สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา (20-22 กันยายน 2019) มีอีเวนต์สำคัญเกิดขึ้นบนแผ่นดินเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นั่นคือการแข่งขันรถสูตรหนึ่งชิงแชมป์โลก ฟอร์มูล่า วัน รายการ สิงคโปร์ กรังด์ ปรีซ์ ที่จัดขึ้นใน มาริน่า เบย์ เซอร์กิต ประเทศสิงคโปร์ อันเป็นอีเวนต์สำคัญที่ใครๆ ก็ต้องมาสักครั้งไม่ว่าคุณจะเป็นแฟนกีฬาชนิดนี้หรือไม่ก็ตาม เพราะมีกิจกรรมมากมายให้ทำแบบหลายหลาก
Singapore GP เรซที่เปี่ยมสีสันของ F1 ( ภาพจากเฟซบุ๊ก Singapore GP)
อธิบายกันสักนิด การแข่งขัน สิงคโปร์ กรังด์ ปรีซ์ คือหนึ่งในเรซการแข่งขัน ฟอร์มูล่า วัน ที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกฤดูกาล โดยจัดขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อปี 2008 ณ สนาม มาริน่า เบย์ เซอร์กิต ประเทศสิงคโปร์ จากการร่วมมือกันระหว่างภาครัฐและเอกชน ซึ่งที่จริงแล้วก็ไม่ใช่สนามแข่งแบบ 100 เปอร์เซ็นต์ แต่เป็นการเอาถนนบริเวณรอบๆ มาริน่า เบย์ มาปรับปรุงให้เป็นแทร็คที่สามารถใช้แข่งขันรถสูตรหนึ่งตามมาตรฐานของสหพันธ์ยานยนต์นานาชาติ (FIA) จนเรียกกันว่าเป็น ‘สตรีท ไนท์ เรซ’ และ สิงคโปร์ ก็ได้สิทธิ์เป็นเจ้าภาพแข่งขันต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน
เนรมิตถนนในประเทศให้เป็นสนามแข่งยามค่ำคืน (ภาพจากเฟซบุ๊ก Singapore GP)
เสน่ห์ของ สิงคโปร์ กรังด์ ปรีซ์ คือพวกเขาจัดการแข่งขันรถสูตรหนึ่งในเวลากลางคืน แตกต่างจากสนามประเทศอื่นในปฏิทิน ฟอร์มูล่า วัน ที่ 95 เปอร์เซ็นต์แข่งกันในเวลากลางวัน ทีนี้ข้อได้เปรียบอีกอย่างคือบริเวณ มาริน่า เบย์ มีวิวทิวทัศน์ที่สวยงามรายล้อมเต็มไปหมดทั้งตึกแฝด 3 อย่าง มาริน่า เบย์ แซนด์ ที่มีเรืออยู่ด้านบนเป็นสัญลักษณ์ รวมถึงเจ้าสิงโตพ่นน้ำ เมอร์ไลออน ที่นักท่องเที่ยวทุกคนต้องมาสักการะ (ฮา) ตึกรามบ้านช่องต่างๆที่จะเปิดไฟแสดงความสวยงามยามค่ำคืน เพิ่มสีสันให้กับการแข่งขัน
เซบาสเตียน เวทเทล แชมป์ประจำปีนี้ (ภาพจากเฟซบุ๊ก Singapore GP)
