพรรคนี้ก็ได้คอมเมนต์ในเพจ Facebook ของพรรคกลางว่า “ชาวยิวและชาวซามิ (ชนกลุ่มน้อยที่อาศัยอยู่ในตอนเหนือของสวีเดน นอร์เวย์ ฟินแลนด์ และบางพื้นที่ของรัสเซีย) ไม่ใช่ชาวสวีดิช”

ส่วนในฝั่งของรัฐบาลนั้นได้รับผู้อพยพเข้าประเทศเป็นจำนวนมากถึง 163,000 คนในปี 2015 ก่อนจะเริ่มเข้มงวดกับนโยบายนี้มากขึ้น จนเมื่อวันที่ 23 สิงหาคมที่ผ่านมานี้เอง นายกฯ เลิฟเวน เพิ่งปฏิเสธที่จะรับผู้อพยพราว 200 คนจากเรือที่เพิ่งเข้าฝั่งที่ซิซิลี ประเทศอิตาลี โดยให้สัมภาษณ์ว่า “ประเทศอื่นจำเป็นต้องก้าวเข้ามาแสดงความต้องการที่จะรับผิดชอบพวกเขาได้แล้ว”

อย่างไรก็ดี หลายฝ่ายกล่าวว่า Sweden Democrats คงจะยังไม่ได้เป็นรัฐบาลในสมัยนี้ เพราะไม่มีพรรคอื่นเป็นพันธมิตร และเชื่อว่าความรู้สึกต่อต้านผู้อพยพในสวีเดนยังไม่รุนแรงถึงขั้นที่ประชาชนจะเทคะแนนให้

โดย ปีเตอร์ โวโลดาร์สกี (Peter Wolodarski) บรรณาธิการ Dagens Nyhyter หนังสือพิมพ์หัวใหญ่ของสวีเดนได้เขียนบทความลงใน The Guardian เมื่อเร็วๆ นี้ว่า แม้ฝ่ายขวาในยุโรปจะเติบโต แต่เขาเชื่อว่า ใจที่เปิดกว้างและการยอมรับความแตกต่างของชาวสวีดิชนั้นจะยังคงอยู่ต่อไป

อย่างไรก็ดี สวีเดนยังมีปัญหาสังคมอื่นๆ ที่แต่ละพรรคนำมาเป็นนโยบายในการหาเสียง เช่น วิกฤติขาดแคลนที่อยู่อาศัย สิทธิการรักษาพยาบาลของผู้หญิง การเพิ่มโอกาสให้นักเรียนมัธยมปลายได้ทดลองทำงานในภาคส่วนต่างๆ รวมถึงเงินบำนาญ และการเกษียณอายุด้วย

ที่มา:

ที่มาภาพ: TT News Agency / Reuters

Tags: , ,