‘ร่มเกล้า โสภา’ นักแสดงดิสนีย์ ออน ไอซ์ คนไทยหนึ่งเดียวบนลานน้ำแข็งระดับโลก

จากเด็กต่างจังหวัดที่เดินทางเข้ามากรุงเทพฯ และเล่นไอซ์สเกตเป็นครั้งคราวสู่นักกีฬาสเกตน้ำแข็งดาวรุ่งความหวังทีมชาติไทย ผู้ไม่อินกับตัวละครจากดิสนีย์ แต่คลั่งไคล้ โสนน้อยเรือนงาม และชอบ เกราะเพชรเจ็ดสี เป็นชีวิตจิตใจ

ปัจจุบัน ฟิลม์-ร่มเกล้า โสภา ในวัย 29 ปี พัฒนาตนเองจนก้าวขึ้นสู่นักแสดงดิสนีย์ ออน ไอซ์ (Disney On Ice) คนไทยเพียงหนึ่งเดียวที่ได้รับโอกาสร่วมโชว์รอบโลก

ตลอดระยะเวลาการฝึกซ้อมอย่างหนัก ล้มลุกคลุกคลานบนผืนน้ำแข็งครั้งแล้วครั้งกว่า 3 ปี ร่มเกล้าฝ่าฟันอุปสรรคเหล่านั้นจนมีรายได้มากกว่า 6 หลักต่อเดือนได้อย่างไร!?

The Momentum ขอพาคุณไปทำความรู้จักกับนักแสดงผู้รับบท ‘ชาร์ลี’ (พ่อของดอรี่จาก Finding Dory) รายนี้ให้มากขึ้นกว่าเดิม

ประตูมันมีหลายบานนะครับ ลองพยายามทำในสิ่งที่เรารักไปเรื่อยๆ ทำให้มันสุด สักวันหนึ่งเราก็จะเจอประตูและเส้นทางของเราเอง

เมื่อเริ่มจริงจังกับความชื่นชอบ คุณจะทำมันได้ดี

เนื่องจากมีโอกาสเข้ามาเรียนพิเศษที่กรุงเทพฯ ช่วงปิดเทอมอยู่เป็นประจำ วันหนึ่งหลังจากที่ร่มเกล้าได้พบเข้ากับลานไอซ์สเกตที่เวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ (ชื่อเก่าของห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์) เจ้าตัวจึงเกิดแรงบันดาลใจอยากลองเล่นดูบ้าง แม้คนที่บ้านจะไม่เห็นด้วยก็ตาม

“ผมเริ่มเล่นไอซ์สเกตตอน 13 ขวบ พอได้เล่นก็รู้สึกชอบและรู้สึกว่ามันง่าย หลังจากย้ายเข้ามาเรียนมัธยมปลายที่กรุงเทพฯ ก็เริ่มได้เรียนไอซ์สเกตจริงจังมากขึ้น ช่วงนั้นที่บ้านผมจะไม่ค่อยสนับสนุนสักเท่าไร เพราะไม่รู้จักกีฬาประเภทนี้ ประกอบกับฐานะทางบ้านยังไม่ค่อยดีเท่าที่ควร ผมเลยเก็บเงินจ่ายค่าเรียนด้วยตัวเอง ชั่วโมงหนึ่งๆ ราคาประมาณ 500 บาท พอเริ่มเก็บเงินได้มากขึ้นก็ซื้อรองเท้ามือ 2 ราคาประมาณ 4,000 บาทมาใช้

“เมื่ออายุ 17 ปี ก็ลองไปสมัครคัดตัวทีมชาติไทย ปรากฏว่าติด! แต่กว่าจะได้ลงแข่งจริงก็ตอนอายุ 18 ปี ในทัวร์นาเมนต์ Asian Figure Skating Championships 2006 โดยได้อันดับที่ 3 มาครอง”

ช่วงที่เหนื่อยมากๆ และคิดถึงบ้าน ผมร้องไห้ไปสองวันติด แต่ก็ไม่ได้รู้สึกท้อจนอยากจะเลิก เพราะเรายังสนุกกับมันอยู่

นักกีฬาดาวรุ่งทีมชาติผู้พลิกผันมาเป็นนักแสดงบนลานน้ำแข็ง

เมื่อความชื่นชอบที่มีก่อตัวจนกลายเป็นความหลงใหล และเริ่มเอาจริงเอาจังจนถึงขั้นติดทีมชาติ ร่มเกล้าเล่าให้เราฟังว่าทุกครั้งที่มีโชว์ดิสนีย์ ออน ไอซ์ มาเปิดการแสดงที่ไทย เขามักจะหาโอกาสไปดูอยู่เสมอ พร้อมความตั้งใจที่จะไปยืนตรงนั้นบ้างในสักวัน