และอีกสิ่งที่เป็นเสน่ห์ดึงดูดให้ ฟอร์มูล่า วัน ที่สิงคโปร์ แตกต่างจากเรซของประเทศอื่นยิ่งกว่าคือการดึงศิลปินชื่อดังระดับโลกมาเล่นคอนเสิร์ต ซึ่งในอดีตยุคแรกๆ ยังเป็นศิลปินที่ไม่มีชื่อเสียงมากนัก แต่เมื่อพวกเขามียอดผู้ชม มีผู้สนับสนุนจากภาคเอกชนมากยิ่งขึ้นทำให้ผู้จัดมีกำลังทรัพย์มากพอที่จะดึงศิลปินเบอร์แรงๆ มาร่วมอีเวนต์นี้มากยิ่งขึ้นทั้ง Justin Bieber, Maroon5, Bon Jovi, Backstreet Boys, Mariah Carey, Katy Perry, Liam-Noel Gallagher (แยกกันมาคนละปี), Queen, Linkin Park เรียกว่าถึงคุณไม่อินกับ ฟอร์มูล่า วัน บินมาดูคอนเสิร์ตศิลปินที่ชอบก็คุ้มแล้ว
สำหรับปี 2019 ไฮไลท์เด่นของชาวไทยคือการที่มีนักแข่งลูกครึ่งไทย-อังกฤษ อย่าง อเล็กซานเดอร์ อัลบอน ลงขับขี่รถสูตรหนึ่งให้กับทีมดีกรีแชมป์โลกอย่าง ‘เรด บูลล์ เรซซิ่ง’ ส่วนฟากฝั่งของคอนเสิร์ตก็ได้บิ๊กเนมอย่าง Red Hot Chili Peppers วงฟังค์รุ่นเก๋าระดับตำนาน กับ MUSE ยอดวงร็อกหัวล้ำสมัยจาก UK รวมถึง Hans Zimmon เจ้าพ่อสกอร์เพลงหนังดังฮอลลีวูดมาร่วมขึ้นเวที เพียงแค่นี้ก็พอแล้วที่จะเรียกร้องความสนใจจากแฟนรถสูตรหนึ่งและสายคอนเสิร์ตให้ตีตั๋วบินมาร่วมงานยักษ์มหึมาที่แดนลอดช่องนี้ (ผู้เขียนเองก็หนึ่งในนั้น หลังจากผลัดมาหลายปีเพราะนักแข่งที่เชียร์ฟอร์มตก และศิลปินที่มาก่อนหน้านี้ยังไม่โดนใจเท่าไร)
Red Hot Chili Peppers ขวัญใจชาวร็อกตัวกลั่น ขึ้นเล่นปิดงานชิงชนะเลิศ
ซื้อตั๋วอย่างไรให้ตอบโจทย์ความต้องการ
สำหรับตั๋ว ฟอร์มูล่า วัน สิงคโปร์ กรังด์ ปรีซ์ จะเปิดขายราคา Early Bird ในช่วงราวเดือนมกราคมหรือกุมภาพันธ์ของทุกปี แต่ก่อนจะกดซื้อตั๋วในเว็บไซต์ SingaporeGP ก็ต้องตอบคำถามตัวเองให้ได้ก่อนว่าอยากดูอะไรมากกว่ากันระหว่างรถแข่ง ฟอร์มูล่า วัน หรือคอนเสิร์ต ถ้าดูรถแข่งเป็นหลักก็ซื้อตั๋วที่นั่งตามกำลังทรัพย์ที่สะดวก ตั้งแต่ราคา 4,000 บาทโดยประมาณ จนถึงราคาแบบสุดกู่คือบริเวณ แกรนด์ สแตนด์ (ที่เห็นนักแข่งออกสตาร์ทและเข้าเส้นชัย) ซึ่งแพงระยับถึง 20,000 บาทขึ้นไป แต่ถ้าอยากดูคอนเสิร์ตเป็นหลัก ก็ให้เลือกตั๋วแบบ Walkabout คือสามารถเดินดูรถแข่งได้ทั่วสนาม แต่เป็นแนวชะโงกดูตามรั้วข้างทาง ไม่มีที่นั่งเป็นหลักเป็นแหล่งให้ ทว่าก็สะดวกต่อการเคลื่อนตัวไปที่เวทีคอนเสิร์ต
