ร้านสตาร์บัคส์จะเลิกขายหนังสือพิมพ์ ผลิตภัณฑ์อาหารจำนวนหนึ่ง และส่วนหนึ่งของสินค้าที่ไม่ได้รับความนิยม เพื่อตกแต่งร้านใหม่

ต้นเดือนกันยายนที่จะถึง ร้านสตาร์บัคส์ 8,600 สาขาทั่วสหรัฐอเมริกาจะเอาชั้นวางหนังสือพิมพ์ที่วางขายหนังสือพิมพ์ระดับชาติ 3 ฉบับคือ นิวยอร์กไทมส์ วอลล์ สตรีท เจอร์นัล และยูเอสเอทูเดย์ รวมทั้งหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น อาหารว่างแบบซื้อแล้วกินทันที และถุงเมล็ดกาแฟ

“เรามักดูว่า ร้านของเราจะเสนออะไรให้ลูกค้าได้บ้าง และปรับเปลี่ยนมันจากพฤติกรรมของลูกค้า” Sanja Gould โฆษกของสตาร์บัคส์ชี้แจงเหตุผลเมื่อวันที่ 12 กรกฎาคมที่ผ่านมา

ไม่มีเหตุผลที่แน่ชัดว่า ยอดขายมีผลต่อการตัดสินใจยกเลิกขายหนังสือพิมพ์หรือไม่ หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์บอกว่า รู้สึกผิดหวังกับการตัดสินใจนี้ แต่เชื่อว่าลูกค้าของสตาร์บัคส์ที่อยากหนังสือพิมพ์ก็จะไปหาซื้อจากที่อื่น “เรามั่นใจว่า ด้วยระบบการจัดจำหน่ายที่กว้างขวางของเรา ผู้อ่านจะไม่มีปัญหาในการหาซื้อหนังสือพิมพ์” 

นิวยอร์กไทมส์เป็นหนังสือพิมพ์รายเดียวที่วางขายได้ในร้านสตาร์บัคส์มานานหลายปีตั้งแต่ปี 2000 จนเมื่อปี 2010 สตาร์บัคส์เพิ่งขายหนังสือพิมพ์ฉบับอื่นด้วย

สำหรับปฏิกิริยาของลูกค้าร้านสตาร์บัคส์ นิวยอร์กไทมส์ลองไปสำรวจความเห็นของลูกค้าในร้านย่านแมนฮัตตัน มีทั้งลูกค้าที่อยากให้ร้านขายหนังสือพิมพ์เหมือนเดิม เพราะไม่ใช่ทุกคนที่อยู่กับคอมพิวเตอร์หรืออินเทอร์เน็ตลอดเวลา ลูกค้าบางรายบอกว่า ไม่เคยสังเกตเห็นหนังสือพิมพ์ในร้านเลย แต่ก็คิดว่าควรจะขายต่อ ร้านสตาร์บัคส์ควรจะมีอะไรให้อ่านบ้าง ไม่อย่างนั้นก็จะเหมือนกับแมคโดนัลด์มากไปทุกที 

สตาร์บัคส์ค่อยๆ ลดสินค้าที่ไม่ใช่สินค้าหลักของร้านออก เมื่อปี 2015 สตาร์บัคส์ก็เลิกขายซีดี และไม่นานมานี้ก็เพิ่งลดจำนวนของที่ระลึกของร้านลง เช่น แก้ว กระติกน้ำ  

เมื่อเดือนมีนาคม สตาร์บัคส์ประกาศว่าจะปรับปรุงร้านให้ทันสมัยมากขึ้น เน้นไปที่ ความสะดวกสบาย และมีความเกี่ยวข้องกับความต้องการของลูกค้า แต่ละร้านก็ควรจะมีแนวทางเอาใจลูกค้าในพื้นที่ของตัวเอง

ที่มา:

https://edition.cnn.com/2019/07/12/business/starbucks-stop-selling-newspapers/index.html

https://www.nytimes.com/2019/07/12/business/media/starbucks-newspapers.html

https://www.seattletimes.com/business/starbucks/starbucks-stores-to-stop-selling-newspapers-in-the-fall-pointing-to-changing-customer-behavior/

 

ที่มารูป: SAUL LOEB / AFP

Tags: , , , ,