“ผมรู้สึกว่านักแสดงไอซ์สเกตของ ดิสนีย์ ออน ไอซ์ เก่งกันมาก มองแล้วก็อยากไปอยู่ตรงน้้นบ้าง แต่ทำได้เต็มที่ก็แค่เฝ้าชื่นชมพวกเขา กระทั่งวันหนึ่งที่ดิสนีย์ ออน ไอซ์ มาเปิดการแสดงที่ไทยเมื่อปี 2014 ผมเลยขอดิสนียเข้าไปออดิชันเป็นนักแสดง

“ต้องบอกก่อนนะครับว่าตอนนั้นเขาเปิดรับสมัคร MC หรือพิธีกรเอ็นเตอร์เทนคนดูระหว่างโชว์ ไม่ได้เปิดรับสมัครนักแสดง ซึ่งก็ถือเป็นโชคดีของผมที่เขาให้โอกาสได้เข้าไปทดสอบ โดยเขาจะดูตั้งแต่เบสิกขั้นพื้นฐานการเล่นของเรา การกระโดด การหมุนตัว หรือแม้แต่บุคลิกภาพ

“หลังจากนั้น 2 สัปดาห์ ทางดิสนีย์ก็แจ้งกลับมาว่าผมผ่านการทดสอบและได้เข้าไปเป็นหนึ่งในทีมนักแสดงของ ดิสนีย์ ออน ไอซ์ เป็นที่เรียบร้อย ตอนแรกก็ไม่เชื่อนะครับ แต่พอได้เห็นสัญญาก็รู้สึกว่าตัวเองทำสำเร็จแล้ว”

‘ฝึกซ้อม เรียนรู้ และปรับตัว’ บททดสอบที่แท้จริงก่อนคิดทำการใหญ่

แม้จะผ่านการคัดเลือกและเซ็นสัญญาเป็นนักแสดงสังกัด ดิสนีย์ ออน ไอซ์  อย่างเป็นทางการ แต่ด้วยทักษะการแสดงที่เข้าขั้นติดลบ ภาษาที่ไม่ชำนาญ การฝึกซ้อมที่หนัก หรือการเป็นคนไทยเพียงคนเดียวในทีม อุปสรรคเหล่านี้จึงกลายเป็นบททดสอบครั้งสำคัญที่คอยให้ร่มเกล้าได้เผชิญหน้ากับมัน

“ช่วงสองอาทิตย์แรกเหนื่อยและหนักมากๆ ต้องซ้อมตั้งแต่ตีห้าจนถึงสามทุ่มเป็นประจำทุกวัน ที่สำคัญผมเป็นน้องใหม่และคนไทยคนเดียวในทีมนักแสดง 50 คน ปีแรกนี่แทบจะไม่ค่อยมีเพื่อนเลยด้วยซ้ำ ภาษาก็ยังไม่ดี ต้องพยายามเข้าไปให้ทีมงานช่วยอธิบายหลังประชุมทุกวันๆ จนเดี๋ยวนี้ก็เริ่มสื่อสารด้วยตัวเองได้มากขึ้น

“ผมต้องเริ่มต้นใหม่ทุกอย่าง ตั้งแต่พื้นฐานการแสดง สเต็ปเพลง การบล็อกกิ้ง หรือการเดินสวนกัน ช่วงที่เหนื่อยมากๆ และคิดถึงบ้าน ผมร้องไห้ไปสองวันติด แต่ก็ไม่ได้รู้สึกท้อจนอยากจะเลิก เพราะเรายังสนุกกับมันอยู่

“การโชว์ไอซ์สเกตกับการเป็นนักกีฬาไอซ์สเกตมันต่างกันมาก จากเดิมผมจะมองเรื่องการแข่งขันและเทคนิคเป็นหลัก แต่การเป็นนักแสดงไอซ์สเกตทำให้ผมได้เรียนรู้เรื่องการทำงานเป็นทีมมากขึ้น”