และสำหรับคนจะไปดูคอนเสิร์ต ก่อนซื้อก็ต้องเช็คให้ดีด้วยว่าศิลปินที่ท่านโปรดปรานนั้นเล่นเวทีโซนไหน ซึ่งจะแบ่งแยกชัดเจน โซน 1-2-3-4 แล้วทีนี้คือบัตร F1 ที่เราซื้อจะมีระบุชัดเจนว่าเราเข้าโซนไหนได้บ้าง บัตรบางประเภทก็เข้าไม่ได้ทุกโซน (อย่าง Bay Grandstand ที่ผู้เขียนซื้อก็เข้าได้แค่โซน 3-4) ซึ่งส่วนใหญ่แล้วศิลปินดังๆมักจะได้เล่น Padang Stage ที่อยู่โซน 4 แต่ก็มีศิลปินบางรายที่แยกไปเล่นโซน 1 ที่ดูหรูหราไฮโซกว่า – ดังนั้นก่อนกดซื้อตั๋วแล้วตัดเงินผ่านบัตรเครดิตก็ดูให้ดีจะได้ไม่ต้องเสียใจภายหลัง
ผู้เขียนซื้อตั๋วโซน Bay Grandstand ที่อยู่ใกล้บริเวณตึก มาริน่า เบย์ แซนด์ เพราะดูจากอินเทอร์เน็ตเห็นแล้วว่าเป็นมุมที่มีทิวทัศน์สวยงาม มีที่นั่งมากมายกว้างขวาง เห็นรถแข่งวิ่งผ่านหน้าแบบชัดเจน และเมื่อแข่งจบก็จะเห็นการยิงดอกไม้ไฟจากแม่น้ำขึ้นฟ้าแบบสวยงามตระการตา ทว่าสิ่งที่ต้องแลกคือเวทีคอนเสิร์ตซึ่งอยู่โคตรไกล ใช้เวลาเดินจากที่นั่งไปเวทีในเวลา 10 นาทีเศษ ดังนั้นระหว่างดูรถแข่งจิตใจเลยไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัวเท่าไรเพราะอยากดู MUSE และ Red Hot Chili Peppers มากๆ ทำให้สุดท้าย เมื่อรถแข่งรอบชิงชนะเลิศ แข่งไป 10 รอบ ผู้เขียนก็วิ่งกุลีกุจอไปที่ Padang Stage เวทีคอนเสิร์ตเพื่อไปจับจองพื้นที่ด้านหน้าแบบเหนื่อยหอบ ก่อนดูถ่ายทอดสดผ่านจอมอนิเตอร์ที่หน้าเวทีแทน (คิดในใจ บินมาดูรถแข่งผ่านจอที่สิงคโปร์ เอ็งนอนดูอยู่บ้านก็ได้มั้ง ฮาๆ)
แผนผังสนามแข่งขัน ระบุสถานที่สำคัญให้เลือกเดิน
ดังนั้นถ้าให้แนะนำ หากคุณชอบดูรถแข่ง ซื้อตั๋วแบบมีที่นั่งจะสบายสุด จัดไปตามกำลังทรัพย์ที่มี – แต่ถ้าอยากดูคอนเสิร์ต ซื้อตั๋วแนว Walkabout เพื่อการเคลื่อนที่ไปเวทีคอนเสิร์ตแบบสะดวกที่สุดจะดีกว่า ส่วนถ้าอยากรู้ว่าจะมีศิลปินคนไหนมาเล่นบ้างก็ขอให้รอช่วงประมาณเดือนมีนาคม เพราะเจ้าภาพจะเริ่มประกาศชื่อศิลปินที่จะมาเล่นกันในช่วงนั้นให้ได้ตัดสินใจกัน
สำหรับ ฟอร์มูล่า วัน สิงคโปร์ กรังด์ ปรีซ์ ปี 2019 ก็เป็นอีเวนต์ที่ประสบความสำเร็จเช่นเคย โดยเฉพาะแฟนคลับของทีม เฟอร์รารี่ (ซึ่งคนที่สิงคโปร์ชอบทีมนี้มากๆ) เมื่อ เซบาสเตียน เวทเทล นักแข่งชื่อดังของทีมกลับมาคืนฟอร์มคว้าแชมป์ประจำเรซ อันเปรียบเสมือนโฮมเรซของทีม ‘ม้าลำพอง’ ขณะที่ฝั่งคอนเสิร์ต ชาวร็อกจากทั่วทุกสารทิศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ก็ได้ยลลีลาเร้าใจ แก่แต่เก๋าของ Red Hot Chili Peppers เจ้าของเพลงฮิต Give It Away, Can’t Stop, By the Way ฯลฯ ที่เฝ้ารอกันมานานเพราะลุงๆ เขาไม่มาทัวร์อาเซียนเลยตั้งแต่ปี 2002 ทำให้มีแฟนเพลงจากฝั่งเพื่อนบ้าน ไทย,มาเลเซีย, อินโดนีเซีย ฯลฯ ต้องบินตามมาดูถึงสิงคโปร์กันแบบคับคั่ง….