ศึกประชันรถยนต์ไร้คนขับดูจะไม่ได้มีแค่เรื่องความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีซะแล้ว แต่ยังรวมไปถึงข่าวอื้อฉาว! เมื่อ Waymo บริษัทพัฒนารถยนต์ไร้คนขับภายใต้ Alphabet (บริษัทแม่ของ Google) ออกมาฟ้องร้อง แอนโธนี เลวานดอฟสกี (Anthony Levandowski) อดีตพนักงานบริษัท Waymo ที่ย้ายไปอยู่ Uber ด้วยข้อหาขโมยเทคโนโลยีรถยนต์ไร้คนขับ
Waymo อ้างว่า เลวานดอฟสกีอดีตผู้จัดการของ Waymo ได้ขโมยทรัพย์สินทางปัญญาของบริษัทไปก่อนลาออก โดยดาวน์โหลดเอกสารลับจากเครื่องเซิร์ฟเวอร์ของบริษัท จำนวน 14,000 ไฟล์ และนำไปใช้ในบริษัทสตาร์ทอัพใหม่ Otto ที่เขาร่วมก่อตั้งขึ้นและมุ่งพัฒนารถบรรทุกไร้คนขับ ไม่นานนัก Uber ก็ได้เข้าซื้อกิจการของสตาร์ทอัพ Otto ด้วยมูลค่า 680 ล้านเหรียญ ในเดือนสิงหาคมปี 2016 ตามการรายงานของสำนักข่าวเดอะการ์เดียน
เทคโนโลยีที่ Waymo คิดว่าถูกขโมยไปก็คือ LiDAR (Light Detection and Ranging) ระบบส่ง-รับเลเซอร์ที่เปรียบเสมือนดวงตาของรถ ตรวจจับตำแหน่งของวัตถุบนท้องถนน เช่น ยานพาหนะ คนเดินเท้า และแปลงข้อมูลเป็นแผนที่ 3 มิตินำทาง
ทั้งนี้ Waymo อ้างว่าพัฒนาเทคโนโลยีดังกล่าวมานาน 7 ปี และหมดเงินไปหลายล้านเหรียญ แต่กลายเป็นว่า Google พัฒนาล่าช้ากว่าใคร ทั้งที่เป็นผู้ปลุกกระแสรถยนต์ไร้คนขับด้วยซ้ำ
ขณะที่ตลาดการแข่งขันรถยนต์ไร้คนขับกำลังขับเคี่ยวกันอย่างเข้มข้นพร้อมกับความคาดหวังของผู้บริโภคยุคใหม่ที่ไม่อยากเจอรถติดอีกต่อไป สินค้าอีกประเภทที่จะมีมูลค่าสูงกว่ารถยนต์ด้วยซ้ำ นั่นคือ ข้อมูลจากยานพาหนะที่ใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น ข้อมูลที่ระบบเซ็นเซอร์และกล้องท้ายรถบันทึกไว้สามารถใช้ต่อยอดพัฒนาระบบตรวจจับจำนวนคนเดิน หรือยานพาหนะที่กีดขวางของรถยนต์ไร้คนขับได้นั่นเอง
จากการคาดการณ์ที่ว่ารูปแบบการเดินทางจะเปลี่ยนไปสู่ระบบอัตโนมัติเต็มรูปแบบและเชื่อมโยงทุกการเดินทางภายในปี 2030 ตั้งแต่รถยนต์ รถไฟ รถโดยสารประจำทาง ไปจนถึงทางเดินเท้า ถ้าหาก Google ไม่รีบกระตุ้นให้ Waymo ทำคะแนนตีตื้นผู้ผลิตรถไร้คนขับรายอื่นๆ ให้ทัน ก็คงต้องตกขบวนของการเป็นผู้นำเทรนด์ด้านนี้ไปโดยปริยาย
Photo: waymo.com
อ้างอิง:
- https://www.wired.com/2017/02/googles-lawsuit-uber-revolves-around-frickin-lasers
- https://www.theguardian.com/technology/2017/feb/23/alphabet-sues-uber-self-driving-cars-technology-waymo-otto
- http://money.cnn.com/2017/02/07/technology/car-data-value