ทุกครั้งที่โชว์จบ ผมจะพยายามหาข้อผิดพลาดของตัวเอง และซ้อมให้หนักกว่าเดิม

การแข่งขันภายในที่สูง ต้องมาพร้อมกับการไม่หยุดพัฒนาตัวเอง

หลังผ่านการฝึกซ้อมอย่างหนักกับทีม บทบาทที่เขาได้รับในช่วงแรกๆ ยังเป็นเพียงตัวประกอบทั่วไปเท่านั้น แต่เมื่อช่วงเวลาที่เหมาะสมเดินทางมาบรรจบกับความตั้งใจของการไม่หยุดพัฒนาตนเอง ร่มเกล้าใช้เวลาเพียง 2 ปีก่อนที่จะขยับขึ้นมารับบทบาทตัวละครหลักมากขึ้น

“ปกติจะมีการออดิชันข้างในเป็นประจำเพื่อดูว่าใครเหมาะสมกับคาแรกเตอร์ไหน หรือมีคุณสมบัติในการขยับขึ้นไปรับบทเป็นตัวละครหลัก อย่างตัวผมเองก็อยู่กับ ดิสนีย์ ออน ไอซ์ มาเป็นปีที่สามแล้ว โชคดีที่ผู้ใหญ่ให้โอกาส ปีนี้เลยเป็นปีแรกที่ผมได้รับบทตัวละครหลักกว่าทุกปี

“ตอนเข้าไปอยู่กับทีมช่วงแรกๆ ผมรู้สึกว่าเพื่อนๆ เก่งกันมาก เป็นนักสเกตระดับโลกกันทุกคน จนทำให้มองตัวเองอยู่ในอันดับท้ายๆ เสมอ ทุกวันนี้ก็ยังคิดเช่นนั้น แต่ทุกครั้งที่โชว์จบ ผมจะพยายามหาข้อผิดพลาดของตัวเอง และซ้อมให้หนักกว่าเดิมเพื่อถีบตัวเองขึ้นไปให้อยู่ในระดับเดียวกับพวกเขาให้ได้”

ผมเข้าใจว่าสิ่งที่ทำให้ผมมาถึงทุกวันนี้ได้คงเป็นเพราะความพยายาม และความรักในสิ่งที่ทำ

Photo: BEC-TERO Entertainment

เพราะความสำเร็จไม่ได้เกิดจากการคาดหวัง แต่เกิดจากความรักและความพยายาม

ภายใต้ความสำเร็จของการเป็นนักแสดงไอซ์สเกตคนไทยเพียงคนเดียวที่ได้ทัวร์รอบโลกกับรายได้ต่อเดือนมากกว่า 6 หลัก ร่มเกล้ากลับสารภาพกับเราว่าแต่ไหนแต่ไรเจ้าตัวไม่เคยมีเป้าหมายในชีวิตเลยด้วยซ้ำ!

“พอมองย้อนกลับไป ผมไม่คิดนะว่าตัวเองจะมาอยู่ในจุดนี้ได้ ตอนเด็กๆ ก็ไม่เคยมีเป้าหมายในชีวิตเลย ไม่ได้คิดว่าโตมาจะเป็นอะไร

“ผมเข้าใจว่าสิ่งที่ทำให้ผมมาถึงทุกวันนี้ได้คงเป็นเพราะความพยายาม และความรักในสิ่งที่ทำ ตั้งแต่การฝึกซ้อม ความมีระเบียบ ผมทำงานหนักมากกว่าจะมาถึงจุดนี้ เพราะฉะนั้นการไปคาดหวังกับอะไรมาก พอพลาดขึ้นมา เราอาจผิดหวังกับมันได้

“ประตูมันมีหลายบานนะครับ ลองพยายามทำในสิ่งที่เรารักไปเรื่อยๆ ทำให้มันสุด สักวันหนึ่งเราก็จะเจอประตูและเส้นทางของเราเอง”

ในอนาคต ร่มเกล้าตั้งใจที่จะนำศาสตร์ความรู้และทักษะที่ได้จากการเป็นนักแสดงไอซ์สเกตกลับมาประกอบอาชีพที่ไทย โดยมีจุดมุ่งหมายหลักคืองานเบื้องหลังละครเวที และไม่ว่าสิ่งที่เจ้าตัวปรารถนาจะบรรลุตามสิ่งที่ใจคาดหวังหรือไม่ เราเชื่อว่าอย่างน้อยที่สุด ฟิลม์-ร่มเกล้า โสภา คงจะไม่รู้สึกเสียดายกับสิ่งที่เขาได้ทำด้วยความรักและความพยายามอย่างแน่นอน

แล้วคุณล่ะครับ ได้ลองทำในสิ่งที่คุณรักด้วยความพยายามอย่างเต็มที่แล้วหรือยัง?

ถ่ายภาพโดย พีรพัฒน์ วิมลรังครัตน์