เพราะเป็นประเทศเดียวที่มีเงินจ้างตำนานมาเล่น
มุมมองจากฝั่ง Bay Grandstand บัตรที่ผู้เขียนซื้อมา
ทั้งนี้ ยอดผู้ชมประจำปี 2019 เปิดเผยออกมาเรียบร้อยว่าตลอด 3 วันทำการ มีนักท่องเที่ยวและผู้มีใจฝักใฝ่ความเร็วของรถสูตรหนึ่งมาเที่ยวกันมากถึง 268,000 คน มากกว่าปีที่แล้ว 5,000 คน ทำรายได้สะพัดอีกครั้ง แม้ความจริงว่าช่วงระยะหลังพวกเขามีนักท่องเที่ยวน้อยลงจนเกิดการขาดทุนสะสมเรื่อยๆ เมื่อเทียบกับเงินทุนที่ใช้จัดการแข่งขันตกปีละ 3,750 ล้านบาท ก็ไม่ค่อยได้กำไรกันเท่าไร ด้านยอดผู้ชมก็ลดน้อยลงช่วง 4-5 ปีหลังเพราะเบื่อหน่ายกับการแข่งขันที่ไม่เร้าใจและคนที่เป็นแชมป์ก็มักจะเป็นนักขับทีมใหญ่หน้าเดิม โดยเฉพาะ ลูอิส แฮมิลตัน นักแข่งจาก เมอร์เซเดส เอเอ็มจี ที่ผูกขาดแชมป์แทบทุกสนาม ทำให้ทาง สิงคโปร์ พูดคุยกับ FIA เพื่อถอนตัวจากการเป็นเจ้าภาพ F1 ตามรอย มาเลเซีย เพื่อนบ้านที่ชิงบอกเลิกจัด F1 ไปก่อนแล้วเพราะขาดทุนสะสมต่อเนื่องจนต้องเปลี่ยนมาจัดแต่รถจักรยานยนต์ชิงแชมป์โลก MotoGP อย่างเดียว อันเป็นกีฬาที่ชาวเสือเหลืองอินมากกว่าเพราะคนที่นั่นก็ขี่รถจักรยานยนต์กันเป็นส่วนใหญ่อยู่แล้ว
บัตรใช้แยกกัน 3 วัน
เวทีคอนเสิร์ต Padang Stage สุดใหญ่โต
แน่นอนว่าเรซที่เป็นเสน่ห์หาตัวจับยากแบบนี้ FIA ไม่ยอมเสียไปง่ายๆ แน่นอน สุดท้ายพวกเขาก็เปิดโต๊ะเจรจากับทางผู้จัดที่สิงคโปร์ และที่สุดก็ตกลงต่อสัญญากันใหม่โดยจะไปสิ้นสุดกันที่ปี 2021 นี้ และเชื่อว่าเมื่อสัญญาเล่มเดิมหมด พวกเขาก็ต้องหาทางต่อกันใหม่อยู่ดีเพราะ สิงคโปร์ ถือเป็นเรซที่เต็มไปด้วยสีสัน ครบเครื่องทั้งกีฬาและบันเทิงแบบที่เรซการแข่งขันประเทศอื่นก็ยากที่จะเลียนแบบ
สีสันยามค่ำคืนรอบสนามแข่ง
จะดูรถแข่ง ฟังเสียงเครื่อง ฟอร์มูล่า วัน สุดกระหึ่ม ชมการแซงสุดระทึกใจ หรือมาสนุกกับคอนเสิร์ตจากศิลปินระดับโลกก็ยังได้ – ใครที่ไม่เคยมา ปี 2020 ลองมาสัมผัสเลยครับ สนุกแน่นอน
ภาพ cover: REUTERS/Tim Chong
Tags: สิงคโปร์